- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
เป็นการประกาศความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรมป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับ ธนาคารส่งออกและนำเข้า หรือ EXIM BANK และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เปิดนวัตกรรมทางการเงินด้านธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมและขยายแนวร่วมภาคเอกชนไทยมีมาตรการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน สร้างระบบนิเวศธุรกิจซื่อตรงและโปร่งใส ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง และยกระดับมาตรฐานทางธุรกิจ ผ่านการสนับสนุนทางการเงิน หรือเงินทุนสีขาว โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK อธิบายมาตรการการเงินสีขาว คือเงินทุนสนับสนุนผู้ประกอบการสีขาว หรือที่มุ่งมั่นทำความดี ขณะที่ประเทศไทยมีเงินเติมในระบบเงินสีขาว เงินสีเขียว และสีน้ำเงินเพียง 4 แสนล้านบาทจาก 7 ล้านล้านบาท ดังนั้นหากต้องการสร้างประเทศไทยที่เข้มแข็งและโปร่งใสต้องใส่เงินทุนเข้าไปในระบบนี้มากขึ้น ทั้งนี้เงินทุนสีขาว ต้องไปใช้ในกิจการ หรือผู้ประกอบการสีขาว ที่ได้รับการรับรองจาก ป.ป.ช. โดย EXIM BANK จะนำร่องเปิดรับเงินฝากสีขาว และลดกำไร หรือรายรับ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนตามขนาดของผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้น ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์สีขาวในสถานประกอบการให้สะอาด โปร่งใส โดยเริ่มต้นหาผู้ประกอบการสีขาว 1 พันราย และขยายเป็น 1 หมื่นรายภายใน 3-5 ปี และเป็น 3 แสนรายไม่เกิน 10 ปี ขณะที่แหล่งเงินทุนสีขาวจะเริ่มจาก EXIM BANK ไปสู่ธนาคารของรัฐ และขยายไปยังธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปสู่การเติมเงินไปถึง 7 ล้านๆ บาทต่อไป
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามถึงการทำงานที่ล่าช้าของ กกต.เกี่ยวกับการดำเนินการตามคำร้องเรียนกรณีทำผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่จังหวัดมหาสารคาม หลังปรากฏภาพถ่ายวิดิโอหลักฐานชัดเจนว่า มีการแจกเงินแก่ประชาชนถึง 2 เหตุการณ์ แต่ไม่ปรากฏว่า การตรวจสอบของ กกต.มีความคืบหน้าแต่ประการใด จึงฝากกระตุ้นเตือนไปยังกกต.ว่า “ท่านมีหน้าที่ #อย่าขี้ลืม” พร้อมระบุรายละเอียด 2 เหตุการณ์ ดังนี้ เหตุการณ์1ที่1)ผู้ร้องนำหลักฐานภาพคลิปวิดิโอร้องต่อกกต.ว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 ระหว่างเวลา10.00-12.00 น. มีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง โดยมีการแจกเงินแก่ประชาชน หมู่ที่6 หมู่ที10 และหมู่ที่15 ต.แก่งเลิงจาน ประมาณ 300 คนที่เข้าฟังการปราศรัยของหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พรรคเพื่อการเมืองหนึ่ง เหตุเกิดที่ศาลาวัดบ้านหนองจิก ต.แก่งเลิงจาน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม หลักฐานปรากฎตามคลิปวิดิโอ และภาพเป็นการแจกธนบัตรใบละ 100 บาท แก่ประชาชน เหตุการณ์ที่2) ผู้ร้องนำหลักฐานภาพจากคลิปวิดิโอ ร้องต่อกกต.ว่า เมื่อวันที่14มกราคม พบการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง โดยมีการแจกเงินเป็นธนบัตรใบละ100บาท และคูปองเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนที่มาฟังการปราศรัย ของผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ จากพรรคการเมืองหนึ่ง เหตุเกิดที่วัดบ้านป่ากุงตำบลราษฎร์พัฒนา อ.พยักฆ์ภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม หลักฐานปรากฎตามคลิปวิดิโอ และภาพ นายสมชาย ระบุด้วยว่า คำร้องประกอบภาพถ่ายวิดีโอตามหลักฐานที่ผู้ร้องยื่นต่อกกต.นั้น เข้าข่ายการกระทำผิดพรบเลือกตั้งท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 65 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดแจกจ่ายเงินทรัพย์สินและจัดเลี้ยง และมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่1ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่2หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี “ที่ผ่านมา การเลือกตั้งสส.หรือ การจัดให้เลือกกันเองของสว.ที่ผ่านมานั้น ประชาชนและสังคมมีความเคลือบแคลงสงสัยมาตลอด เพราะเคยมีเรื่องร้องเรียนทำนองเดียวกันปรากฎหลักฐานทั้งคลิปวิดิโอ ภาพถ่าย โพย หลักฐานการทุจริตฮั้วเลือกสว การแจกเงินซื้อเสียงเลือกตั้งสส หลายสิบคดี ก็ไม่ปรากฎข่าวว่า กกต.ดำเนินการเอาผิดแก่ผู้สมัคร สส. สว. ได้อย่างจริงจังมากมาย สมราคา จนบางครั้งอาจถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำงานไม่สมกับหน้าที่และอำนาจที่ได้รับมอบหมายมาตามรัฐธรรมนูญ หลักฐานประกอบคำร้องรายนี้เป็นอีกครั้งที่ชัดเจนมากๆ ครับว่า เป็นการแจกเงินทุจริตเลือกตั้ง สื่อมวลชนและสังคมคงต้องช่วยกันติดตามกันครับว่า กกต.จะทำหน้าที่จับทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ ครั้งนี้ได้มั้ย…
เป็นรายการที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะสื่อสารกับประชาชนโดยตรงในชื่อ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ซึ่งจะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เวลา 08.00-08.30 น.ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ รวมถึงคลื่นวิทยุในส่วนราชการ เริ่มตอนแรกอาทิตย์ที่ 2 ก.พ.นี้ พร้อมรับชมผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ในทุกช่องทางของรัฐบาล และเว็บไซต์ของกรมประชาสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์จังหวัดทั่วประเทศ เนื้อหารายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” จะเป็นเรื่องผลการดำเนินการของรัฐบาล การกำหนดทิศทางของประเทศไทย ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เพื่อสื่อสารกับประชาชนและส่วนราชการ มีเป้าหมาย นำไปสู่การแก้ไขปัญหา และส่งเสริมการพัฒนาประเทศ ผ่านการเล่าเรื่องและสรุปผลการทำงานของรัฐบาล รวมถึงเป้าหมายของประเทศไทย โดยตอนแรกวันอาทิตย์นี้ นายกฯจะสรุปการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายที่สำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ เช่น โครงการบ้านเพื่อคนไทย โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ODOS (โอดอส) รวมถึงข้อสั่งการแก้ปัญหาฝุ่นควัน เพื่อเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องนำมาวางแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อไม่ให้ประสบปัญหาในปีต่อ ๆ ไป
ผลการวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยให้เห็นถึงอันตรายของฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตบางนาที่พบว่าเด็กเล็กอายุ 0-6 ปี มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งสูงถึง 1 ต่อ 86,206 คน งานวิจัยดังกล่าวได้ศึกษาถึงองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น PM 2.5 และพบว่า นิกเกิล และ อาร์เซนิก เป็นสารก่อมะเร็งที่พบมากที่สุดในฝุ่น PM 2.5 โดยแต่ละพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของสารโลหะหนักในฝุ่น PM 2.5 จากการประเมินความเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งตลอดช่วงชีวิต (ELCR) พบว่า เด็กเล็กในเขตบางนา มีความเสี่ยงสูงที่สุด โดยมีโอกาสเกิดมะเร็งมากกว่าเด็กในกลุ่มอายุอื่นๆ และพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญอาจมาจากการที่เขตบางนาเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก นอกจากนี้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า หากประเทศไทยปรับลดค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งจากฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมาก ผศ.พญ.วรวรรณ ศิริชนะ จากหน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ย้ำเตือนว่า มลพิษทางอากาศเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน ไม่เพียงแต่โรคทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และปัญหาสุขภาพจิต ผลการศึกษานี้เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกภาคส่วนเร่งแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่เปราะบางต่อผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ
29 มกราคม 2568 งานแถลงข่าวล่า 50,000 รายชื่อ ทำประชามติ ไม่เอากาสิโน ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน มีผู้เข้าร่วม ได้แก่ ภาคประชาชน เยาวชนระดับอุดมศึกษา ทั้งออนไซต์ และออนไลน์ อันมีเป้าหมายสำคัญเพื่อรวบรวมรายชื่อให้ครบ 50,000 ราย เสนอต่อกกต. เพื่อให้ประชาชนได้ทำประชามติในเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล ชี้แจงให้เห็นเหตุผลของการทำประชามตินั้น เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำเนื่องจากเป็นส่งผลต่อภาพรวมของประเทศชาติ ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงสังคมอีกด้วย นอกจากนี้ทุกพรรคการเมืองไม่ได้มีการชูนโบายด้านกาสิโน ตามระเบียบกฎการเลือกตั้งของกกต. มาตรา 57 ต้องระบุนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณ หากไม่ระบุถือว่าฝ่าฝืนจะต้องมีบทลงโทษ ซึ่ง 1 ใน 70 นโยบายของรัฐบาลนั้นระบุเพียงแค่การทำแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นกาสิโน ไม่ถูกทั้งหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมตั้งแต่ต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางด้าน คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงถึงกาสิโนถูกกฎหมายว่า ได้มีการทำประชาพิจารณ์แล้ว ประชาชนเห็นด้วยกว่า 80% นั้น ในมุมมองของ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล ก็ได้ชี้แจงต่อว่า การทำ “ประชาพิจารณ์” ไม่เท่ากับ การทำ “ประชามติ” เนื่องจากการเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลของประชาชนไม่เท่ากัน การทำประชามตินั้น รัฐบาลจะต้องชี้แจงข้อมูลโดยละเอียดถึงข้อดีข้อเสีย ผลกระทบของกาสิโนอย่างชัดเจน กลุ่มรายได้น้อยได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง หรือเรียกได้ว่า ผู้ที่ไม่มีความรู้มากอ่านแล้วจะต้องเข้าใจ แต่สำหรับการทำประชาพิจารณ์ที่ผ่านมานั้นทำเพียงแค่ออนไลน์ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ และไม่มีการชี้แจงข้อมูลโดยละเอียด ชี้แจงเพียงด้านดีเพียงด้านเดียว ไม่มีผลเสีย ทั้งนี้อาจารย์ยังได้ยกตัวอย่างกาสิโนถูกฎหมายของเมืองประชาธิปไตยอย่าง Atlantic City ที่มีการทำประชามติถึง 2 ครั้ง ผ่านในครั้งที่สอง เนื่องจากรัฐบาลมีการจำกัดพื้นที่ทำกาสิโนอย่างชัดเจน พร้อมกล่าวต่อว่าการทำประชามตินั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกนโยบายที่ทำ แต่สำหรับนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับอบายมุขนั้นเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลง DNA ของประเทศเพราะเป็นการส่งผลกระทบในทุกมิติ อ.ชิดตะวัน ได้กล่าวถึงมุมมองของประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน/การพนันสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ที่มีการปราบการพนันอย่างจริงจัง และไม่มีความคิดจะทำกาสิโนให้ถูกกฎหมาย หรือนำการพนันเข้ามาในประเทศ โดยให้เหตุผลว่าแม้ว่าการพนันจะสามารถสร้างรายได้อภิมหาศาลเป็นสิ่งที่ทำลายทรัพยากรมนุษย์ชาวจีน แต่ยังมีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปเล่นการพนัน/กาสิโนที่ต่างประเทศ อย่าง…
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย ร.ต.อ. ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และ พ.ต.ท. ปริญญา กฤษณา ผู้อำนวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 2 ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 13/2568 ให้แก่สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว โดยคดีนี้เป็นผลจากการขยายผลแก๊งอุ้มบุญชาวต่างชาติ คดีพิเศษที่ 236/2565 พบชาวจีนสวมบัตรประชาชนผู้เสียชีวิตชาวไทย เพื่อลักลอบตั้งครรภ์แทน DSI มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาชาวจีนรายนี้ในข้อหา ยื่นคำขอมีบัตรประชาชนโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ทั้งนี้ ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาชาวจีนรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดินหน้าฟ้องศาลปกครองในประเด็นใหม่ กรณีพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กว่า 5 พันไร่ หลังยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ โดยครั้งนี้มุ่งเป้าถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รฟท. กำลังร่างหนังสือฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองของกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทย กรณีมีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 995 ฉบับ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,083 ไร่ โดยจะเพิ่มรายละเอียดและหลักฐานให้ครบถ้วน ทั้งนี้ รฟท. มีเวลา 90 วันในการยื่นฟ้อง หลังจากได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย โดยนายวีริศ ยืนยันว่า การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นประเด็นใหม่ ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับคดีเดิมที่เคยฟ้องร้องค่าเสียหายกับกรมที่ดิน คดีพิพาทที่ดินเขากระโดงนี้ สืบเนื่องจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ที่กรมที่ดินยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างครบถ้วน โดยมีคำสั่งไม่เพิกถอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ซึ่ง รฟท. มองว่าเป็นคำสั่งทางปกครองดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ยื่นอุทธรณ์และเตรียมฟ้องร้องในประเด็นใหม่นี้ต่อไป
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุมอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ราย สวมรอยบัตรเครดิตผู้เสียหาย ผูกบัญชีซื้อสินค้าออนไลน์ เสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นำโดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสืบสกุลฯ อายุ 27 ปี และ นายณัฎฐศรัณย์ อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหายพบว่ามีการทำธุรกรรมจากบัตรเครดิต 2 ใบ จำนวน 26 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท โดยไม่ทราบที่มา จากการตรวจสอบของธนาคารพบว่ามีคนร้ายปลอมแปลงข้อมูลสวมบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ และร้องขอให้กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายไปสวมรอยโทรแจ้งพนักงานธนาคารเพื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัตรเครดิต จากนั้นนำรหัส OTP ไปยืนยันเพื่อเอาข้อมูลจากบัตรเครดิต และนำไปผูกกับบัญชีของกลุ่มคนร้ายในแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยสั่งซื้อสินค้าราคาสูง เช่น สร้อยคอทองคำ, MacBook และจัดส่งมายังที่อยู่ของกลุ่มผู้ต้องหา พร้อมทั้งอำพรางหมายเลขโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา 3 คน โดยจากการตรวจสอบประวัติพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง จึงได้ขอหมายค้นจากศาล และนำกำลังลงพื้นที่ 3 จุด ในกรุงเทพฯ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้…
นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความไม่เห็นด้วยกรณี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า อาจไม่มีการกำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนในพื้นที่รวมของสถานบันเทิงครบวงจรในร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยชี้ว่า ควรกำหนดสัดส่วนพื้นที่และจำกัดจำนวนกาสิโนในกฎหมายดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย นายจุลพงศ์ มองว่า การที่รัฐบาลมักยกตัวอย่างกาสิโนของประเทศสิงคโปร์มาอ้างอิงนั้น ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ เนื่องจากกฎหมายของสิงคโปร์อนุญาตให้ทำกาสิโนเป็นหลัก ขณะที่ประเทศไทยกำลังร่างกฎหมายให้กาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเป็นลักษณะกลับหัวกัน นายจุลพงศ์ ยังได้เสนอข้อสังเกตและท้วงติง 3 ประการ ได้แก่ ควรมีการกำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนต่อพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจรที่แน่นอนในกฎหมาย เพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุน และยืนยันหลักการของกฎหมายที่มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ใช่การพนัน ควรกำหนดจำนวนกาสิโนไว้ในกฎหมาย เช่นเดียวกับสิงคโปร์ที่จำกัดจำนวนกาสิโนไว้ไม่เกิน 2 แห่ง เพื่อป้องกันการให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายมากเกินไป ตั้งคำถามถึงความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย โดยเทียบเคียงกับสิงคโปร์ ที่ไม่ได้มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานองค์กรควบคุมกาสิโน นายจุลพงศ์ ย้ำว่า หากรัฐบาลยังคงผลักดันเรื่องนี้ ควรกำหนดสัดส่วนพื้นที่และจำกัดจำนวนกาสิโนไว้ใน พ.ร.บ. เพื่อรักษาหลักการของกฎหมาย และควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในวงกว้าง
นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โฆษกประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถลงข่าวกรณีการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่เมียนมา โดยยืนยันว่าเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2539 โดยปัจจุบัน PEA จำหน่ายไฟฟ้าให้เมียนมา 5 จุด ได้แก่ บ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก สะพานมิตรภาพไทย-พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 – อ.เมียวดี บ้านห้วยม่วง – อ.เมียวดี โดยคู่สัญญาได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา ผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ และ PEA ประสานงานด้านความมั่นคงก่อนจำหน่ายไฟฟ้า การระงับหรือยกเลิกการจ่ายไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ 2 กรณี คือ คู่สัญญาผิดเงื่อนไข เช่น ค้างชำระค่าไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้ากระทบต่อความมั่นคงของไทยในปี 2566 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยร้องขอให้ PEA ระงับการจ่ายไฟฟ้า 2 จุด คือ บ้านวังผา-บ้านก๊กโก๋ และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ส่วนปี 2567 PEA ยกเลิกการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ อ.เชียงแสน เนื่องจากคู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า นายประสิทธิ์ ยืนยันว่า หากการจำหน่ายไฟฟ้ากระทบความมั่นคงของไทย จะต้องอาศัยข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐในการตรวจสอบ และแจ้งให้ PEA ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อทำหนังสือถึงหน่วยงานของเมียนมาให้ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าตามสิทธิ และต้องดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ
