- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
ผู้พิพากษาศาลฎีกา เสนอ ยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. และหลักสูตรอื่นๆ ที่อาจเปิดช่องให้เกิดปัญหาคอนเน็กชัน ชี้ หลักสูตรอบรม บางหลักสูตร ไม่เกิดประโยชน์ ต่อการปฏิบัติหน้าที่ แต่กลับ ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ และกระทบต่อศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม มีรายงานว่านายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง และ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ยื่นบันทึกข้อความถึงประธานศาลฎีกา เพื่อขอให้ยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รวมถึงห้ามผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรอื่น ๆ เช่น ว.ป.อ. ป.ป.ร. และ วตท. โดยให้เหตุผลว่า หลักสูตรเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ในการปฏิบัติงานของผู้พิพากษา อาจนำไปสู่การผิดศีลธรรมและวินัย ของผู้พิพากษา ส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ และการเลือกปฏิบัติ เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า และทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในศาล ผู้พิพากษาทั้งสองระบุว่า หลักสูตร บ.ย.ส. และหลักสูตรอื่นๆ มุ่งเน้นการสร้าง “คอนเน็กชัน” ระหว่างผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งอาจนำไปสู่ ปัญหาการวิ่งเต้น และ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ในอนาคต “การที่ผู้พิพากษาสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ อาจทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยในความเป็นกลาง ความยุติธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตของผู้พิพากษา” บันทึกข้อความระบุผู้พิพากษาทั้งสอง จึงเรียกร้องให้ยกเลิกหลักสูตร บ.ย.ส. และหลักสูตรอื่นๆ ที่อาจเปิดช่องให้เกิดปัญหาคอนเน็กชัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม และป้องกันไม่ให้เกิด วิกฤตศรัทธา ในวงการยุติธรรม หลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกมามีคนจำนวนมากแสดงความเห็นสนับสนุนแนวคิดของสองผู้พิพากษาและชื่นชมความกล้าหาญในการเสนอปัญหาที่แหลมคม อ่อนไหว อย่างตรงไปตรงมา
กรณีคุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อประเด็นที่มีการถามถึงคุณเรืองไกร ในลักษณะทำนองว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการไม่ถูกตรวจสอบ ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ด้านเรืองไกรสวนกลับจ่อฟ้องเอาผิดจริยธรรม-หมิ่นประมาท พร้อมยื่นตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่ม กรณีคู่สมรส-นายกรัฐมนตรี รายการต่อปปช. ไม่ครบทุกรายการ พูดคุยกับ คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักตรวจสอบ ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง The Publisher ดำเนินรายการ โดย คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher: คุณเรืองไกรมองคำพูดนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ว่าอย่างไร? คุณเรืองไกร: นักข่าวถามว่า ผมยื่นหนังสือไปแล้ว ผมไปข่มขู่ ข้อมูลตรงนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง พูดต่อหน้าสื่อมันไม่ถูกต้อง ผมต้องดูว่ามันผิดตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยหรือไม่ หมิ่นประมาทด้วยหรือไม่ คือเราไม่ได้ติดต่อ ปปช. ทุกคนที่ยื่นไป เราก็ตรวจมาปกติ แต่รายการที่ตรวจรายการเดียวจากหลายๆ ก็คือรายการที่คู่สมรสที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา เขียนไว้ คือไม่ได้จดทะเบียน และ เขาก็ไประบุว่ามีเงินให้กู้ยืม บริษัทวินแคปปิตอล แล้วลงรายได้มีดอกเบี้ยแต่น้ำแสนกว่าบาท ก็คิดแล้วร้อยละ 3% ตรงนี้แล้วก็ตรวจอีกด้านหนึ่ง ผมต้องขอหนังสือรับรอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาดูว่า การให้กู้ยืมมีดอกเบี้ยเนี่ยมันมีความสัมพันธ์อะไรกันหรือไม่ ปรากฏว่า งบ พี่ขอมาดูนะครับ ก็มีกรรมการอยู่ 5 ท่าน แล้วก็รายชื่อผู้ถือหุ้นเนี่ยมี 14 คน คนละ 7000 นะครับ 13 คน อีกคนคือคุณอ๋อม ลูกท่านเสริมศักดิ์ หัวหน้าไทยรักษาชาติเก่า อันนั้นถือ 9000 อันนั้นเราก็ไม่ว่า แต่หมายเหตุข้อ 9 เนี่ยเขาเป็นเขียนว่าเป็นเงิน กู้ยืมจากกรรมการ คำว่า กรรมการก็หมายความว่าคุณปิฎก น่าจะเป็นกรรมการบริษัทนี้ ซึ่งไม่มีชื่ออยู่ นะครับ อันนี้ก็ย้อนไปดูมาบัญชีที่นายกอิ๊ง เขาแจ้งไป ปปช. ประวัติของนายกอีกเนี่ยเขาก็แจ้งมา หน้าครึ่งได้แจ้งมายาวเหยียดเลย แต่ของคู่สมรสเนี่ยนะฮะ แจ้งรายการเดียวคือเป็นประธานบริษัท อะไรสักอย่างหนึ่ง ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เงินกู้ยืนกรรมการ เมื่อไม่ใช่เงินกู้ยืนกรรมการเนี่ย มันก็เกิดปัญหา ก็คือว่า 1 ถ้าบริษัท วินจ่าย มีหน้าที่ต้องหักภาษี ร้อยละ 15 2. ถ้าให้กู้ยืมเป็นปกติวิสัย…
รศ.ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตั้งคำถาม 15 ข้อ จี้รัฐบาลตอบข้อสงสัยก่อนเดินหน้า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ชี้ “บ่อนคาสิโน-พนันออนไลน์” ส่อผลกระทบร้ายแรงต่อสังคมไทย มีสาระโดยสรุปดังนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลมีแรงจูงใจใดในการส่งเสริมการพนัน? รายได้จากการพนันจะตกอยู่กับใคร? รัฐบาลจะได้ส่วนแบ่งเท่าไร? การพนันไม่ใช่รายได้ประชาชาติ แล้วจะทำให้รายได้ประเทศเพิ่มขึ้นจริงหรือ? คนไทยจะเสียเวลาและโอกาสในการทำงานไปกับการพนันมากน้อยแค่ไหน? นักท่องเที่ยวประเภทใดที่จะเข้ามาเล่นการพนัน? เป็นที่ยินดีต้อนรับของคนไทยหรือไม่? ความโปร่งใสและการควบคุม เหตุใดจึงใช้ระบบสัมปทาน? ทำไมไม่ประมูลแข่งขัน? จะมีมาตรการป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมอย่างไร? จะควบคุมการเข้าเล่นพนันของคนไทยได้จริงหรือ? บ่อนเถื่อนจะหมดไปหรือไม่? ไทยพร้อมรับมือผลกระทบด้านลบ เช่น อาชญากรรม ครอบครัวแตกแยก โรคติดพนัน หรือไม่? ค่านิยมและวิสัยทัศน์ บ่อนคาสิโนสอนทักษะและค่านิยมอะไรให้คนไทย? การอ้างความสำเร็จของสิงคโปร์ เป็นภาพลวงตาหรือไม่? รัฐบาลควรคำนึงถึงผลเสียมากกว่าผลประโยชน์หรือไม่? ควรทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนหรือไม่? การส่งเสริมการพนัน สะท้อนวิสัยทัศน์ผู้นำที่มุ่งผลประโยชน์ระยะสั้นหรือไม่? รศ.ดร. เจิมศักดิ์ ทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศ ที่มุ่งผลประโยชน์ระยะสั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยในระยะยาว
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า มหกรรมการเดินทางของจีนในเทศกาลตรุษจีนหรือ “ชุนอวิ้น” ระยะ 40 วัน (14 ม.ค.-22 ก.พ.) ได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนหลายร้อยล้านคน เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อรวมตัวกับครอบครัวและฉลองเทศกาลสำคัญอย่างตรุษจีน โดยจำนวนการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงมหกรรมชุนอวิ้น จะอยู่ที่ 9 พันล้านเที่ยว โดยการเดินทางทางรางและทางอากาศมีแนวโน้มพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนทางถนนจะอยู่ที่ 7.2 พันล้านเที่ยวส่วนการเดินทางทางการบินพลเรือนจะสูงกว่า 90 ล้านครั้ง ขณะการเดินทางทางรางหรือรถไฟในช่วงมหกรรมชุนอวิ้นนี้จะสูงกว่า 510 ล้านเที่ยว หรือคิดเฉลี่ยอยู่ที่ 12.75 ล้านเที่ยวต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากปี 2024 ทั้งนี้องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้เทศกาลตรุษจีนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ขณะตรุษจีนในประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่าจากที่มีวันหยุดสำหรับเทศกาลนี้ จะมีเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาททั้งจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ถึงจะได้รับผลกระทบจากกรณี ซิง ซิง ก็ตาม . ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ตรุษจีน #เทศกาลตรุษจีน ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ออกมาแสดงความกังวลต่อร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ผ่าน ครม. ชี้ไทยยังบังคับใช้กฎหมายหละหลวม เสี่ยงเป็นฮับฟอกเงิน-ค้ามนุษย์ หากเปิดกาสิโน เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายในประเทศยังมีช่องโหว่ “ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับกาสิโน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังก่อน” นายจุลพงศ์ กล่าว พร้อมเสนอให้รัฐบาลพิจารณา 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประมูลใบอนุญาตอย่างโปร่งใส ลดข้อครหาการล็อกสเปก ทำประชามติก่อนกำหนดพื้นที่ รับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ กำหนดคุณสมบัติผู้เล่น เช่น อายุ รายได้ ประวัติอาชญากรรม จัดสรรรายได้เข้ารัฐแบบยืดหยุ่น ตามรายได้จริงของกาสิโน ตั้งกองทุนเยียวยาผลกระทบ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการพนันส.ส. พรรคประชาชน ยังย้ำว่า รัฐบาลไม่ควรนำสิงคโปร์หรือญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบ เพราะทั้งสองประเทศมีระบบการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งกว่าไทยมาก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน และพิจารณาผลกระทบในระยะยาว ก่อนผลักดัน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
เรื่องราวเกี่ยวกับชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ต้องเรียกว่างวดเข้ามาทุกที เพราะพรุ่งนี้ (15 ม.ค.68) จะครบเส้นตายที่คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจแพทยสภา ส่งหนังสือถึงพล.ต.ท.นพ.นพศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จัดส่งเอกสารทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เวชระเบียนการรักษาของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กระทั่งออกจาก รพ.ตำรวจ โดยมี นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตกรรมการแพทยสภา เป็นประธานอนุกรรมการสอบ ขณะที่ ป.ป.ช.ก็เพิ่งตั้งที่ปรึกษาในการพิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 12 คน ที่ส่งนายทักษิณจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ ช่วยเหลือให้นายทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง โดยมีแพทย์ที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบ 6 คน คือ พล.ต.ท.โสภณรัตช์ สิงหจารุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้และผู้ออกใบความเห็นแพทย์, พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ แพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์, แพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ และนายแพทย์วัฒนชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ชวนโฟกัสคือชื่อของ “พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ” แพทย์รพ.ตำรวจ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ออกใบความเห็นแพทย์กรณีนายทักษิณ เนื่องจากเป็นคนในตระกูลการเมือง “บ้านใหญ่” ย่านฝั่งธน เจ้าตัวเคยเป็น สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 ส่วนคนในตระกูลม่วงศิริ ในการเลือกตั้งปี 2566 ยกครัวมาซบพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดวันนี้ (14 ม.ค.68) มีการแถลงเปิดตัวนักการเมืองตระกูลม่วงศิริ ย้ายพรรคมาซบพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายสากล ม่วงศิริ…
เพจฤา ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.6 แสนคน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับนโยบาย “กาสิโน” ของรัฐบาลในอดีต ไว้ดังนี้ ในขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงมองเห็นถึงพิษภัยของการพนัน ที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์ แม้จะสร้างรายได้จำนวนมากให้แผ่นดินก็ตาม พระองค์ก็ไม่ได้ทรงเห็นงาม หาหนทางที่จะลด และเลิก มาตลอด แต่นักการเมืองนั้น กลับทำตรงกันข้าม พยายามมาตลอดที่จะให้มีสถานการพนัน บ่อนเกิดขึ้นให้จงได้ ไม่ว่าจะยุคจะสมัยใด ……………………………………………………………………………………………………………….. เมื่อกว่า ร้อยปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นถึงภัยของการพนัน โดยมีพระราชหัตถเลขาถึง กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ดังนี้จุฬาลงกรณ์ ปร.VITA NOBELSAN REMOถึงกรมดำรง ฉันได้ส่งของที่รลึกมอนติกาโล คือเหรียญร้อยแฟรงก์ที่เขาสำหรับเล่นเบี้ยกัน ๓ เหรียญ หม้อมูตรลงยา ๔ หม้อ ตุ้มหู้ไข่นกการเวก ๑ คู่ มาโดยบุกโปสต ขอให้ส่งให้เจ้าสายได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าแต่สักวันเดียวก็ไม่ควรต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่งจะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุกได้จดหมายเรื่องราวมาที่หญิงน้อย เมื่ออยากทราบก็ให้ขอดูเถิดสยามินทร์ พ.ศ. 2456 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชดำริที่จะชักนำประชาชนให้เลิกอบายมุข จึงได้มีการตั้งคลังออมสินขึ้น เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนได้ริเริ่มการออมเงินแทนการเล่นพนัน และต่อจากนั้นอีก 3 ปี ก็มีการเลิกหวย ก.ข. และเลิกบ่อนเบี้ยในที่สุด ซึ่งในปีนั้นเศรษฐกิจยังดีอยู่มาก พ.ศ. 2461 เจอปัญหากักกันข้าว พร้อมกับราคาดีบุกตกต่ำ ประเทศขาดเงินรายได้หลายล้าน กลายเป็นปัญหากลุ้มรุมชนิดผีซ้ำด้ำพลอย ลากยาวมาถึงปี พ.ศ. 2469 พ.ศ. 2473 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการออก พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2473 จุดประสงค์เพื่อควบคุมการเล่น และค่อย ๆ จำกัดให้ลดน้อยลง แต่แล้วก็มีการยกเลิก พ.ร.บ. ฉบับนั้นไป พ.ศ. 2478 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่พยายามเปิดเสรีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ด้วยการออก…
บรรยากาศการเมืองร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมสรุปผลการไต่สวนคดีสอบจริยธรรม “44 ส.ส. ก้าวไกล” ที่เสนอแก้ไข ม.112 ภายในเดือนมกราคมนี้ โดยมีชื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึงแกนนำคนสำคัญของพรรค อาทิ ศิริกัญญา ตันสกุล, รังสิมันต์ โรม, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นต้นนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. เผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนใกล้สรุปสำนวนส่งให้ที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. พิจารณาได้ภายในเดือนนี้ โดยยืนยันว่าจะพิจารณาคดีเป็นรายบุคคล ซึ่งโทษหนักถึงขั้น “ประหารชีวิตทางการเมือง” หาก ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาตัดสินว่า 44 ส.ส. ฝ่าฝืนจริยธรรมจริง โทษสูงสุดคือ ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 ราย ได้แก่ ปารีณา ไกรคุปต์ (คดีที่ดิน ส.ป.ก.) กนกวรรณ วิลาวัลย์ (คดีที่ดินรุกป่าเขาใหญ่) ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ (คดีเสียบบัตรแทนกัน) นาที รัชกิจประการ (คดีเสียบบัตรแทนกัน) ฉลอง เทอดวีระพงศ์ (คดีเสียบบัตรแทนกัน) ภูมิศิษฎ์ คงมี (คดีเสียบบัตรแทนกัน) อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ (คดีเรียกรับเงิน) พรรณิการ์ วานิช (คดีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันฯ) ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ก้าวไกล #ปปช #ม112 #พิธา #พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #ศิริกัญญา ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
หลัง ครม.ไฟเขียวเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมีกาสิโนรวมอยู่ด้วยนั้น เพียงวันเดียวก็มีกลุ่มคนออกแคมเปญรณรงค์ไม่เอากาสิโน โดยเปิดเพจให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนร่วมลงชื่อ โดยเนื้อหาระบุถึงการเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เข้ารัฐสภา และระบุความเป็นไปได้ที่จะไม่ถูกคัดค้านจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเปิดกาสิโนหรือแหล่งพนัน เปิดช่องให้เปิดกาสิโนได้หลายแห่ง หลายขนาด ในหลายพื้นที่ ไม่มีขีดจำกัด อนุมัติด้วยอำนาจฝ่ายการเมือง โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งที่ประสบการณ์ของทั่วโลกพบว่ากาสิโนเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมหลากระดับ การฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัปชัน สินบน และธุรกิจผิดกฎหมาย การเปิดกาสิโนเท่ากับอนุญาตให้เปิดโรงฟอกเงินแก่กลุ่มอาชญากรรมและผู้กระทำผิดให้เปลี่ยนเงินสกปรก เป็นเงินสะอาด อันมีส่วนเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจการเงินของไทย พร้อมระบุหากคุณคือคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กรณีร่วมกันส่งเสียงต่อรัฐบาลและรัฐสภา นี่เป็นเพียง 1 ตัวอย่างที่เริ่มออกมารณรงค์ไม่เอากาสิโน หลังจาก ครม.เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อวานนี้ ขณะที่ทางมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกกับ The Publisher ก่อนหน้านี้ว่าทางมูลนิธิก็จะทำการรณรงค์ไม่เอากาสิโน.อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #EntertainmentComplex #ทุจริตคอร์รัปชัน #กาสิโน #กาสิโนถูกกฎหมาย ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/z
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จ.ปทุมธานี คืนเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.67 โดยมีการลงนามในสั่งวันที่ 3 ก.ย.67 ก่อนพ้นตำแหน่งเพียงสามวันเท่านั้น การลงนามคำสั่งดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมที่ดินได้เสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เดิม และวินิจฉัยอุทธรณ์ใหม่ โดยอ้างอิงจากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาและศาลที่ระบุว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เดิมของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และวินิจฉัยอุทธรณ์ใหม่ เพื่อให้คำสั่งกรมที่ดินกลับมามีผล โดยให้แยกดำเนินการเรื่องการเพิกถอนคำสั่งออกจากประเด็นการเยียวยาแก้ไขปัญหา ซึ่งจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการออกกฎหมาย สำหรับสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อหลายปีก่อน โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด อนึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จำนวน 22,410,000 หุ้น มูลค่า 224.1 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้โอนหุ้นดังกล่าวให้กับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาเรียบร้อยแล้ว สำนักข่าวอิศรารายงานด้วยว่า ข้อมูล ณ วันที่ 4 ก.ย. 2567 บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 29,880,000 หุ้น นายพานทองแท้ ชินวัตร 22,410,000 หุ้น นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ 22,410,000 หุ้นรวมทั้งหมด 74,700,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท อย่างไรก็ตาม…