Browsing: News

จากกรณีโทรศัพท์ Oppo-Realme ติดตั้งแอปพลิเคชัน “สินเชื่อความสุข” และ “Fineasy” โดยอัติโนมัติ หลังผู้ใช้โทรศัพท์กดอัปเดตระบบ สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล จนทาง OPPO และ Realme ต้องออกแถลงการณ์ระงับการขายและยุติการติดตั้งแอปฯ สินเชื่อบุคคลที่สามล่วงหน้าในอุปกรณ์ OPPO ทั้งหมด พร้อมแจ้งว่าในวันนี้ (16 ม.ค. 68) ทางผู้ใช้สมาร์ทโฟน OPPO จะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ (OTA) เพื่อลบแอปฯ Fineasy ออกจากอุปกรณ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายจากการแอบติดตั้งแอป ฯ ดังกล่าว ที่ยังมีความกังวลต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดย The Publisher มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณทัศณี คนการ หนึ่งในผู้เสียหาย ที่แม้จะยังไม่ได้รับความเสียหายจากแอปฯ เงินกู้เถื่อนที่ติดตั้งมาพร้อมระบบปฏิบัติการ แต่ยังคงกังวลในเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล เนื่องจากพบว่าตัวแอปฯ แฝงไปอยู่ใน NFC ซึ่งก็ไม่รู้ว่าระบบของตัวแอปฯ ดึงข้อมูลส่วนตัวไปถึงไหนแล้ว เพราะส่วนใหญ่ตัว NFC จะผูกกับ Wallet และผูกกับ Google ที่มีข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลการเงิน อีเมลล์ รวมถึงเลขบัตรเครดิต“ในฐานะผู้เสียหายที่เชื่อมั่นและเชื่อใจในโทรศัพท์แบรนด์นี้ อยากดำเนินการฟ้องร้องกับทาง OPPO ให้เป็นเคสตัวอย่าง เพราะซื้อใช้ถึง 3 เครื่อง หลังจากเกิดเรื่อง ได้กลับไปเช็กโทรศัพท์ทุกเครื่องในครอบครอง ก็พบว่าทุกเครื่องก็มีแอปฯ ตัวดังกล่าวแฝงอยู่ ทำให้เสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก หากทางบริษัทบอกว่าจะทำการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อถอนการติดตั้งแอปฯ ดังกล่าวออกจากเครื่องเพื่อเป็นการแก้ปัญหา ก็มองว่า ทางบริษัทสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ตลอดเวลา หากอัปเดตแล้วแฝงแอปฯ เข้ามาฝังในตัวเครื่องอีก ก็ย่อมสามารถทำได้โดยที่ผู้ใช้ไม่มีทางรู้ได้เลย หากไม่มีใครไปตรวจสอบจนออกมาเป็นข่าวอย่างเช่นกรณีนี้”เมื่อถามคุณทัศณีว่าอยากฝากอะไรถึงทาง OPPO หรือไม่ ในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่ง คุณทัศณีกล่าวว่า ทาง OPPO ควรจะเก็บโทรศัพท์เครื่องที่มีการแฝงแอปพลิเคชันกลับคืนโรงงานไป เพราะโทรศัพท์แบรนด์นี้ส่วนใหญ่พ่อแม่เด็กไว้วางใจ ซื้อให้ลูกหลานใช้ เนื่องจากมีราคาที่เหมาะสม ไม่ได้แพงจนเกินไป คนชนชั้นกลาง คนแก่สามารถเข้าถึงได้ จึงอาจมีหลายคนที่ถูกละเมิดข้อมูลโดยไม่รู้ตัว ถึงทางบริษัทบอกว่าจะอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Fineasy ออกจากโทรศัพท์เป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น แต่นี่มันคือภัยสังคมที่แอบแฝงเข้ามา จึงอยากดำเนินการฟ้องร้องให้กลายเป็นเคสตัวอย่าง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำรอยขึ้นมาอีก เพราะความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ควรเป็นสิ่งแรกที่บริษัทผู้ผลิตมือถือควรให้ความสำคัญและไม่ละเมิดสิทธินั้นโดยไม่ได้รับความยินยอมโดยล่าสุด ทาง…

Read More

กรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ อดีต รมช.มหาดไทยเซ็นเพิกถอนกรรมสิทธิ์ปมที่ดินอัลไพน์ ถูกจุดพลุให้สาธารณชนกลับมาสนใจประเด็นนี้อีกครั้ง เพราะมันกลายเป็นความเชื่อมโยงไปถึงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าว นำไปสู่คำถามว่า การครอบครองที่ดินโดยไม่มีสิทธิ์หรือไม่? เพราะสุดท้ายต้องกลายเป็นที่ธรณีสงฆ์หรือเปล่า และถ้าใช่ ใครคือผู้รับผิดชอบ? The Publisher พูดคุยกับ คุณถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย ผ่านรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร ไปตรวจสอบกันว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบอย่างไร The Publisher: ชาดาลงนามให้มหาดไทยเพิกถอน มันยากตรงไหน?คุณถาวร: ที่ดินของยายเนื่อม ทำที่ดินให้เป็นมรดกของวัดธรรมนิการาม หากยายเนื่อมเสียชีวิตจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดฯ แต่ปรากฎว่ามีคนไปฉ้อฉลที่ของวัด จัดทำเป็นนู่นนี่ แต่งตั้งผู้จัดการมรดก และมีนักการเมืองในยุคนั้น ถูกแจ้งข้อหารวยเละป.ป.ช.ทำให้คดีขาดอายุความ หลังจากนั้นเอาไปทำสนามกอล์ฟ ทำหมู่บ้านจัดสรร ที่ดินที่ตกเป็นของวัด ให้ถือเป็นธรณีสงฆ์ ซึ่งถ้าจะให้ตกเป็นของผู้อื่นต้องออกเป็น พรบ.เท่านั้น ไปจดทะเบียนทางธุรการ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ดินทั้งหมดนั้น ก็ยังเป็นของวัดฯ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ผู้มีอำนาจในการเพิกถอนเอกสาร คือ อธบ.กรมที่ดิน รมว.มีอำนาจสั่งให้เป็นไปตามหน้าที่ ถ้าไม่ทำถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ The Publisher: ทำไมคดีถึงยาวนาน?คุณถาวร: เนื่องจากที่ดินอยู่ในมือนักการเมืองที่เป็นรมว.กระทรวงมหาดไทยผู้มีอำนาจท่านหนึ่งนำมาขายให้คนที่มีตน.สูงทางการเมือง แล้วตอนนี้ไปอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ชื่ออุ๊งอิ๊ง คือมีอุ๊งอิ๊งถือหุ้นอยู่ ก็ยิ่งทำให้ขรก.กลัวไม่กล้าการดำเนินการกับนักการเมือง ก็เอาขรก.คนนั้นไปเข้าคุกก็จบ ก็จัดการเสีย The Publisher: หน้าที่ขรก.ประจำควรปฏิบัติการนโยบายนี้?คุณถาวร: ไม่ใช่นโยบายแต่ต้องปฏิบัติตามกม. เป็นหน้าที่ตามกม. ที่ต้องปฏิบัติตาม The Publisher: ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับคนสุจริตที่ไปซื้อบ้านหรือไม่?คุณถาวร: อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ให้ไปไล่เบี้ยเอา กับคนที่ไปหลอกให้ชาวบ้านมาซื้อ ใครเป็นต้นเหตุก็ต้องไปชดใช้ ฃค่าสินไหมทดแทน ก็ไล่เบี้ยกันไป The Publisher: กรมที่ดินกลัวว่าจะมีการฟ้องร้อง?คุณถาวร: แล้วตนเองทำผิดมาตั้งแต่ต้น ต้องดำเนินการกับลูกน้องของตนก่อน ไปอ้างไม่ได้ ถ้างั้นลาออกจากอธบ.กรมที่ดิน แล้วเอาอธบ.คนที่ปฏิเสธไปเข้าคุก แล้วแต่งตั้งคนใหม่เข้าไป The Publisher: จุดจบจะนำไปสู่การเพิกถอนได้ไหม?คุณถาวร: ไม่ใช่เป็นการเพิกถอน เพราะกรรมสิทธิ์ยังเป็นของวัดอยู่ 900 กว่าไร่ที่ดินยังเป็นของธรณีสงฆ์อยู่ ไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ไม่อยากใช้คำว่าเพิกถอน เพราะกรรมสิทธิ์ยังเป็นของวัด The Publisher:…

Read More

กรณีเหตุการณ์ดาราจีน(ซิงซิง) ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซนเตอร์ ก่อนทางการไทยช่วยเหลือกลับประเทศไปก่อนหน้านี้ ทำให้มีรายงานว่าคนจีนกดยกเลิกบัตรโดยสารเที่ยวบินมาไทย เพราะหวั่นเรื่องความปลอดภัย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ การท่องเที่ยวไทย และบนแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์จีน มีคำค้นหาว่า “ฉันจะยกเลิกการเดินทางไปประเทศไทยได้อย่างไร” มากกว่า 380,000 แสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นดังกล่าว ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม คาดการณ์ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะมีผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 10.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงความต้องการที่สูงขึ้น ในการเดินทางทั้งทางอากาศและทางบก สวนทางการยกเลิกเที่ยวบินของผู้โดยสารชาวจีน จึงมีการตั้งข้อสังเกต หากไม่มีกรณี ซิงซิง อาจทำให้ไทยมียอดจากการท่องเที่ยวพุ่งสูงกว่าเดิมหรือไม่? ทั้งนี้ทางทอท.ได้มีการดำเนินการด้านความปลอดภัยของสนามบิน ทั้ง 6 แห่ง อย่างเข้มงวด เช่น มีการตรวจสอบเขตการบิน การป้องกันอันตรายจากสัตว์โดยรอบสนามบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารได้ว่ามีการมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี โดยได้มีการคาดการณ์ การปริมาณจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่าผู้โดยสารจะมีประมาณ 4.03 ล้านคน และจำนวนเที่ยวบินจะมี 24,599 เที่ยวบิน ซึ่งทั้งสองตัวเลขเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 10.4 และ 16.7% ตามลำดับ

Read More

จากกรณี ครม.ไฟเขียวเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมีกาสิโนรวมอยู่ด้วยนั้น สร้างความกังวลให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “ฮับสีเทา” ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูสู่เส้นทางการเป็นพื้นที่บ่อเกิดอาชญากรรมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบน รวมไปถึงธุรกิจมืดหลากระดับ ทางมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน องค์กรสาธารณกุศลไม่แสวงหากำไร จึงเกิดการรณรงค์ “เราไม่เอากาสิโน” ขึ้นมาเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนร่วมคัดค้านการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมาย ล่าสุดรวบรวมมาได้กว่า 34,000 รายชื่อ ซึ่งคาดว่าจะมีการเข้ามาร่วมลงรายชื่อคัดค้านกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากคุณไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย สามารถลงชื่อแสดงจุดยืนว่า “เราไม่เอากาสิโน” ได้ที่ https://forms.gle/PBBBYki6Lbcb4HZh9

Read More

เป็นผลการทดสอบเหตุตกน้ำเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” ที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ จัดสถานการณ์จำลอง โดยนำอาสาสมัครที่เป็นมิสแกรนด์ และครูสอนว่ายน้ำที่มีรูปร่าง-น้ำหนักเท่ากับ แตงโม และสวมชุดบอดี้สูทจำลองเหตุการณ์ พร้อมกับคนอื่น ๆ แสดงเป็น แซน และคนบนเรือในคืนเกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ปมการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือไม่ ทั้งนี้จากอาสาสมัครทั้งหมดที่แสดงเป็นแตงโมในคืนวันเกิดเหตุ ทั้งหมดพบว่าไม่มีใครสามารถเดินไปปัสสาวะบริเวณท้ายเรือได้โดยสะดวก เพราะเรือวิ่งด้วยความเร็ว 8 น็อตทำให้โคลงเคลง ทั้งที่บนเรือมีห้องน้ำอยู่ด้วย อีกทั้งเมื่อนั่งปัสสาวะก็ไม่สะดวกเมื่อมือหนึ่งต้องจับขาของผู้แสดงเป็น “แซน วิศาพัช” และเปียกน้ำจนไม่สามารถทำธุระได้อีกด้วย จากนั้นเมื่อถึงเวลาพิสูจน์ช่วงตกน้ำว่าจะถูกใบพัดดูดเข้าหาเรือตามที่อ้างหรือไม่ พบว่าผู้แสดงเป็นแตงโมไม่ถูกใบพัดดูดเข้าหาเรือแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ที่แสดงเป็น “แซน วิศาพัช” ก็ระบุว่าด้วยความเร็วเช่นนี้ไม่น่าเป็นไปได้ที่ไม่รู้ว่ามีคนตกน้ำ หลังจำลองเหตุการณ์เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหมดจะเปิดแถลงข่าว เพื่อสรุปสถานการณ์จำลอง ความเป็นไปได้ และนำข้อเสนอข้อมูล ภาพ คลิป และภาพจากโดรนไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยการจำลองครั้งนี้นายปานเทพ และนายอัจฉริยะบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ มาสังเกตุการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การพิจารณาคดีนี้ใหม่อีกครั้ง. ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เดินหน้าทลายแก๊งต้มตุ๋นอสังหาฯ ส่งสำนวนฟ้อง 15 ผู้ต้องหา คดี บริษัท เดอะ นิว คอนเซปท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หลอกขายคอนโดฯ 12 โครงการ ในเชียงใหม่และกระบี่ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI มอบหมายให้นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา นำทีมพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนกว่า 66,000 แผ่น พร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 15 ราย (นิติบุคคล 1 ราย บุคคลธรรมดา 14 ราย) ให้อัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เมื่อวานนี้ (15 มกราคม 2568) คดีนี้สืบเนื่องจาก บริษัท เดอะ นิว คอนเซปท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และพวก โฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงประชาชนให้ซื้อห้องชุดในโครงการต่างๆ ตั้งแต่ปี 2558 – 2562 มีผู้เสียหายกว่า 1,700 ราย ความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท DSI รับเป็นคดีพิเศษที่ 244/2565 ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การดำเนินคดีครั้งนี้สะท้อนถึงนโยบายเร่งรัดคดีพิเศษให้รวดเร็ว เป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ตามนโยบายของพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI

Read More

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนจับตา “ดีลลับ” ธุรกิจคาสิโน ที่อาจเกิดขึ้น ณ เกาะฮ่องกงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยระบุว่าจะมีนักธุรกิจไทยเดินทางไปเจรจา “แบ่งเค้ก” กับกลุ่มทุนจีนและมาเก๊า โดยมี “ผู้มากบารมี” ที่ยังพำนักอยู่ในต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางการเจรจา นายปริเยศ ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรจะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่กลับมีการเคลื่อนไหวเจรจาธุรกิจคาสิโนอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอกฎหมาย ซึ่งอาจเป็น “มิติใหม่” ของการทำงานของรัฐบาลโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ยังตั้งคำถามถึงบทบาทของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน “ซุปเปอร์บอร์ด” ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายคาสิโน ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้มีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันล่วงหน้า ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ นายปริเยศ ยังแสดงความกังวลว่า พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร อาจไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขณะที่กลุ่มทุนบางกลุ่มอาจได้รับผลประโยชน์มหาศาล “หากไม่มีการแก้ไข ประชาชน คนตัวเล็กๆ ธุรกิจต่างๆ ที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กรวมถึงสังคม จะได้รับผลกระทบเต็มๆ แน่นอน แถมประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ คงไม่เท่ากับผลประโยชน์ที่กลุ่มทุนบางกลุ่มจะได้รับ” นายปริเยศ กล่าวทิ้งท้าย

Read More

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นหารือในที่ประชุมสภาฯ แฉพฤติกรรม ส.ส.พรรคสีน้ำเงิน 2 คน เข้าข่มขู่ นายสาธิต ทวีผล ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาชน กลางห้องประชุมสภาฯ โดยกล่าวว่า “รู้นะทำอะไรอยู่ อย่าอยู่เรื่องการเลือกตั้ง อบจ.ลพบุรีได้ไหม อย่ายุ่งเลย ถ้าน้องยังยุ่งอยู่ จะอยู่ไม่ได้นะที่ลพบุรี” พร้อมกับบีบไหล่นายสาธิต นายประเสริฐพงษ์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมี นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคประชาชน เป็นพยาน และมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง จึงขอให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริง “การต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะระดับประเทศหรือท้องถิ่นก็ควรต่อสู้กันอย่างยุติธรรม การพูดหยิกแกมหยอกเช่นนี้ แต่เท่าที่ฟังเรารู้แล้วว่าเป็นการพูดหยอกแกมขู่” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว นายประเสริฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ลุกขึ้นมาพูด เพราะอยากให้ ส.ส.ที่ขู่ และหัวหน้าพรรค ที่ ส.ส.รายดังกล่าวสังกัดอยู่ รับรู้ถึงพฤติกรรมนี้ โดยหวังว่าจะได้รับการตักเตือน และคำขอโทษจากผู้กระทำ ทั้งนี้ นายประเสริฐพงษ์ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อ ส.ส. และพรรคการเมืองดังกล่าว โดยระบุว่า จะขอรอดูผลการสอบสวนของประธานสภาฯ ก่อน อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากที่ประชุมว่า ส.ส.พรรคดังกล่าว ที่มาข่มขู่ ส.ส.พรรคประชาชนนั้นเป็น ส.ส.พรรคขนาดกลาง พรรคสีน้ำ

Read More

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายกรัฐมนตรีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ AI ปลอมเสียงคนรู้จักหลอกลวง ว่า ขณะนี้กำลังรอประสานข้อมูล โดยแก๊งดังกล่าวมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งใช้วิธีหว่านล้อมเป้าหมายไปทั่ว และใช้ข้อมูลส่วนตัวที่หาได้ง่ายในโลกออนไลน์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ย้ำเตือนประชาชนให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีวิธีหลอกลวงหลากหลายรูปแบบ ทั้งข่มขู่ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกเป็นผู้ให้บริการต่างๆ และใช้ AI ปลอมเสียง ซึ่งแม้แต่บุคคลสำคัญระดับนายกรัฐมนตรี หรืออดีตผู้บังคับบัญชาที่เป็นมือปราบยังตกเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและ สอท. กำลังดำเนินการปราบปรามอย่างเต็มที่ในทุกมิติ โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงานเปิดปฏิบัติการ แต่ยอมรับว่ามีความยากลำบาก เนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการปรับเปลี่ยนวิธีการและลักลอบกระทำผิดอยู่เสมอ สำหรับกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้ตัดสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ด้านการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังดำเนินการในระดับรัฐบาลและรัฐมนตรี โดยล่าสุดเมียนมามีการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ลงทุนในเมียนมาเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี และในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งที่ 5 จะมีการหารือเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งสแกมเมอร์ด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์มาโดยตลอด และ สอท. มีการปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ทั้งปราบปราม ป้องกัน และสร้างความรู้เท่าทันให้ประชาชน โดยตระหนักว่าปัญหานี้เป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

Read More

ดร.ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เปิดเผยกับ The Publisher ถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุเกือบตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แพร่หลายแบบไม่เลือกบุคคล ยากดีมีจน ตำแหน่งสูงขนาดไหนมันโทรหาหมด จากรากหญ้าไปจนถึงนายกฯ โดนกันหมด แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องซีเรียส เป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องรีบจัดการอย่างจริงจังและเข้มงวดขึ้น “เหยื่อมีสองประเภทคือเหยื่อที่มันกวาดไปทั่ว กลุ่มที่สองเป็น Target Attack คือทำการบ้านเลยว่า Profile คนเป็นแบบนี้ เป็นนายกฯ รมต. เจ้าของบริษัท มันก็จะเล่าเรื่องให้ตรงซึ่งจะได้ผลมากกว่า ระดับชาวบ้านเราเรียกว่า “ฟิชชิง” ถ้าระดับนายกฯ เรียกว่า “วาล์วลิง” คือตกปลาตัวใหญ่ แต่ท่านก็รู้ว่าไม่จริงเลยไม่ได้ผล แต่ผู้ใหญ่คนอื่นอาจหลงเชื่อก็ได้ เป็นอุทาหรณ์ที่ดีที่ทุกคนต้องระวังตัว ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ตาม“ มีคำแนะนำจากดร.ปริญญาว่า ไม่ว่าระบบเทคโนโลยีหรือเอไอจะพัฒนาไปขนาดไหน เราอาจไม่จำเป็นต้องไปรู้ในเชิงเทคนิค เท่ากับต้องทำให้ประชานมีความคิดเชิงวิพากษ์ ตั้งข้อสงสัยจริงหรือตำรวจโทรหาเรา เพราะในความเป็นจริงมีแต่เราต้องไปหาตำรวจหรือราชการ ทุกอย่างที่เขขาทำกับเหยื่อไม่เป็นเหตุเป็นผลเลย ถ้าตระหนักรู้ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นโคตรเอไอเก่งขนาดไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เนื่องจากเราสามารถระงับเรื่องราวได้ทันทีที่รู้ว่าน่าจะเป็นการหลอกลวง อย่าไหลไปตามเกมของเขา ถ้าเรามีสติตรงนี้ไม่ว่าเอไอจะเก่งแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะวิธีหลอกก็คือเรื่องเดิม ไม่ความโลภก็ความกลัว ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสนอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ การศึกษากับประชาชน เช่น เรามี สสส. รณรงค์ไม่ว่าจะเป็นให้เหล้าเท่ากับแช่ง เมาไม่ขับ แต่เราไม่เคยเห็นการรณรงค์ใช้สมาร์ทโฟนให้ปลอดภัย ยังไม่มีหน่วยงานมารับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ก็ไม่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้ จะมีการกำหนดภารกิจเพิ่มเติมให้งบประมาณเพิ่มเติม หรือ มีหน่วยงานใหม่เป็นเหมือน สสส.ไซเบอร์ ทำเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย เพราะตอนนี้เรามีหน่วยงานดูในเชิงโครงสร้างพื้นฐานฯ มีตำรวจไซเบอร์ทำหน้าที่จับกุม แต่ไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันโดยตรง แม้ตอนนี้จะมีการรณรงค์ให้ความรู้ควบคู่ไปด้วยแต่ก็ยังไม่พอ ต้องทำอย่างเป็นระบบไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูกมีงบฯ บ้างไม่มีงบฯ บ้าง ต้องมีไซเบอร์ซีเคียวริตีสำหรับประชาชน โดยปัจจุบันพล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบ.ไซเบอร์ มีการโพรโมตโพรแกรมชื่อ Cyber Check สามารถเช็กเบอร์แปลก ๆ ได้ จะได้ไม่โดนหลอกแต่คนยังไม่ค่อยรู้ เป็นแอปที่ตำรวจทำไม่ใช่โจรทำ

Read More