Browsing: News

Somdej (SDC) หรือ สมเด็จคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลพระเครื่องเหรียญแรกของโลก เป็น DeFi Token ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากบล็อกเชน ที่สร้างเพียง 66,186,727 ล้านเหรียญ เท่ากับจำนวนประชากรในประเทศไทยปี 2563 โดยเป็นความตั้งใจให้คนไทยเข้าถึงเหรียญสมเด็จดิจิทัลเหรียญแรกของโลกเพื่อเป็นการกุศล ช่วยเหลือสังคมและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยอิงกับประวัติศาสตร์ของชาวไทยและชาวเอเชียที่มีชื่อเสียงพร้อมทั้งวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน.และยังสามารถเข้าถึงเหรียญสมเด็จดิจิทัลโดยให้ทุกคนมีโอกาสอย่างน้อยคนละ 1 เหรียญ เพื่อเป็นของที่ระลึกพร้อมทั้งยังสามารถทิ้งไว้เป็นมรดกโลกให้กับคนรุ่นหลังได้อีกด้วย.ระบบการทำงานของเหรียญ Somdej coin นั้นจะหัก Tax และนำไปทะนุบำรุงศาสนาและช่วยเหลือสังคมในประเทศไทย โดยทางวัดป่ามหาญาณจะเป็นตัวแทนในการช่วยเหลือสังคมและมูลนิธิทั่วประเทศไทย เหรียญสามารถนำไปใช้จ่ายในการซื้อ ดอกไม้ธูปเทียน สังฆทาน รวมถึงเช่าพระเครื่องภายในวัดได้.ระบบจะหัก Tax: 3% ทุกคร้ังที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย.ซึ่งจะนำไปทะนุบำรุงศาสนาและช่วยเหลือสังคม หากต้องการบริจาคด้วยเหรียญ SDC ให้กับวัดทั่วประเทศไทยก็สามารถทำได้โดยการติดต่อทางผู้พัฒนาแล้วผู้พัฒนาจะอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ เพื่อช่วยให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญเป็นเงินบาทผ่านระบบ Exchange ต่าง ๆ ให้กับวัดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (มูลค่าของเหรียญขึ้นอยู่กับสภาพราคาตลาด Exchange นั้น ๆ).ทีมพัฒนาบอกว่า ไม่ได้หยุดแค่การแลกเปลี่ยนเหรียญผ่าน Pancakeswap เท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายที่จะพยายามนำ Somdej coin เข้าไปอยู่ในตลาดซื้อขายระดับโลกอย่าง Binance และ Satang เพื่อให้ผู้ถือครองเหรียญทั่วโลกโอนย้ายเหรียญการกุศลได้สะดวก.เมื่อมีการซื้อขายหรือโอนย้ายจะก่อให้เกิดการช่วยเหลือสังคมและมูลนิธิ ภายในประเทศไทยซึ่งเหรียญ Somdej coin สามารถเพิ่มโอกาสให้กับคนที่ลำบากอีกมากมายการเข้าตลาดซื้อขายเหรียญคริปโตระดับ โลกอาจมีกฎระเบียบข้อบังคับจำนวนมากและผู้บริหารของ Exchange นั้น ๆ อาจจะเป็นผู้กำหนดและตัดสินใจในการเลือกเหรียญเพื่อเข้าตลาด.ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางผู้พัฒนา Somdej coin ได้ยื่นหนังสือถึงสํานักพุทธศาสนาแห่งชาติ และ กลต. เพื่อเตรียมนำเหรียญ SDC ที่ได้ช่วยการกุศลนี้ลิสขึ้น Centralized Exchange ภายในประเทศและในอนาคตต่อไป โดยทีมผู้พัฒนาแนะนำให้เหรียญ SDC เป็นเหรียญสำหรับการสะสม ไม่ได้มีไว้เพื่อการเก็งกำไร

Read More

วันที่ (4 พ.ย) นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ และ นางสาวปาริสา สัทธินทรีย์ เยาวชน SEED Thailand ได้นำนางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม.เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมกิจกรรม Youth4Climate : Driving Ambition ในฐานะตัวแทนเยาวชนไทย ในเรื่องว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26 ) ซึ่งองค์การสหประชาชาติ ได้จัด Youth4Climate Pre Cop 26 ควบคู่ไปด้วย.โดยประเทศไทยมีตัวแทนเยาวชน 2 คน ได้แก่ นางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย 16 ปี มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนานาชาติไทยจีน และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ 16 ปีมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน.ซึ่งได้รับคัดเลือกให้ผู้แทนประเทศจากผู้สมัคร 8,700 คน ทั่วโลก เพื่อร่วมกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศราว 400 คนทั่วโลก เสนอแนวคิดและข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในประเด็นสภาพภูมิอากาศภายใต้การพัฒนาแบบยั่งยืน ในการประชุม Youth4Climate : Driving Ambition ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2564 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นก่อนการประชุมโดยรัฐบาลประเทศอิตาลีและ UN Secretary General’s Envoy on Youth & Government of Italy.เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ปกป้องโลกของเราจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต ขณะเดียวกัน เยาวชนเหล่านี้ ก็จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ของรัฐบาลอีกด้วย.นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีแก่ น้องเอม หรือ น.ส. อมินตา และ น้องเกรซ หรือ น.ส. พัทธ์ธีญา ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเยาวชนเพื่อร่วมเป็นคณะทำงานกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศ.โดยน้องเอม และน้องเกรซ…

Read More

“กร” พงศกร แปยอ ถือว่าทำผลงานได้อย่างสุดยอดให้กับทัพพาราลิมปิกไทย ในโตเกียวเกมส์ 2020 หลังคว้า 3 เหรียญทองในการแข่งชันวีลแชร์เรซซิ่ง คลาส T 53 ประเภท 100, 400 และ 800 เมตร.ทั้งยังเป็นนักกีฬาพาราไทย คนแรก ที่สามารถคว้าเหรียญทอง ได้ถึง 3 เหรียญทอง จากการแข่งขันพาราลิมปิก ครั้งเดียว ทำให้รับเงินอัดฉีดไปแล้วรวม 21.6 ล้านบาท ซึ่งในการแข่งขัน พาราลิมปิกเกมส์ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว “เจ้ากร” สามารถทำผลงานได้ดีเช่นกัน.”มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ ที่คว้าเหรียญทอง ในรายการ 800 ม.มาครองได้อีกเหรียญ และเป็นเหรียญที่ 3 ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าก่อนมาผมไม่ตั้งความหวังไว้ว่าจะได้มากขนาดนี้ เพราะก่อนมาผมตั้งเป้าหมายไว้แค่ต้องการเหรียญทอง และขอทำลายสถิติโลก รายการ 400 ม. ซึ่งเป็นรายการความหวังของผมแค่นั้นก็พอ.แต่มาได้ถึง 3 เหรียญทองต้องบอกว่ามั่นคุ้มค่ามาก ๆ กับการฝึกซ้อมมานานเป็นปี.“การฝึกซ้อมที่ยาวนานต่อเนื่องทำให้ผมมีความรู้สึกอัดอั้นมาก ๆ เพราะฝึกซ้อมอย่างเดียว ไม่ได้ออกไปแข่งขันในรายการต่างประเทศเลยในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่ามีความกระหายอยากที่ลงแข่งขันและอยากชนะในทุก ๆ รายการที่ลงแข่งขัน.ทำให้ครั้งนี้เลยมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ดีคนที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้ได้คือ โค้ช,พี่ ๆ น้อง ๆ ทีมวีลแชร์เรซซิ่ง รวมถึงครอบครัวผม ที่เป็นกำลังใจให้กับผมมาตลอด และที่ขาดไม่ได้คือ สิงห์ คอร์เปอชั่น พาราลิมปิกไทย, สมาคมกีฬาคนพิการฯ รวมไปถึงแฟนกีฬาชาวไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้พวกเรามาตลอด”..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

ประวัติ วะโฮรัมย์ ชายผู้เชื่อมกายและใจไว้กับวีลแชร์ เจ้าของสถิตินักกีฬาพาราลิมปิกไทยที่คว้าเหรียญจากการแข่งขันมาครองได้มากที่สุด ด้วยผลงาน 7 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง เขาคือตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการวีลแชร์เรซซิ่งไทย.ชื่อของเขาถูกอัญเชิญขึ้นหิ้งในฐานะสุดยอดนักกีฬาวีลแชร์เรซซิงที่ไม่เพียงแต่เก่งที่สุดของประเทศไทย แต่ยังเก่งที่สุดของโลกด้วย จากผลงานการเข้าร่วมแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ เวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มาแล้วถึง 6 สมัย จากซิดนีย์เกมส์ในปี 2000 จนถึงวันนี้พาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020.แต่กว่าที่ประวัติจะมาถึงจุดนี้เขาต้องต่อสู้ฝ่าฟันมาอย่างมากมาย ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เมื่อขาของเขาเริ่มผิดปกติจากการเป็นโปลิโอ จนทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการเดินไปในที่สุด และด้วยเขาเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนคนทั่วไป จึงทำให้เขากลายเป็นคนแปลกในสายตาเพื่อน อะไรที่เพื่อนทำได้ เขาไม่สามารถทำได้ ทำให้เกิดเป็นความอึดอัดคับข้องใจมาโดยตลอด.“ทำไมต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นภาระของคนอื่น?” คือสิ่งที่เขาคิด และเก็บไว้ในใจ.แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของเขาเกิดขึ้นเมื่อตอนอายุ 11 ปี เมื่อได้รับมอบทุนจากมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้เข้ารับการรักษาตัวและศึกษาต่อที่โรงเรียนศรีสังวาลย์.ที่โรงเรียนแห่งนี้เขาได้เห็นนักกีฬาวีลแชร์ลงฝึกซ้อม และมันกลายเป็นการจุดไฟในในตัวของประวัติที่อยากพิสูจน์ตัวเองว่า เขาสามารถจะเป็นนักกีฬาแบบคนอื่นได้ และเขาไม่ใช่คนป่วย.จากจุดนั้น เขาไม่เคยหันหลังกลับไปอีกเลย แม้ว่าจะมีก้มหน้าเพราะความท้อแท้ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมซ้อมหนักขนาดนี้ เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ก็ยังไม่สามารถจะปั่นได้เร็วเหมือนรุ่นพี่ แต่เขาก็พยายามและเก็บรายละเอียดไว้ในหัว ตั้งคำถาม และพยายามหาคำตอบด้วยการปรับปรุงเทคนิคของตัวเองมาโดยตลอด.เพราะความฝันของเขาคือเวทีสูงสุดอย่างพาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งด้วยความพยายาม ไม่ท้อ ไม่ถอย เพราะเป็นคนทัศนคติดีโดยพื้นฐาน ทำให้เขาก้าวไปติดทีมชาติสำเร็จ และได้โอกาสเดินทางไปสู่ความฝันด้วยการเข้าแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของเขาในปี 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง และ1 เหรียญเงิน.ทำให้เขากลายเป็นเป็นนักกีฬาคนพิการที่โด่งดังที่สุด ซึ่งไม่เพียงเพราะลีลาการแข่งที่เร้าใจเท่านั้น แต่ด้วยบุคลิกที่เข้มแข็ง ทำให้เขากลายเป็นไอดอลของคนมากมาย ไม่เฉพาะแค่คนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย แต่รวมถึงคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ด้วย.“ไม่มีอะไรดีกว่าการเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ท้อได้สู้ต่อไปอีกแล้ว” ประวัติเคยให้สัมภาษณ์ไว้..#Homeland#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

เมื่อวันที่ (1 ก.ย.) การแข่งขันวีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตรชาย คลาส T 53 พงศกร อยู่ในลู่ที่ 6 ส่วน พิเชษฐ์ กรุงเกตุ อยู่ในลู่ที่ 2 ปล่อยตัวออกมา พงศกร เร่งเครื่องเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกทำสถิติ 14.20 วินาที เป็นสถิติที่ดีที่สุดของเจ้าตัว และยังทำลายสถิติพาราลิมปิกเกมส์ของตัวเองที่ทำไว้ในรอบคัดเลือกช่วงเช้า 14.30 วินาที พร้อมกับคว้าเหรียญทองที่สองให้กับตัวเอง และเหรียญที่สองของทัพนักกีฬาไทย.”กร” พงศกร แปยอ คว้าเหรียญทองที่ 2 ให้กับตัวเองหลังจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม คว้าไปแล้ว 1 ทองจากวีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T 53 พร้อมทำลายสถิติโลก.โดยก่อนหน้านี้ เจ้าตัวก็เคยคว้า 2 เหรียญทองจากริโอ 2016 รายการ 400 เมตร คลาส T 53 และ 800 เมตร คลาส T 53 และยังเคยเป็นแชมป์โลก 400 เมตร คลาส T 53 เมื่อปี 2019 ที่นครดูไบ อีกด้วย.พงศกร แปยอ เป็นโปลิโอขาทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด และเริ่มเล่นกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งตั้งแต่อายุได้ 13 ปี โดยมีอาจารย์ สากล ทัพสมบัติ ที่สนิทกันชักชวนให้ไปแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 30 “นครสุโขทัยเกมส์” เมื่อปี 2009 และประเดิมด้วยการคว้าเหรียญทองแดงวีลแชร์เรซซิ่ง ประเภท 100 เมตร กับ 400 เมตร..#GoodStory#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนทางภาคใต้ ที่มีวิถีชีวิตผูกพันธุ์มาอย่างยาวนานกับต้นกระท่อมที่ปลูกอยู่ริมรั้ว ตามบ้านเรือน หรือในพื้นที่ต่างๆ ตามหัวไร่ปลายสวน จะสามารถพกพาติดตัว เคี้ยวกินได้ อย่างสบายใจไม่ผิดกฎหมาย.รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อกพืชกระท่อมเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 โดยออกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2564 เป็นการปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ โดยสามารถปลูก และบริโภคตามวิถีชาวบ้านได้ อีกทั้งยังซื้อหรือขายใบกระท่อมโดยไม่ผิดกฎหมาย ยกเว้นหากมีการนำไปผสมยาเสพติดอื่นๆ เช่น 4 x100 เป็นความผิดตามกฎหมายนั้น.”ชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นข่าวดี ที่รัฐบาลปลดล็อคพืชกระท่อมให้พ้นบัญชียาเสพติด เพราะเป็นที่รู้กันว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาไทย ใช้ใบพืชกระท่อมเคี้ยว แล้วทำงาน ไม่ปวดเมื่อย และเวลาเป็นไข้หวัด นำใบพืชกระท่อมล้างน้ำให้สะอาดแล้วต้มกับน้ำดื่มแก้อาการไข้หวัดได้ด้วย” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว.ร.อ.ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางพรรคฯ ได้เตรียมผลักดันให้ ส.ส. ของพรรค .ในจังหวดต่าง ๆ อาทิ นครศรีธรรมราช สงขลา เข้าสนับสนุนชาวบ้าน หรือ เกษตรกร ในพื้นที่ปลูกกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ นอกเหนือจากยางพารา และปาล์ม หรือผลไม้พื้นถิ่น เพื่อสสร้างรายได้ให้ได้มากขึ้น โดยสามารถประสานกับหน่วยงานภาครัฐ หรือ สถาบันการศึกษา ในพื้นที่ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คำแนะนำทั้งเรื่องการเพาะปลูก การตลาดรองรับ ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด ต่อไป..#Update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม- – – – – – – – – – – – – – – – – –

Read More

วันนี้ (25 ส.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า คณะนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการพัฒนาหุ่นยนต์ “AutoVacc” หรือเครื่องแบ่งบรรจุวัคซีนอัตโนมัติ โดยได้เริ่มต้นใช้งานเมื่อวันจันทร์ (23 ส.ค.) ที่ผ่านมา.จุฑามาศ รัตนวราภรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยของศูนย์วิจัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า หุ่นยนต์นี้สามารถในการดึงปริมาณวัคซีนมาใช้ได้มากกว่าแรงคนถึง 20% ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการกระจายวัคซีน และ ลดความเหนื่อยล้าจากการใช้แรงบุคลากรทางการแพทย์.
“ส่วนที่เพิ่มขึ้น 20% หมายความว่า หากเรามีวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ล้านโดสสำหรับฉีด 1 ล้านคน หุ่นยนต์นี้จะช่วยเพิ่มตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนเป็น 1.2 ล้านคน”.ทางทีมวิจัยจุฬาฯ คาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตหุ่นยนต์ AutoVacc ได้อีกจำนวน 20 เครื่องภายใน 3-4 เดือน แต่จำเป็นต้องได้รับเงินทุน และ การสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดยมีตุ้นทนอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท ต่อหนึ่งต้นแบบ.อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันในประเทศไทย มีผู้ได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วราว 9% ของจำนวนประชากรกว่า 66 ล้านคน ขณะที่จำนวนวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศนั้น ต่ำกว่าที่คาดไว้ ทางทีมวิจัยจุฬาฯ จึงมีแผนจะพัฒนาหุ่นยนต์ แบ่งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) และโมเดอร์นา (Moderna) เพื่อเป็นประโยชน์แก่บุคลากรทางแพทย์ในอนาคต..#Update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีล่าสุด เมื่อบริษัทสตาร์ทอัพรักษ์โลก “Flash Forest” ณ เมืองโตรอนโต แคนาดา ได้ริเริ่มนำร่องการปลูกป่าแบบใหม่ ด้วยการใช้โดรนเพื่อปลูกต้น ซึ่งสามารถปลูกได้เร็วกว่าการใช้พลั่วของคน ถึง 10 เท่า โดยมีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ครบ 1 พันล้านต้นภายในปี 2028 นี้.ด้วยต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ถูกกว่าวิธีการปลูกต้นไม้แบบดั้งเดิมถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทาง “Flash Forest” ได้ว่าผสมผสานเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และ วิทยาศาสตร์ทางนิเวศวิทยาเข้าด้วยกัน ด้วยการดัดแปลงและควบคุมโดรน เพื่อยิงเมล็ดต้นไม้ลงไปในดิน โดยการปลูกต้นไม้แบบนี้ มีประสิทธิภาพกว่าแบบทั่วไปอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับการปลูกป่า ซึ่งเหมาะสมกับช่วงสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีการปลูกป่าทั่วโลกอย่างรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง.โดรนเหล่านี้จะมีการติดตั้งระบบการยิงแบบใช้ลม ซึ่งช่วยควบคุมระดับความลึกในการปล่อยฝักเมล็ดพันธุ์ และ ยังสามารถช่วยให้มีการเข้าถึงพื้นที่ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปได้อีกด้วย.สำหรับขั้นตอนในการปลูกนั้น จะเริ่มต้นจากฝักต้นไม้ ที่จะถูกทำด้วยมือ ซึ่งประกอบด้วยเมล็ดที่งอกแล้วอย่างน้อย 3 เมล็ด ไมคอร์ไรซา (เชื้อราชีวภาพประเภทหนึ่ง) ปุ๋ย และส่วนผสมอื่นๆ ที่พืชชื่นชอบ.โดรนจะใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วย เพื่อค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมในการปลูก และ เริ่มคาดคะเนพื้นที่ในการปลูก โดยจะทำการหย่อนฝักเมล็ดด้วยความแม่นยำสูงลงไปยังพื้นที่เหล่านั้น.หลังจากการปลูกนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ทีมงานยังสามารถติดตามกระบวนการ โดยใช้โดรนฉีดพ่นเพื่อให้สารอาหารแก่ต้นกล้า และ ใช้โดรนอีกตัวหนึ่งเพื่อคอยจับตาดูกระบวนการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งทางบริษัทเอง ก็ได้เริ่มปลูกต้นไม้ทั่วเมืองออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา (Ontario, Canada) แล้ว..#Update#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

 เปิดตัวโครงการใหม่ของกรุงเทพมหานคร โครงการพัฒนา “สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี” เพื่อเดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์คลองช่องนนทรีท้ังสองฝั่ง.“กทม.ได้เปิดตัวโครงการพัฒนาสวนสาธารณะคลองช่องนนทรีอย่างเป็นทางการ เพื่อเดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์คลองช่องนนทรีท้ังสองฝั่ง ความยาวประมาณ 9,000 เมตรและบริเวณโดยรอบให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง.ภายใต้แนวคิด 4 ประการ คือ 1.เขียว 2.คลอง 3.คน และ 4 .ความรู้ ในรูปแบบของ “สวนเลียบคลอง” ที่มีพื้นที่สีเขียว ร่มรื่น มีสายน้ำไหลผ่านและยังพัฒนาให้เป็นแหล่งพักผ่อน รวมถึงพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ ออกกำลังกาย.สามารถเดินเท้าเชื่อมโยงและเข้าถึงย่านธุรกิจใน 3 พื้นที่เขต ได้แก่ เขตบางรัก สาทร และยานนาวา จากถนนสุรวงศ์ ถนนสีลม ถนนสาทร ถนนจันทน์ ถนนรัชดาภิเษก ไปจรดถนนพระรามที่ 3 ทำให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนในเมืองด้วย.แม้ว่าสวนสาธารณะช่องนนทรีจะเป็นสวนสาธารณะที่แคบที่สุด มีความกว้างเพียง 6-7 เมตร แต่กทม.จะปรับปรุงให้สวยงาม ร่มรื่น ให้เป็นคลองที่มีชีวิต เป็นคลองที่มีอัตลักษณ์พิเศษ ไม่เหมือนใคร และใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเป็นคลองระบายน้ำ นอกจากนี้จะปลูกต้นนนทรีเสริมจากไม้ยืนต้นชนิดอื่น ๆ เพื่อสร้างอัตลักษณ์และสอดคล้องชื่อคลองช่องนนทรี โดยจะแบ่งดำเนินการเป็น 3 เฟสครับ โดยเฟสแรก ฝั่งละ 1,200 เมตร สองฝั่งก็ 2,400 เมตร จะพยายามให้แล้วเสร็จในเดือนปี 2564 ครับ”.ในส่วนของรายละเอียดโครงการ.“สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี” พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลผ่านแฟนเพจ (เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง – Earth Pongsakorn Kwanmuang) ว่า.“คลองช่องนนทรีอยู่ในย่านธุรกิจ (CBD)ในสมัยก่อนนั้น หน้าที่ของคลอง หลัก ๆ คือเพื่อใช้สัญจรและระบายน้ำ เมื่อกาลเวลาที่ผ่านไป วิถีชีวิตของพวกเราทุกคนได้มีการปรับเปลี่ยน สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวจึงไม่ใช่แค่การสัญจรและระบายน้ำ.กทม.จึงมีโครงการดี ๆ พัฒนาคลองช่องนนทรีให้เป็น สวนสาธารณะคลองที่ยาวที่สุดแห่งแรกของไทย มีความยาวถึง 4.5 กม. ต้นไม้สร้าง พื้นที่สีเขียว ลดฝุ่นควัน เพิ่มพื้นที่การเรียนรู้และแหล่งพักผ่อนให้กับชุมชนและคนทำงาน.เพิ่มทางวิ่ง/จักรยาน ระยะทางไป-กลับ มากถึง 9 กม. ใช้คลองบำบัดน้ำตามธรรมชาติได้มากกว่าเดิม เพิ่มทางเชื่อมต่อผู้คนในย่าน.ฟื้นฟูคลองเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับเมืองResilience…

Read More

 เมื่อวันที่ (1 ก.ย.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 2/2564 ร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.ผ่านระบบวิดีโอทางไกล โดยมี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม.ดร.สาธิต กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ 5 เรื่อง ได้แก่.1. แนวทางและมาตรการในการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, พัทยา, หัวหิน และพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องเพิ่มเติม ได้แก่ เชียงคาน จ.เลย และ จ.หนองคาย รวมถึงพื้นที่เกาะกูด เกาะช้าง จ.ตราด และเกาะเสม็ด จ.ระยอง ในรูปแบบ bubble and seal route และมอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบรรจุในแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยว เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป.2. ผลักดันให้มีการผลิตวัคซีนทั้ง 4 ชนิด เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนของประเทศไทย ได้แก่ วัคซีน ChulaCov19 โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,วัคซีนใบยา โดยบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด, วัคซีนโควิด 19 HXP-GPO Vac โดยองค์การเภสัชกรรม และวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) แบบพ่นจมูก โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โดยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ และให้ อย.ลดระยะเวลาการขึ้นทะเบียนอนุญาต.3. เห็นชอบแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนเมษายน-ตุลาคม 2568 ในการเข้าร่วมการจัดศาลาไทยในธีม การส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย.รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และญี่ปุ่น ตลอดจนให้ประเทศไทยเข้าร่วมประมูลสิทธิ์ในการจัดนิทรรศการนานาชาติเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialized Expo 2028 เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปี 2571 ที่จังหวัดภูเก็ต…

Read More