Browsing: News

 มหาวิทยาลัยนางาซากิร่วมกับมหาวิทยาลัยเสฉวน ทำการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-จีนครั้งแรกในการทดลองวัคซีนโควิด.กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วัคซีนที่คิดค้นโดยมหาวิทยาลัยเสฉวนเป็นวัคซีนที่ผลิตจากการตัดต่อโปรตีน (recombinant protein vaccine) ซึ่งเป็นการตัดต่อส่วนหนึ่งของยีนไวรัส.ให้เข้ากับสิ่งมีชีวิตเช่นแบคทีเรีย ยีสต์เพื่อสร้างโปรตีนขึ้นมา เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย โปรตีนนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้น.มหาวิทยาลัยนางาซากิและศูนย์วิจัยเวชศาสตร์ปริวรรต (translational medicine) ที่ตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเสฉวน ทำการทดลองทางคลินิกวัคซีนของประเทศจีน และได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหาคม.การทดลองจะฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร 240 คน เพื่อวิจัยประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีน.วัคซีนจากการตัดต่อโปรตีนเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะวัคซีนประเภทนี้มีผลข้างเคียงน้อย มีความปลอดภัยมาก เหมาะกับการใช้ในเด็ก.วัคซีนประเภทนี้กำลังทดลองในหลายประเทศ เช่น Novavax ของสหรัฐ, วัคซีนที่บริษัท Sanofi ของฝรั่งเศสพัฒนาร่วมกับ GlaxoSmithKline บริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-อเมริกัน และ ซิโนฟาร์ม ของจีนก็กำลังทดลองวัคซีนประเภทนี้เป็นวัคซีนตัวที่ 2 เช่นกัน.นอกจากนี้ วัคซีนเกาตวน (Medigen) ของไต้หวันที่มีการใช้งานแล้ว ก็ผลิตด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อโปรตีนอีกด้วย..#Update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 “หัวลำโพง” หรือสถานีรถไฟกรุงเทพ เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กรุงเทพมหานคร มาอย่างยาวนานกว่า 105 ปี ตั้งแต่เริ่มมีการวางรากฐานการคมนาคมในสยามประเทศสมัยรัชกาลที่ 5 แต่นับจากนี้ หัวลำโพงต้องเปลี่ยนรางสู่บทบาทใหม่ เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วางแผนย้ายการให้บริการเส้นทางรถไฟเกือบทั้งหมดไปที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญกับโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เฟื่องอรุณ ปรีดีดิลก ประธานสาขาวิชาพัฒนศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการแผนงานการศึกษาเพื่อวางกรอบ “ โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” กล่าวว่าแผนการศึกษาโครงการนี้เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 แบ่งการศึกษาเป็น 2 ระยะ.เน้นวิจัยคุณค่าเชิงอนุรักษ์และนำเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ ทั้งนี้กระบวนการวิจัยเปิดให้หลายภาคส่วนของสังคมมาร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตของหัวลำโพงด้วย.“การวิจัยครั้งนี้ประชาชนเป็นทั้ง “ผู้ร่วมคิด” คือมีส่วนร่วมในการออกแบบในฐานะ “ผู้ใช้ประโยชน์” เพราะทุกคนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้ และเป็น ”ผู้รับผิดชอบ” คือเมื่อใช้ประโยชน์แล้วต้องช่วยกันรักษสมบัติของคนไทยทุกคน.จากการวิจัยครั้งนี้ ชัดเจนว่าประชาชนเห็น “สถานีรถไฟหัวลำโพง” เป็นของคนไทย ทุกคน” ผศ.ดร.เฟื่องอรุณ กล่าว.ผศ.ดร.เฟื่องอรุณ เผยผลการวิจัยในระยะที่ 1 ซึ่งเน้นศึกษามิติคุณค่าเชิงอัตลักษณ์และความต้องการทางสังคมเบื้องต้นว่า “แนวทางการพัฒนาต้องทำให้หัวลำโพงเป็นพื้นที่ที่พึ่งพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจและเป็นจุดเชื่อมโยงกับย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ เช่น เยาวราช วงเวียน 22 กรกฎาคม ตลาดน้อย ฯลฯ และย่านการค้าใหม่บนถนนพระราม 4” มี ผศ.ธิป ศรีสกุลไชยรัก สถาบันอาศรมศิลป์ เป็นหัวหน้าโครงการ.ผลการวิจัยจากโครงการสอดคล้องกับแนวคิดของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ได้วางแผนลงทุนพัฒนาพื้นที่หัวลำโพงจำนวน 121 ไร่ ให้เป็น “บ้านรถไฟ” โดยจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟและวางโครงการพื้นที่เชิงอนุรักษ์ในเส้นทางเลียบทางรถไฟ.ในลักษณะการสร้างพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นถิ่นและพื้นที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ตลอดจนบูรณาการร่วมกับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเขตเมืองเก่า.จากแนวทางพัฒนาสถานีรถไฟหัวลำโพงที่ได้จากการวิจัยระยะที่ 1 ต่อยอดสู่การค้นหาลักษณะการใช้ประโยชน์ของอาคารและพื้นที่ภายนอกหัวลำโพงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์.รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้และพื้นที่สาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งนี้ แผนการศึกษาในระยะที่ 2 ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย.1. การศึกษาเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพของพื้นที่สถานีรถไฟ หัวลำโพง ได้ข้อเสนอลักษณะการใช้งานและประโยชน์ของพื้นที่และอาคารต่าง ๆ 3 รูปแบบคือ.แบบที่ 1 สัดส่วนของพื้นที่ที่ใช้เป็นพื้นที่สาธารณะและพื้นที่เชิงพาณิชย์มากที่สุด มีสัดส่วนเท่ากันคือร้อยละ 30.แบบที่ 2 สัดส่วนของพื้นที่ที่ใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 30 รองลงมาคือ ลานกิจกรรม พื้นที่สร้างสรรค์ และพื้นที่อนุรักษ์ ในสัดส่วนเท่า ๆ กันคือร้อยละ 18.แบบที่ 3 สัดส่วนของพื้นที่ที่ใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ…

Read More

งาน “เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ” (World Expo 2020 Dubai) หนึ่งในงานแสดงนิทรรศการที่ใหญ่ระดับต้น ๆ ของโลก ได้เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ครั้งนี้มีกำหนดจัด 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 65 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์.เวิลด์ เอ็กซ์โป หรือ “งานนิทรรศการโลก” เป็น 1 ใน 3 ของงานยิ่งใหญ่ระดับโลก (เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก) โดยมีกำหนดจัดขึ้นทุก ๆ 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยงานมหกรรมโลก (Bureau of International Exposition (BIE) ซึ่งในปีนี้เนื่องจากโลกเผชิญวิกฤติโควิด-19 การจัดงานจึงเลื่อนจากปี 2020 มาจัดในปี 2021 โดยมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 192 ประเทศ.สำหรับการจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “เชื่อมความคิด สร้างอนาคต : CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE” เพื่อแสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อน ให้เกิดความก้าวหน้า ด้วยการเชื่อมโยงผู้คน องค์กร และประเทศต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมุ่งให้ความสำคัญกับ นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายของโลกในช่วงเวลานี้ เช่น น้ำ สิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน ชีวิตในเมือง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน.ในส่วนของประเทศไทยมีการนำเสนออาคารแสดงประเทศไทย หรือ “อาคารศาลาไทย” (Thailand Pavilion) ที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) โดยมี “บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” เป็นผู้คว้าสิทธิ์บริหาร…

Read More

แม้สถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะทันตแพทยศาสตร์ ไม่เคยหยุดที่จะสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของชาติ เมื่อเร็ว ๆ นี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมหัตถการและวิทยาเอ็นโดดอนต์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.สามารถคว้ารางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : ผลงานประดิษฐ์คิดค้นระดับดี สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประจำปีงบประมาณ 2564 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะผู้สร้างสรรค์และพัฒนา “กัตตาเคลียร์” สำหรับทันตแพทย์ใช้ในการรักษารากฟันซ้ำ ซึ่งได้มีการต่อยอดสู่ภาคธุรกิจ.”กัตตาเคลียร์” นับเป็นผลงาน “ปัญญาของแผ่นดิน” ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มากด้วย “คุณค่า” และ “มูลค่า” จากคุณสมบัติพิเศษที่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทันตแพทย์ใช้ทำละลายวัสดุคลองรากฟันให้กับผู้เข้ารับบริการรักษารากฟันซ้ำ.ทำมาจากน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งทดสอบแล้วว่าเป็นอันตรายน้อยมากต่อทั้งผู้เข้ารับบริการ และต่อทันตแพทย์ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสร้างความพึงพอใจต่อผู้เข้ารับบริการจากกลิ่นหอมพิเศษของซิทรัส หรือกลิ่นพืชตระกูลส้ม จากน้ำมันหอมระเหยที่ใช้เป็นส่วนผสม อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องด้วยเป็นทันตเวชภัณฑ์ที่เป็น Organic หรือสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ 100%.นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ เป็น “อาจารย์ทันตแพทย์นักวิจัย” ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ และมีผลงานที่สร้างชื่อเสียงอีกมากมายหลายชิ้นซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารทันตกรรมระดับโลกอีกหลายฉบับ.รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมวิจัยของผลงาน “Mahidol Study” ที่สามารถรักษาฟันตายรากเปิด ทำให้ฟันตายสามารถเจริญต่อไปได้อย่างน่าทึ่ง จากการเข้าร่วมแสดงผลงานในที่ประชุมวิชาการทันตแพทย์ระดับนานาชาติซึ่งต่อมา “Mahidol Study” ได้เป็นที่รู้จักในเรื่องการรักษาฟันปลายรากเปิดจากทันตแพทย์ทั่วโลก.โดยมี Mahidol Guideline ในการรักษาฟันตายปลายรากเปิดที่ทันตแพทย์หลายประเทศใช้เป็นแนวทางในการรักษาผู้ป่วยแบบ Regenerative Endodontics.ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงจีรภัทร จันทรัตน์ ในฐานะหนึ่งในคนไทยคุณภาพ สามารถคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมขึ้นได้เองนี้ สามารถช่วยเศรษฐกิจของประเทศไทย จากการลดการนำเข้าทันตเวชภัณฑ์จากต่างประเทศได้คิดเป็นมูลค่าปีละมหาศาล.นอกจากนี้ “กัตตาเคลียร์” ได้รับการจดความลับทางการค้า (Trade Secret) ดำเนินการโดย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล และได้มีการจัดจำหน่ายในประเทศไทย และประเทศฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนกำลังอยู่ระหว่างการประสานเตรียมพร้อมบุกตลาดในประเทศแถบเอเชียต่อไป..#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เวียนมาบรรจบอีกครั้ง สำหรับเทศกาล “กินเจประจำปี 2564” เทศกาลถือศีลกินผักสุดยิ่งใหญ่ ที่คนไทยเชื้อสายจีนยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้จะเริ่มกินเจกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 – 14 ตุลาคม.แต่รู้หรือไม่ว่า เทศกาลกินเจในแผ่นดินใหญ่อย่างจีนเองนั้น ไม่มีการจัดการอย่างเป็นทางการเหมือนที่ไทย ถึงแม้ที่มาของเทศกาลจะมาจากชาวจีนก็ตาม เพียงแต่ว่าเทศกาลดังกล่าว ไม่ได้ทำกันอย่างแพร่หลาย หรือเป็นเทศกาลใหญ่ที่มีประเพณีร่วมกันทั่วโลกเหมือนอย่างวันตรุษจีน.เพราะการกินเจนั้นเป็นเรื่องเฉพาะถิ่น ไม่ได้ทำกันทั่วทั้งประเทศ คนจีนที่กินเจส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน และแต้จิ๋ว อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ซึ่งชาวจีนในละแวกนี้ก็มักอพยพย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของประเทศไทย.ในส่วนของประเทศไทยนั้น เทศกาลกินเจเกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อ 194 ปีก่อน (ประมาณ พ.ศ. 2368-2400) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่คนไทยรู้จักกับการกินเจเป็นครั้งแรก! สมัยนั้นคนจีนจากมณฑลฮกเกี้ยน(ฝูเจี้ยน), แต้จิ๋ว, ซัวเถา ได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยและทำมาหากินในเมืองไทย บริเวณพื้นที่หมู่บ้านกะทู้ ตำบลกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จำนวนมาก เพื่อทำอาชีพขุดแร่ดีบุกและทำเหมืองแร่กันตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) และมีการค้าขายแร่ดีบุกกับโปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น.คนจีนกลุ่มนี้เองที่นำเอาประเพณีกินเจ หรือ เจี๊ยะฉ่าย เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเพณีที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาเต๋า (ลัทธิเต๋า) ที่พวกเขานับถือ โดยพวกเขามีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าประจำตระกูลหรือเทพเจ้าประจำหมู่บ้าน เช่น เทวดาฟ้าดิน และเซียนต่าง ๆ.หากมีเหตุเภทภัยอันใดเกิดขึ้น ก็จะแก้เคล็ดด้วยการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละพระองค์ที่ตนนับถือ มาบูชากราบไหว้เพื่อให้คุ้มครองปกป้องรักษาตน พร้อมกับการ “ถือศีลกินผัก” งดบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด งดทำบาปเพื่อหวังให้เภทภัยต่าง ๆ หายไป โดยมักจะกินเจ 9 วัน เพราะถือว่าเป็นการบูชา 9 เทวกษัตริย์ ที่เชื่อว่าจะมารับเคราะห์หรือเภทภัยต่าง ๆ แทนมนุษย์.แต่ถ้าหากสืบสาวราวเรื่องลึกลงไป พบว่าประเพณีกินผักดังกล่าว จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดมาจากจีนนั่นเอง เพียงแต่มีเฉพาะในชุมชนจีนบางมณฑลเท่านั้น เป็นประเพณีที่ชาวจีนกลุ่มเล็ก ๆ ทำกัน ไม่ได้มีแพร่หลายไปทั่วทั้งประเทศจีน เมื่อคนจีนกลุ่มนี้อพยพมาที่ไทยก็นำประเพณีนี้ติดตัวมาด้วย.ปัจจุบันประเพณี “ถือศีลกินผัก” ของชาวจีนที่นับถือ “ลัทธิเต๋า” ในบางมณฑลดังกล่าว ได้สูญหายไปแล้วทั้งหมด.แต่กลับยังคงมีให้เห็นได้ที่ภูเก็ตบ้านเรา และกระจายไปทั่วประเทศไทย สมัยแรก ๆ มีแค่การถือศีลกินผักธรรมดาตามโรงเจ ไม่ได้มีขบวนแห่ม้าทรงหรือจัดงานเทศกาลยิ่งใหญ่เหมือนในปัจจุบัน..#Culture#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 ในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปีจะตรงกับวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือวันชาติของจีน ซึ่งในปีนี้ เป็นปีที่ประเทศจีนก่อตั้งมาครบ 72 ปี กลุ่มเครือข่ายนักเรียนไทยในจีน จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมยินดีต่อวันสำคัญดังกล่าว ให้แก่ประชาชนชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่เปรียบดั่งพี่น้อง มาอย่างยาวนาน.โดยภายในคลิปกลุ่มนักเรียนไทยในจีน ได้กล่าวแสดงความยินดีเป็นภาษาจีน มีเนื้อความว่า.“เนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนพวกเราขอเป็นตัวแทนนักเรียนไทยที่ศึกษาอยู่ที่ประเทศจีนแสดงความยินดีจากใจจริงต่อเพื่อน ๆ ชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีนขอให้ประเทศจีนเจริญรุ่งเรือง ประชาชนชาวจีนสงบสุข ปลอดภัยพวกเราหวังว่าจะได้กลับไปที่จีนไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว”.“สุขสันต์วันชาติ !”.“在中华人民共和国成立 72 周年佳节之际我们代表泰国留学生,向中国领导中国政府和中国朋友们表示衷心的祝福祝全体中国人民繁荣昌盛,平安幸福,国庆节快乐!我们希望早日返回中国继续我们的学业。”.“国庆节快乐!”.ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนไทยในจีน ยังคงคาดหวังที่จะสามารถกลับไปเรียนที่จีนได้โดยเร็ว หลังจาก 1 ปี ที่ได้มีการเรียกร้องและประสานกับหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีความสามรถในการช่วยเหลือมาโดยตลอด ซึ่งทางกลุ่มมีความคาดหวังว่าจะสามารถกลับไปศึกษาต่อได้ภายในปลายปีนี้ สังเกตุได้จากท้ายคลิปที่มีการพูดทิ้งทายว่า.“พวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว”.พร้อมติดแฮชแท็ก #พาเด็กไทยกลับจีน..#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 วันนี้ (21 ก.ย. 2564) ตรงกับเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ของจีน กลุ่มเครือข่ายนักเรียนไทยในจีน ได้ทำการโพสต์คลิปส่งคำอวยพรให้กับประเทศจีน ประชาชนชาวจีน ท่านผู้นำ และรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่เปรียบดั่งพี่น้อง.โดยภายในคลิป กลุ่มนักเรียนไทยในจีนได้กล่าวอวยพรเป็นภาษาจีน โดยมีเนื้อความว่า.“เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ปี 2564พวกเรานักเรียนไทยในจีนขอให้ชาวจีนทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงเปี่ยมด้วยความสุขสวัสดิภาพพวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็วสุขสันต์เทศกาลไหว้พระจันทร์”.“2021年的中秋节,我们泰国学生愿你幸福水建廳度,平平安安长伴你,祝福中秋节快乐。我们希望早日返回中国继续我们的学业。”.ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนไทยในจีน ยังคงคาดหวังที่จะได้กลับไปเรียนที่จีนหลังจาก 1 ปี ที่ได้เรียกร้องและประสานงานเพื่อดำเนินการกับภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีความสามารถในการช่วยเหลือ โดยทางกลุ่มคาดว่าจะสามารถกลับได้ภายในปลายปีนี้ สังเกตุได้จากในตอนท้ายคลิปที่มีการพูดทิ้งทายว่า.“พวกเราหวังว่าจะได้กลับไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนโดยเร็ว” พร้อมติดแฮชแท็ก #พาเด็กไทยกลับจีน..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 นายวิรัติ แข็งขัน ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ เว็บไซต์ https://www.forbes.com/…/top-50-best-places-to-visit/ โดย Forbes advisor จัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ควรท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย.ยกให้ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกและเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย.พร้อมให้เหตุผลว่าในซีกโลกตะวันตกไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับอยุธยา แต่จริงๆ แล้วอยุธยา คือเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 เป็นแหล่งโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์เก่าแก่ สามารถย้อนอดีตไปถึงปี ค.ศ.1350 อีกทั้งมีพื้นที่กว้างขวางก่อเกิดมาจากความแตกต่างทั้งยุคสมัยและวัฒนธรรมที่หลากหลาย.การเดินทางก็สะดวกมีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงอยุธยา ใช้เวลาเพียง 90 นาที แต่ยังพบว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวชมอยุธยาแบบไปเช้าเย็นกลับ หากพักค้างคืนทุกคนจะได้สัมผัสกับภาพวัด โบราณสถานต่าง ๆ ในช่วงเช้าและช่วงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่สวยสดงดงาม.นอกจากนี้ยังระบุว่าในทวีปเอเชียได้รับคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวรวม 8 แห่ง จาก 50 แห่งของโลก ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศภูฏาน อัสสัม ประเทศอินเดีย ลอมบก ประเทศอินโดนีเซีย ไทเป ดินแดนไต้หวัน อุซเบกิสถาน และโดฮา ประเทศกาตาร์..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 จากกรณีที่กรุงเทพฯ เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน สามารถเที่ยวได้เลย แต่มีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวคนนั้นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนโครงการคาดว่าน่าจะเริ่ม 15 ตุลาคม 2564 ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจสำคัญคือ การฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ 70% ของประชากรแล้ว มีโมเดลคล้ายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์.ล่าสุด ศ. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงการเปิดประเทศดังกล่าวว่า สถานการณ์โควิดสายพันธุ์เดลตา ไม่น่ากลัว เพราะทั่วประเทศเป็นสายพันธุ์นี้เกือบหมด ที่น่าห่วงคือ สายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น และส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน.เรื่องการเปิดประเทศให้มีการท่องเที่ยว เข้าใจว่า น่าจะเป็นการคิดเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็อยากให้นำบทเรียนของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาพิจารณาด้วย เพราะแม้ฉีดวัคซีนครบหมด ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อ และหากยกเลิกมาตรการกักตัวก็น่าห่วง.เพราะการทำแซนด์บ็อกซ์ หมายถึงการดำเนินการบางพื้นที่ ไม่ใช่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบวงกว้าง เวลามีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็สามารถตัดสินใจได้ง่าย.ถ้าหากมองในเชิงวิชาการ ถือว่าไทยเปิดเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ เพราะการเปิดในต่างประเทศ หมายถึง ประเทศนั้นมีการฉีดวัคซีนเกิน 70% แต่สำหรับประเทศไทยคือ เข็มที่ 1 แค่ 38% เข็มที่ 2 เพียง 18% ยังขาดไปอีกเยอะ ถ้าจะเร่งฉีดตอนนี้ก็คงทำไม่ได้.ถ้าหากจะเปิดประเทศจริง ๆ รออีกสัก 1 เดือนก็ได้ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อม ดังนั้นใครทำอะไร ต้องรับผิดชอบด้วย.จากนี้ไป การทำงานของแพทย์ก็ยังคงต้องเหนื่อยกันอีก ยังแทบไม่ได้พักกันเลย สิ่งที่น่าห่วงคือ การกลับมาระบาดอีก เตียงผู้ป่วย เตียงไอซียูต้องเพียงพอ ไม่ควรเจอสภาวะเตียงเต็ม และหวังว่าจะไม่เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้ออีก..#Update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ ร่วมมือสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ได้จัดการสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “การเชื่อมโยงโอกาสทางดิจิทัลระหว่าง ไทย – กัมพูชา” (Connecting Digital Opportunities between Thailand and Cambodia).เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเติบโตอย่างครอบคลุม และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19.นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวย้ำความสำคัญของความร่วมมือในการก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปด้วยกัน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและประชาชน โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการรุ่นใหม่.ในการสัมมนาครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงทวิภาคีด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่างไทย กับกัมพูชา.ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างกว้างขวาง โดยเห็นพ้องว่า ไทย และกัมพูชา ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโลจิสติกส์ รวมถึงระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และการจัดเก็บภาษีธุรกิจดิจิทัล ตลอดจนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงทางไซเบอร์.ส่วนภาคเอกชนต่างเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ซึ่งเกิดจากปัจจัยเกื้อหนุน ได้แก่ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ทางเลือกในการชำระเงินที่มากขึ้น และบริการขนส่งสินค้า.ทั้งนี้ ผลการสัมมนาและข้อเสนอแนะข้างต้นจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย – กัมพูชา ครั้งต่อไปในช่วงปลายปี 2564..#update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More