- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
คือส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์เปิดใจของคุณธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ที่พูดคุยกับ The Publisher ถึงสิ่งที่สังคมควรจะได้เรียนรู้จากดรามาปางช้างจนถึงการเคลื่อนย้าย “พลายดอกแก้ว” โดยหลังเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงที่จังหวัดเชียงใหม่ จนทำให้ช้างล้มไปสองเชือก ทำให้คนจำนวนหนึ่งเริ่มเปิดใจกับอุปกรณ์การเลี้ยงช้าง คือ โซ่และตะขอ ที่ถูกสร้างให้เป็นผู้ร้าย โดยเฉพาะในมุมมองของต่างชาติ “ในจังหวัดท่องเที่ยวจะเห็นได้ว่ามีคนต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการจำนวนมาก อ้างอนุรักษ์ ต้องยอมรับความจริงว่าธุรกิจรับบริจาคทำเงินมหาศาล เติบโตได้ดีมาก โดยใช้ความรักของคนที่มีต่อสัตว์ เวลาตั้งชื่อสวยหรูเป็นองค์กรนั้น องค์กรนี้ให้เข้าใจว่าเป็นบริษัททั้งหมด กระทำการเพื่อผลประโยชน์ ทำกำไรทั้งสิ้น โดยใช้ความน่าสงสารของสัตว์ จึงอยากให้สังคมไทยตระหนักและเท่าทันธุรกิจนี้ อย่าไปเชื่อว่าเขาทำกิจการเพื่ออนุรักษ์ช้าง เขาทำกิจการเพื่อทำเงิน การอนุรักษ์หรือรันแคมเปญเป็นแค่โพรดัก” คุณธีรภัทร ยกตัวอย่างกรณีหมูเด้งที่มีองค์กรหนึ่งไปรณรงค์ว่าน้องเป็นสัตว์ป่าต้องอยู่ในป่าว่า องค์กรนี้ไม่ได้มีเป้าหมายให้หมูเด้งไปอยู่ในป่า ต้องการเพียงแค่ทำแคมเปญเพื่อระดมทุน เช่นเดียวกับองค์กรที่บอกให้เอาช้างไทยคืนมาจากศรีลังกา องค์กรที่อยู่เบื้องหลังการเรียกร้องไม่ได้มีเป้าหมายในการเอาช้างกลับมา เป็นเพียงกระบวนการได้มาซึ่งรายได้และอ้างไปรับเงินจากที่โน่นที่นี่ เพื่อบอกว่ากำลังทำสิ่งนี้เท่านั้น ต่างชาติไม่รู้ก็คงเชื่อทุกอย่างที่เขาโพสต์ในอินเตอร์เน็ต แต่คนไทยขอให้เข้าใจกันก่อน ถ้าไม่มั่นใจในองค์กรใดก็อย่าเสียเงินเอาเงินเก็บไว้เลี้ยงดูตัวเอง พ่อแม่ญาติพี่น้องดีกว่า “ล่าสุดมีคนติดต่อมาว่าจะให้เงินกับน้องที่ไปช่วยช้าง ผมอยากบอกว่าอย่าติดต่อมา เพราะเขาไปด้วยใจ ไปเพื่อช่วยช้างไม่มีเรื่องเงินหรือผลประโยชน์ในเป้าหมายช่วยช้าง ถ้าจะให้ดีเอาเงินไปคืนผู้บริจาค แม้กระทั่งเงินที่ดาราเอามาให้สามถึงสี่ล้าน ถ้าผมมีสิทธิในการตัดสินใจจะโอนคืนผู้บริจาคทุกคน เพราะตอนนี้แยกไม่ออกแล้วระหว่างมูลนิธิกับการทำธุรกิจ เพราะนางฟ้ากับซาตานเป็นคนเดียวกัน จนกว่าจะถูกเฉลยออกมาทีละนิด ให้ใช้สามัญสำนึกในการพิจารณาอะไรที่ผิดปกติแสดงว่าผิดปกติ”.ขอบคุณรูปภาพ: ร่มแดนช้าง Tusker Shelter
นายวันชัย สอนศิริ ทนายความ เปิดเผยกับ The Publisher ถึงกรณีออกมาปกป้องพระเมธีวชิโรดม หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา ว.วชิรเมธี ว่า ไม่ได้เป็นทีมท่าน ว. ไม่ใช่ลูกศิษย์ แต่เห็นว่าเป็นพระปฏิบัติดี สอนตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาโดยตลอด จึงออกมาให้ข้อมูลในทางกฎหมาย ไม่ได้เจตนากระทบกระทั่งกับทนายคนใดทั้งสิ้น แต่เมื่อท่านถูกรุมแทะ รุมทึ้งรุมกระแทกแดกดัน ถูกใส่ร้ายป้ายสี ในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ออกมาปกป้อง แจงทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่อย่างนั้นสังคมจะเข้าใจผิด เพราะฟังความข้างเดียวถ้าเราดูคลิปสองคลิปที่ออกมา ท่านไม่ได้ผิดอะไรเลย และตราบใดที่ศาลฯ ยังไม่มีคำพิพากษาท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนไม่ได้เข้าข้าง พูดตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มีตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ดารานักร้องรับจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ ศาลฯ ก็พิพากษาไม่ผิด เพราะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการประกอบกิจการ เพียงแต่รับจ้าง ท่านว.ไม่ได้รับจ้าง รับนิมนต์ไปเทศน์ อาจมีกระเซ้าเย้าแหย่ไปที่บริษัทก็ปกติ ไม่ได้เลยเถิด “คนที่ไปกล่าวหาท่านพูดด้วยเหตุผลใดไม่รู้ มันมากเกินไป เกินกว่าข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทำสังคมส่วนหนึ่งพิพากษาไปแล้ว ต้องจัดวางพอดีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนหรือใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ สังคมกำลังรุมขย้ำไม่ได้มองอีกด้านหนึ่ง” ส่วนการดำเนินคดีที่มีการไปแจ้งความแล้วก็ดำเนินไป ยังเชื่อในความสุจริตของท่านว. ว่าจะผ่านวิบากกรรมครั้งนี้ได้ เพราะทองแท้ทนต่อการพิสูจน์ เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หรือการตรวจสอบไร่เชิญตะวันว่ารุกป่าดอยตุงหรือไม่ ก็ดำเนินการไป ตรงไหนผิดก็ว่าไปตามผิด คิดว่าท่านว.ก็คงไม่วิตกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ติดตามสัมภาษณ์ฉบับเต็มในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง เที่ยงถึงบ่ายโมง วันนี้ (21 ต.ค.67) ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
(ติดตามสัมภาษณ์ ธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสพันธ์ช้างไทย ปมเคลื่อนย้ายพลายดอกแก้ววันนี้ เที่ยง-บ่ายโมง ใน ”เที่ยงเปรี้ยงปร้าง“) ยังเป็นประเด็นที่คนรักช้างติดตามต่อเนื่อง หลัง ‘แสงเดือน ชัยเลิศ’ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ออกมาโพสต์ให้กัญจนา ศิลปอาชา นำช้างที่ฝากเลี้ยงสองเชือกคือ พลายดอกแก้ว และพลายขุนเดช ย้ายออกจากปางช้าง ENP ทำให้ทีมเคลื่อนย้ายวางแผนเคลื่อนย้ายพลายดอกแก้วมาแล้วสองครั้ง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จะเคลื่อนย้ายอีกครั้งในวันนี้ ขณะที่มีความเคลื่อนไหวจากเพจแสงเดือน แชร์โพสต์ควาญช้าง ENP มีข้อความ ดังนี้สวัสดีครับ ผมเป็นหัวหน้าควาญช้างที่มูลนิธิฯ นะครับ พวกผมเงียบมานานแล้วนะครับแต่ถ้าไม่พูดสังคมจะคิดว่าการเงียบคือการยอมรับว่าสิ่งที่ใครบางคนพูดคือความจริงทั้งหมด การมาย้ายช้างดอกแก้ว ทางมูลนิธิฯให้ความร่วมมือทุกอย่างไม่ว่าจะขอให้ทำอะไรอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง วันแรกอยากเอารถมารับที่ประตูหลังก็ทุบเคลียร์กำแพงให้ พอเคลียร์ประตูหลังเสร็จไม่ขนออกไปแต่ไปออกข่าวว่า มูลนิธิฯไม่เปิดประตูให้? หลังจากที่ทุบประตูด้านหลังแล้ว พวกเราต้องจัดควาญมานอนเปลี่ยนเวรกันถึงคืนละสี่คนเพื่อป้องกันไม่ไห้ดอกแก้วหลุดเพราะกำแพงที่ทุบไปหนึ่งชั้นทำให้คนข้างนอกที่เดินถนนสามารถเดินเข้าออกช่องกำแพงได้พวกเราต้องหาคนมาป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นและการที่กำแพงที่เปิดโล่งอย่างนั้นอาจสร้างสิ่งเร้าใจให้ดอกแก้วเกิดความโมโหจากการยั่วยุจากคนข้างนอก ต่อมาขอเปลี่ยนแผนมาขอใช้ประตูหน้าที่เราใช้คานเหล็กที่ทำอย่างแน่นหนา ในการทำประตูและในการทำงานขนช้างของมูลนิธิฯเราไม่เคยเอารถขนช้างผ่านเข้าไปในประตู ทุกครั้งที่เอาช้างขึ้นลงเราเอาช้างมาขึ้นหรือลงนอกประตูเท่านั้นเพื่อป้องกันการรบกวนช้างอื่นที่นอนอยู่ในพื้นที่นั้น เมื่อทีมขนช้างดอกแก้วร้องขอมาจะเอารถเข้าให้ได้ เราก็ยอมแม้กระทั่งขุดดินตรงประตูลงไปถึงคานประตูลงไปเมตรกว่า ก่อนจะให้ขุด ทางทีมคน ทีมรถก็มาวัดกันแล้ว แต่การไปต่อเติมรถภายหลังรถเข้าไม่ได้ เพราะความยาวเลี้ยวไม่ได้และความสูงที่ต่อเติมมามันสูงเกินมาตรฐานต่อให้เป็นถนนของทางหลวงก็เข้าไม่ได้ครับเพราะต่อเติมมายาวขนาดนั้น ความยาวของรถมันเข้าไม่ได้ มันไม่ใช่ความผิดของประตูครับ เรื่องของคนที่ว่าเรามามาก ถ้าต้องการมาแบบเงียบ ๆ เห็นแก่ช้างก็ให้ย้ายแบบเงียบ ๆ นะครับ ทาง ENP และมูลนิธิฯ เขาไม่มีไลฟ์ไม่มีการประชาสัมพันธ์หรือเชิญชวนใครมา ที่มาวุ่นวายไปหมดนั่นไม่ใช่ทางเราเชิญมานะครับ ช้างของเราที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นต้องการสงบสุขไม่ต้องการคนมามากมายขนาดนั้น ดังนั้นขอร้องนะครับคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สมควรมาสร้างความวุ่นวายนะครับ เวลามาทำงาน วันที่จะมาขนวันที่สองเวลานัดครั้งแรกแปดโมงเช้า ทาง มูลนิธิฯเขาเตรียมคนที่จำเป็นไว้ช่วย พวกผมมานั่งรอตั้งแต่แปดโมงเช้า เลื่อนไป สิบเอ็ดโมง เลื่อนเป็นบ่ายสองโมงและมาถึงจริง ๆ บ่ายสามโมงกว่า ทุกคนทำงานด้วยความอดทนอดกลั้นต่อคำพูดที่ไม่จริงมานานแล้ว ตอนวางยาช้างดอกแก้ว วางครั้งแรกในเวลา 5 โมง ซึ่งทางเราเห็นว่ามีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์เพราะจะเข้ายามวิกาลแล้ว ความมืดจะทำให้การสังเกตอาการของช้างได้ไม่เต็มร้อย ทางพวกเราได้ให้ความเห็นว่าถ้ามันเข้าสู่ความมืดมันจะไม่ปลอดภัยทั้งคนทั้งสุขภาพช้าง แต่เนื่องจากในระหว่างวางยาเกิดฝนพายุกระหน่ำมาอย่างหนัก ดอกแก้วจึงได้เดินหลบฝนไปสู่ใต้คอกที่นอน ดอกแก้วเป็นช้างสุขภาพดีไม่เคยเจ็บป่วยทำให้ร่างกายต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีและยาซึมที่วางไว้เข็มแรกไม่สามารถทำให้ดอกแก้วซึมได้ หมอจึงทำการวางเข็มที่สองในเวลา 18.04.น จนกระทั่งเวลา เวลา 18.42 น. ทีมขนช้างก็ออกเดินทางกลับโดยมีคุณหมอต้นและควาญจากทีมขนช้างอยู่รอดูออาการช้างกับทางทีมหมอของมูลนิธิ จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. คุณหมอต้นก็ออกจากพื้นที่ แต่ยังมีทีมสัตวแพทย์และควาญช้างของทางมูลนิธิอยู่รอดูอาการน้องดอกแก้วจนถึงสามทุ่ม เมื่อคุณหมอของมูลนิธิ เห็นว่าอาการน้องดีแล้วจึงอนุญาตให้ควาญเอาอาหารมาให้ดอกแก้ว เพราะดอกแก้วไม่ได้กินอาหารมาทั้งวันเนื่องจากการอดอาหารในการวางยา การทำงานกับช้างคนเลี้ยงช้างจะถือเอาสัจจะเป็นที่ตั้ง…
คำว่า “ทุจริตเชิงนโยบาย” เป็นที่รู้จักในยุคนายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเต็มไปด้วยข้อครหาออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและครอบครัว จนกลายเป็นคดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษามีความผิดติดคุกไปหลายคดี รวมถึงยึดทรัพย์ด้วย ตัวละครที่เกี่ยวพันกับการร่วมด้วยช่วยเหลือ “รับใช้นาย” กลับมาวนเวียนเกี่ยวพันกับการบริหารในยุคลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ด้วย โดยเฉพาะคดีเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ปฯ ซึ่งน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมว.ไอซีที ถูกพิพากษาติดคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา พ้นคุกออกมายังโลดแล่นในแวดวงการเมือง ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากนางสาวแพทองธาร ให้เป็นที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ และเป็นประธานบอร์ดพัฒนาซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ และกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นางสาวแพทองธาร ถูกร้องว่า อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง หลังตั้งคนเคยติดคุกมาช่วยงานบริหารบ้านเมือง ตัวละครสำคัญที่เกี่ยวพันกับการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ปฯ ในยุคทักษิณ คือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดบอร์ดองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ ทศท. ที่ต้องร่วมชดใช้เงินกว่า 66,060 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจากคดีแก้ไขสัมปทาน เพื่อลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid Card) ให้เอไอเอส ซึ่งขณะนั้นเป็นของนายทักษิณ โดยมิชอบ ชื่อ “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์” ยังพัวพันกับคดีที่นพ.สุรพงษ์ สมัยเป็นรมว.คลัง ถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปีแต่รอลงอาญา จากกรณีตั้งบอร์ดแบงก์ชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีการตั้งกรรมการคัดเลือกสามรายที่มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน หนึ่งในนั้นคือ “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการบริหารธนาคารทหารไทย ซึ่งศาลฯ เห็นว่าธนาคารดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ขณะที่กรรมการ ธปท.มีบทบาทสำคัญดูแลเสถียรภาพด้านการเงินของประเทศ การแต่งตั้งครั้งนั้นจึงขัด พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรา 28/1 วรรคสาม และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 9 ถือว่าทั้ง 3 ราย เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการคัดเลือก จึงพิพากษาว่า นพ.สุรพงษ์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี…
เป็นรายงานจาก กกต.หลังนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณา 6 คำร้องที่ขอให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้ครอบงำ ชี้นำ โดยเห็นว่าคำร้องมีมูล และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อเสนอความเห็นภายใน 30 วัน และขยายได้ครั้งละไม่เกิน 30 วันจนกว่าจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ผู้ร้องที่ถูกระบุเป็นบุคคลนิรนามคือ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล โดยอ้างพฤติการณ์ของแกนนำทั้ง 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไปประชุมกับนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง รวมถึงการสัมภาษณ์ของนายทักษิณหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างจัดตั้งรัฐบาล การชี้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกพรรคร่วมรัฐบาล การนำวิสัยทัศน์ที่นายทักษิณแสดงไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายรัฐบาล โดยเห็นชัดว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 92 ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้ผู้ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และการที่พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลยินยอมถูกควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำเข้าข่ายขัดมาตรา 28 หากการสอบสวนพบการกระทำผิด นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องเสนอต่อ กกต. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ต่อไป
เป็นการเปิดเผยจากนายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านทัณฑวิมยา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ะบุว่า ผู้ต้องขังทั้ง 17 คน มีการแยกขังชาย-หญิง อยู่ระหว่างการตรวจร่างกาย ซักประวัติรักษาโรค ก่อนควบคุมเข้าพื้นที่แดนกักโรคเป็นเวลา 5 วัน โดยพบว่ามบอสสองรายมีโรคประจำตัวคือ นายธวิณทร์ภัส หรือบอสวิน เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีใบเอกสารรักษาตัวและใบยาชัดเจน ส่วนนายจิระวัฒน์ หรือ โค้ชแลป เป็นโรคไต มีใบเอกสารรักษาตัวและใบยาชัดเจนเช่นเดียวกัน ส่วนบอสคนอื่น ๆ โดยเฉพาะบอสดารา เครียดมากนอนไม่หลับ และอยากเจอญาติ ทั้งนี้ภายในห้องจะมีกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสังเกตอาการอยู่ตลอดเวลา ส่วนเมนูเมื่อคืนนี้ กลุ่มบอสชายได้กิน เมนูแกงเผ็ดปลามะเขือเปราะและผัดคะน้าใส่ไก่ ส่วนช่วงเช้าเป็นเมนูแกงเขียวหวานใส่ฟักเขียวและข้าวสวย ด้านนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบอสหญิงทั้ง 7 คนว่า มี 3-4 คนมีโรคประจำตัว บางคนมีไข้และความดันโลหิตสูง ส่วนญาติจะเยี่ยมได้หลังกักโรคห้าวัน คือวันที่ 22 ต.ค.นี้ บอสมินไม่ได้แสดงออกว่าเครียด แต่คิดว่าคงมีความเครียด
นางสาวสกุณา สาระนันท์ สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และคณะ แถลงยืนยันกรรมาธิการฯ ยังไม่ได้รับเรื่อง หรือพิจารณากรณี ว. วชิรเมธี เทศน์สอนธรรมะให้กับบริษัทดิไอคอน โดยอ้างว่าตามข้อบังคับเรื่องที่นำเข้าพิจารณาต้องได้รับเรื่องร้องเรียนก่อน และด้วยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงมีความจำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอน ส่วนประเด็นที่ ว.วชิรเมธี โพสต์ข้อความ ,ปรากฏภาพ และการเทศนาให้กับบริษัทดิไอคอนนั้น นางสาวสกุณา บอกในฐานะกรรมาธิการไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ส่วนตัว เชื่อมั่นว่าท่านว.วชิรเมธี เป็นพระสงฆ์ที่หลายคนให้ความเคารพนับถือ มีวุฒิภาวะ แน่นอนว่าเราต้องเคารพในการกระทำของท่านอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีประเด็นที่ ว.วชิรเมธี ออกมาตอบโต้ เหมาะสมหรือไม่ นางสาวสกุณา ขออนุญาตไม่ตอบคำถาม พร้อมยืนยันว่ากรรมาธิการทุกคนยังเห็นตรงกันที่ จะยังไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา ส่วนความคิดเห็นของกรรมาธิการสัดส่วนพรรคประชาชนเป็นความเห็นส่วนตัว ทำให้ต้องมาแถลงข่าวเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
มีความคืบหน้าต่อเนื่องสำหรับคดีดิไอคอนกรุ๊ป รวบ 18 บอสเข้าซังเตไปแล้ว รอส่งฝากขังโดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว แต่เรื่องราวยังไม่จบเท่านี้ รายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher พาไปเจาะลึกข้อมูลเครือข่ายเทวดากับ คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ยืนยันว่า มีสี่หน่วยงานประกอบด้วย ปคบ. สคบ. สอท. และ ดีเอสไอ ถูกพาดพิงว่ารับเงินใต้โต๊ะ เป็นเทวดาคุ้มครอง “ดิไอคอนกรุ๊ป” มายาวนานหลายปี ทำให้รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายมาได้ แม้จะมีเรื่องร้องเรียนตั้งแต่ปี 2561 แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรจนกระทั่งเกิดความเสียหายรุนแรงอย่างที่เห็นทุกวันนี้ จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องกระชากเครือข่ายเทวดาออกมาสะสางให้หมด พร้อมเสนอให้พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ สั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่เข้าไปพัวพันกับดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งคุณเอกภพบอกเขารู้กันทั้งดีเอสไอ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเหลือบไรที่กัดกินสังคมอยู่แบบนี้ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส คุ้มครองคนทำผิด เพราะตัวเองได้รับผลประโยชน์ “เทวดาตามหน่วยงานต่าง ๆ ยังมีบิ๊กบอสอยู่ด้วย ใหญ่กว่ารัฐมนเป็นนักการเมืองระดับสูง ที่ยังมีตำแหน่งในปัจจุบันแต่บารมีลดลง เงินใต้โต๊ะมหาศาลเชื่อว่าไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จะสาวให้ถึงต้นตอไม่ยากให้จับลูกกรอก เจ้าของคลิปเสียงสนทนาเรียกเงินแสนจากบอสพอลมาเชือดเป็นตัวอย่าง แล้วไล่ไปให้หมด สังคายนาเลยสังคมจะปรบมือให้ ” ขณะเดียวกันก็ต้องสอบสวนแม่ทีมซึ่งมีบทบาทสำคัญในการหลอกล่อหาลูกทีม และมีข้อมูลมากกว่าที่ระบุไว้ในระบบจึงเชื่อว่ามูลค่าธุรกิจนี้น่าจะมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท และผู้เสียหายก็ยังมีอีกจำนวนมาก หากล้วงข้อมูลตรงนี้ได้ก็จะทลายเครือข่ายเอาคนผิดมาลงโทษได้ คุณเอกภพ เปิดข้อมูลด้วยว่ายังมีอีกหลายบริษัทที่มีพฤติการณ์ไม่ต่างจากดิไอคอนกรุ๊ป โดยเร็ว ๆ นี้จะเปิดชื่อบริษัทสองพยางค์ ที่มีดาราโฆษณาเช้ากลางวันเย็น ส่วนจะใช่ Bhip หรือไม่ให้รอติดตาม เพราะตอนนี้ก็มีคนร้องเรียนเข้ามาอยู่ระหว่างตรวจสอบ ที่ยืนยันว่าไม่ผิด ต้องดูพฤติการณ์พอสอบก็รู้ “ความเสียหายอาจมากกว่าดิไอคอนเพราะบริษัทนี้มุ่งเน้นนักเรียน นักศึกษาที่กำลังมีความฝัน ความหวัง ไปทำลายความฝันของเขา จะนามสกุลดังแค่ไหนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน วันนี้กระแสสังคมต้องการกวาดล้างเรื่องนี้ นามสกุลดังไม่สำคัญ”
โดยช่อง 7HD ออกประกาศหลังมีข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอ้างอิงถึง ผู้บริหาร/อดีตผู้บริหารช่อง 7HD ร่วมเป็นแม่ข่ายชักจูงผู้อื่นทำธุรกิจที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น ขอเรียนแจ้งว่า บุคคลตามที่มีการอ้างอิงถึงดังกล่าว ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ การดำเนินการใด ๆ ของบุคคลดังกล่าว เป็นการกระทำส่วนบุคคล ซึ่งช่อง 7HD ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด
The Publisher เกาะติดคดีใหญ่กับธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าก้นเหวอยู่ตรงไหน และมืดดำเพียงใด แต่ที่แน่ๆ มีข้อสังเกตว่านี่คือขบวนการ ทำเป็นองค์กรอาชญากรรมระดับชาติหรือไม่ เราไปถอดรหัสคดีนี้กับคุณเชาว์ มีขวด ทนายความกับมุมมองของคดีนี้ The Publisher: คดีของ ดิไอคอนกรุ๊ป เข้าข่ายผิดกฎหมายแบบไหน? เชาว์ มีขวด: ประเด็นแรกดูจากพฤติการณ์เกี่ยวกับการกระทำ มองว่าเป็นการโฆษณาการหลอกลวงเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ไม่ใช่ในลักษณะเชิงลูกโซ่แบบที่สังคมตั้งข้อสังเกต การโฆษณาขายสินค้าในลักษณะหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนมากกว่า The Publisher: ถ้าเขาอ้างว่าไม่ได้ฉ้อโกง เพราะว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เขามีสินค้าให้คุณลงทุนเองแบบนี้ได้ไหม เชาว์ มีขวด: ให้ชี้ไปที่การกระทำคำพูดการโฆษณาต่าง ๆ ว่ามันเป็นจริงตามที่พูด เช่นการรับรองว่าสินค้ามีสต๊อกมากมายแล้วก็เป็นสินค้าชั้นดีเป็นที่นิยมขายไม่ทันระบาย ไม่ทันอะไรทำนองนี้ ข้อเท็จจริงนี้มันขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ปรากฏ มูลฐานความผิดแรกเลยคือน่าจะไม่รอดเรื่องของฉ้อโกง The Publisher: บางคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นอาชญากรระดับชาติได้หรือเปล่า เชาว์ มีขวด: คิดว่าเป็นอาชญากรระดับชาติ เพราะการกระทำเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่การอาศัยความมีชื่อเสียงของดารา ดึงเข้ามาเป็นฐานในการดึงดูดสมาชิกให้หลงเชื่อในคุณสมบัติของดารา ว่าคนนี้มีความน่าเชื่อถือ เช่นคุณแซม ยุรนันท์ ซึ่งประวัติของคุณแซมเป็นคนที่มีชื่อเสียงฐานะความเป็นอยู่ มีความน่าเชื่อถือในสังคมดาราสูง การที่มาพูดมารับรองมาทำตัวเป็นบอสไอคอน ทำให้คนหลงใหลเชื่อถือ ทั้ง ๆ ข้อเท็จจริงที่คุณแซมได้รับ ไม่ทราบว่าคุณแซมจะรู้หรือไม่ แต่ความเป็นจริงที่ได้รับและนำไปถ่ายทอดให้สมาชิกฟังมันเป็นข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกันกับความเป็นจริง ที่บอกว่าทำกันเป็นกระบวนการระดับชาติ เพราะว่ามันมีหลายระดับชั้นหลายวงการหลายบุคคล ผมตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ดูแลคอยเป็นเกราะคุ้มกันให้อยู่เบื้องหลัง เพราะไม่เช่นนั้นกระบวนการเหล่านี้ไม่สามารถจะยืนระยะมาได้เป็นเวลา 5-6 ปี แล้วที่ชัดเจนก็คือตอนนี้เริ่มมีคลิปหลุดออกมาเป็นระยะว่ามีการจ่ายสินบนให้กับคนโน้นคนนี้ เป็นเบี้ยบ้ายรายทางมาโดยตลอด ถึงขั้นบางรายเดือนละ 100,000 บางราย เรียกถึง 30,000,000 เชื่อว่าหลายหน่วยงานไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงาน จะลามไปถึงนักการเมือง ในชั้นกรรมาธิการมีการร้องเรียนว่ามีการจ่ายค่าสินบน ผมถามว่าถ้าธุรกิจคุณดีจริง คุณไปจ่ายสินบนทำไม ธุรกิจคุณตรงไปตรงมาถูกต้องตรวจสอบได้จริง คุณไปจ่ายเบี้ยรายทางสินบนให้กับหน่วยงานต่างๆ ทำไม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ชัดเจนว่ากระบวนการของดิไอคอน เป็นกระบวนการที่ปกปิดการกระทำในลักษณะมองไปว่าน่าจะเข้าบทบัญญัติของกฎหมาย เรื่องอั้งยี้ซ่องโจรเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าทำกันเป็นกระบวนการ ปกปิดการกระทำปกปิดข้อเท็จจริง The Publisher: ส่งต่อคดีไปให้ดีเอสไอด้วยหรือเปล่าเพราะว่ามองว่าเป็นคดีระดับชาติ เชาว์ มีขวด: ตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลางผมว่าความน่าเชื่อถือ แต่ต่อไปมันก็คงลดความน่าเชื่อถือลง เพราะว่าเริ่มมีข่าวแพร่งพรายมาโดยตลอดว่า การยืนระยะของดิไอคอนจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาเป็นเกราะคุ้ม ซึ่งก็หนีไม่พ้นว่าจะมีสีกากีเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นเมื่อตำรวจสอบสวนกลางเข้ามาทำคดี สังคมจะตั้งข้อคลางแคลงใจ ประเด็นแรกผมจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมปล่อยให้ผู้ต้องหาออกทีวีชี้แจงตามรายการต่าง ๆ ลักษณะเหมือนจะเป็นการจัดอีเวนท์ไปซะด้วยซ้ำ…