Browsing: News

วันที่ 11 มกราคม 2568 งานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. โดยมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น การเยี่ยมชมและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี, การแสดงขบวนการอัศวินไดโนเสาร์, การฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การแข่งขันเดาะฟุตบอล, และการทดสอบทักษะการอ่านข่าว ภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ สวมบทบาท “โฆษกน้อยอ่านข่าว … โฆษกรัฐบาลนิวส์จิ๋ว” การจำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียว พร้อมนำสแตนดี้หมูเด้งสูง 2.5 เมตร ขบวนพาเหรดสิงสาราสัตว์และหมูเด้ง มาให้เด็กๆ ถ่ายภาพบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า รวมถึงรถโมเดลโบราณ ที่นำมาจอดให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูป นอกจากนี้ ยังมีการจัดเตรียมของรางวัลและกิจกรรมสนุกๆ เช่น ขบวนพาเหรดสัตว์ต่างๆ และการแจกไอศกรีม 1,000 ถ้วยให้กับเด็กๆ พร้อมทั้งกิจกรรมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีผ่านระบบซูมโดยเยาวชนจากภูมิภาคต่างๆ ขณะที่ SEED Thailand เครือข่ายเด็กและเยาวชนพลังบวก ที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสถาบันหลักของชาติ และสร้างสำนึกรักบ้านเกิด ก็เป็นส่วนหนึ่งร่วมจัดกิจกรรม ที่ทำเนียบรัฐบาล เช่นกัน โดยมี 5 โซนกิจกรรมที่จัดเต็มความสนุก อาทิเช่น วาดภาพสังคมไทยในฝัน, หมุนวงล้อเสี่ยงโชค, สอยดาว, Photo Booth, จับสลากของรางวัล ไม่ได้มีเพียงแต่ที่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุก ทั้งภาคกลางและภาคใต้ ดังนี้• ศาลากลางจังหวัดชลบุรี• ค่ายเสนาณรงค์ มณฑลทหารบกที่ 42ร่วมกับกลุ่มลอสอินหาดใหญ่ และนากามะคอส• เทศบาลเมืองคอหงส์ หาดใหญ่ สงขลาร่วมกับ กลุ่มงานบริหารสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม• ชุมชนป้อมหก หาดใหญ่ สงขลาร่วมกับศูนย์อาสาสมัคร ม.อ.• ชุมชนจันทร์วิโรจน์ หาดใหญ่ สงขลาร่วมกับ ศูนย์อาสาสมัคร ม.อ. จัดเต็มฟรีตลอดงาน แล้วน้องๆ มาพบกันนะคะ

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกโรงเตือน “ทักษิณ ชินวัตร” กรณีปราศรัยเหยียดเชื้อชาติและสีผิว ชี้เป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ขัดหลักสิทธิมนุษยชน แนะบุคคลสาธารณะควรเป็นแบบอย่างที่ดี นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แสดงความห่วงกังวลต่อกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยในลักษณะเหยียดเชื้อชาติและสีผิวของคนแอฟริกัน โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะทางสังคมของผู้พูด ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองและมีอิทธิพลต่อสังคม การสื่อสารในลักษณะดังกล่าวอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และซ้ำรอยความสูญเสียในอดีต กสม. ย้ำว่า รัฐบาลไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (CERD) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ไทยดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) บุคคลสาธารณะควรเป็นแบบอย่างที่ดี ร่วมส่งเสริมให้สังคมเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยไม่แบ่งแยกและเลือกปฏิบัติ เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติ. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลแพทองธาร #เพื่อไทย #รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ออกโรงเตือนประชาชน หลังพบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI โทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อ อ้างพัวพันคดีฟอกเงินของ “สามารถ เจนชัยจิตรวณิช” จากกรณีที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ พบมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI ใช้แอปพลิเคชันไลน์ติดต่อเหยื่อ โดยแจ้งชื่อ-นามสกุล เลขคดี พร้อมส่งรูปและเอกสารปลอมของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อ้างว่านายสามารถให้การซัดทอดผู้เสียหายขายบัญชีธนาคารกรุงไทยให้ พร้อมข่มขู่ให้นำเงินของตนเองและครอบครัวโอนมาตรวจสอบ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวและโอนเงินจำนวนมากให้มิจฉาชีพไป DSI ขอแจ้งเตือนประชาชนว่า เจ้าหน้าที่จะไม่ติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อแจ้งให้ทำธุรกรรมทางการเงิน หากมีผู้แอบอ้าง ให้ตั้งสติ อย่าตกใจ วางสายทันที! การติดต่อราชการของ DSI จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยจะมีหนังสือเรียกหรือเชิญมาพบเพื่อสอบสวน หากหลงเชื่อและโอนเงินไปแล้ว ขอให้รีบดำเนินการดังนี้ แจ้งธนาคารเจ้าของบัญชีทันที และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ โดยสามารถร้องเรียน แจ้งข้อมูล เบาะแส ได้ที่เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ: www.dsi.go.th สายด่วน DSI: 1202 และ สายด่วน AOC: 1441 การป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพเป็นสิ่งสำคัญ โปรดระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือโอนเงินให้ใครง่าย ๆ. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #DSI #มิจฉาชีพ #ฟอกเงิน #แอบอ้าง ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน Facebook ส่วนตัว กรณี ไฟป่าที่ดงพญาเย็น จังหวัดนครราชสีมา โดยบอกได้กำชับให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการดับไฟป่าไม่ให้ลุกลาม เพื่อป้องกันความเสียหายและดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และขอให้มีรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกระยะ พร้อมขอให้ทุกคนปลอดภัย และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เข้าไปดูแลสถานการณ์และช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ไฟป่าเผาไหม้บริเวณติดเขาใหญ่ ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปะทุมา 7 วันและมุ่งไปทางเขาใหญ่มาต่อเนื่อง 7 วันแล้ว โดยส่วนที่เข้าปฏิบัติการดับไฟป่ายังเป็นเฉพาะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อย่างศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา ปราจีนบุรี หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง และศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครราชสีมาที่สนธิกำลังกันกับฝ่ายปกครองในพื้นที่แบ่งเข้าปฏิบัติการ ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลแพทองธาร #เพื่อไทย #รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ #ไฟป่า #ไฟป่าเขาใหญ่ ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ The Publisher ถึงความคืบหน้าในการดับไฟป่าบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูงและป่าเขาอ่างหินว่า ได้มีการส่งชุดเหยี่ยวไฟ คือเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ และเสือไฟ เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ไปควบคุมเพลิง แต่ปัญหาคือพื้นที่ที่สูงชันมาก ซึ่งวันนี้ (10 ม.ค.68) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการส่งเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงเจ้าหน้าที่ไปยังยอดเขา เพื่อควบคุมเพลิงแล้ว คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้น่าจะควบคุมเพลิงได้ “ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไฟป่าครั้งนี้ห่างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 10 กม. ซึ่งความเสียหายคาดว่าจะกินพื้นที่ราว 200 – 300 ไร่ อุปสรรคในการควบคุมเพลิงคือพื้นที่สูงชัน คาดว่าสาเหตุมาจากคนแต่ยังอาจเป็นการจุดไฟล่าสัตว์ หรือเป็นการลุกลามจากการเผาไร่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็เป็นไปได้” อธิบดีกรมอทุยานแห่งชาติฯ ยังกล่าวถึงการรับมือกับฤดูไฟป่าในช่วงนี้ว่า พื้นที่ป่าเริ่มแห้งแล้ง หลายพื้นที่เริ่มมีไฟจึงอยากเตือนประชาชนที่ไปเก็บของป่า ล่าสัตว์ หากมีการจุดไฟจนลุกลามเข้าไปในป่า มีความผิด โทษรุนแรง หากใครพบเห็นเหตุไฟไหม้ป่า หรือม่เบาะแสการจุดไฟให้แจ้งสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ส่วนความพร้อมทั้งเรื่องงบประมาณและบุคลากรในการรับมือกับไฟป่านั้น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้มอบนโยบายและเร่งรัดงบประมาณในการจัดจ้างชาวบ้านในพื้นที่กำหนดจุดเฝ้าระวัง 2 พันจุด เพื่อให้เกิดการควบคุมไฟป่าได้รวดเร็วขึ้น โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว 25 % “มีงบประมาณจากหลายส่วนทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพย์ฯ ทหารเข้ามาประมาณ 1 พันล้าน โดยหากดูสถิติการควบคุมไฟปี 67 ทำได้ดีกว่าปี 66 ราว 30 % ทั้งที่แล้งมากกว่า และในปีนี้เราจะลดไปอีก 25 % พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษคือ ภาคกลาง โดยเฉพาะกาญจนบุรีที่เริ่มแห้งแล้ว ไปจนถึงนครสวรรค์ ภาคเหนือตอนล่าง และหลังจากเดือน ม.ค. พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือจะมีสถานการณ์ไฟป่าลักษณะกระจายมากขึ้น เช่น ลำปาง เชียงใหม่ ต้องหมุนเวียนกำลังให้ครอบคลุมพื้นที่ล่อแหลมเกิดไฟให้ครบทุกพื้นที่ โดยมีการจัดการในรูปแบบกลุ่มป่าทั้งหมด 14 กลุ่มป่า ซึ่งจะบูรณาการทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง” นายอรรถพล กล่าว. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ #หน้าแร้ง #ไฟป่า #ไฟป่าเขาใหญ่…

สร้างรอยยิ้มและเสียงฮือฮาให้กับโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้โพสต์ภาพบัตรประชาชนใบจริง! ของ “เด็กหญิง หมูเด้ง ส.เขาเขียว” ฮิปโปโปเตมัสแคระขวัญใจชาวเน็ต ที่มีอายุครบ 6 เดือน โดยบัตรประชาชนระบุ เลขประจำตัวสัตว์ 9 0021 90017 25 137 เกิดวันที่ 10 ก.ค. 67 อาศัยอยู่ที่ 235 หมู่ 7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมระบุวันออกบัตร 10 มกราคม 2568 ความน่าสนใจคือบัตรประชาชนของน้องหมูเด้งไม่มีวันหมดอายุ และทางเพจยังได้นำบัตรใบจริงไปติดไว้ที่หน้าส่วนจัดแสดงฮิปโปโปเตมัสแคระ ภายในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และมีการเปิดประมูลรอยเท้าของน้องหมูเด้งตอนอายุ 3 เดือน โดยระบุว่ารายได้ทั้งหมดจะนำเข้าโครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า พร้อมกับเขียนข้อความติดตลกว่า “เปิดประมูลจริง ๆ นะ แต่คนประมูลเอาไปทำไรไม่รู้ ติดฝาบ้านเล่น ๆ ก็ได้ 555 รายได้เข้าโครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า ตอนนี้มีชิ้นเดียวในโลก เดี๋ยวพอประมูลเสร็จก็ปั๊มใหม่อีกชิ้น (หยอกๆ)” โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่เป็นการแซวหมูเด้งอย่างสนุกสนาน อาทิ “เดี๋ยวเขียนเช็คให้นะคะ เอาไปเติมเลขได้เลย เช็คขึ้นได้ปี 2668 ค่ะ” “เขียนจดหมายไปหาหมูเด้งได้ไหมคะ” และ“เด้งเป็นคนไทยลักษณะคล้ายฮิปโปนิดหน่อย มีบัตรแล้วอย่าลืมลงทะเบียนแอป ทางรัฐนะจ๊ะ” เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสีสันและความน่ารักของน้องหมูเด้ง ฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนในโลกออนไลน์ ใครอยากไปชมความน่ารักของน้องหมูเด้งตัวจริง ก็สามารถไปเยี่ยมชมได้ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #Moodeng #หมูเด้ง #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ แถลงข่าวสถานการณ์เด็กหายปี 2567 พบตัวเลขสูงขึ้นในรอบ 6 ปี พร้อมแนะแนวทางป้องกันเด็กหายในช่วงวันเด็กแห่งชาตินายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เผยสถิติเด็กหายปี 2567 สูงถึง 314 คน เพิ่มขึ้น 6% จากปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการหนีออกจากบ้าน คิดเป็น 72% รองลงมาคือเด็กที่มีพัฒนาการช้า และถูกลักพาตัว ภัยร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช่วงปลายปี 2566 – 2567 พบเด็กและเยาวชนถูกล่อลวงไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านกว่า 11 คน โดยใช้วิธีชักชวนผ่านประกาศรับสมัครงานออนไลน์ ดีเอ็นเอ โปรคิดส์ ความหวังใหม่ตามหาเด็กหายพล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงโครงการดีเอ็นเอ-โปรคิดส์ (DNA-PROKIDS) ซึ่งเป็นโครงการระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเก็บข้อมูลสารพันธุกรรมของพ่อแม่ที่แจ้งความลูกหายไว้ เพื่อใช้เทียบเคียงดีเอ็นเอเด็กที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากพบว่าตรงกัน จะรายงานผลสายสัมพันธ์ 3 ครอบครัวร่วมโครงการดีเอ็นเอ-โปรคิดส์มูลนิธิกระจกเงาได้พา 3 ครอบครัวที่มีลูกหายตัวไปนานหลายปี มาร่วมโครงการดีเอ็นเอ-โปรคิดส์ ได้แก่◾ แม่ของน้องจีจี้ หรือ ด.ญ.จีรภัทร ทองชุม หายตัวไปนาน 15 ปี◾ แม่ของน้องดา หรือ ด.ญ.พัทธวรรณ อินทร์สุข หายตัวไป 11 ปี◾ แม่ของน้องอัษ หรือ ด.ช.เทอญพงษ์ หายตัวไปนาน 6 ปี แนะวิธีป้องกันเด็กหาย-พลัดหลงวันเด็กเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 11 มกราคมนี้ สถาบันนิติเวชวิทยาและมูลนิธิกระจกเงา แนะผู้ปกครองป้องกันเด็กหาย ดังนี้◾ จดจำรูปพรรณ สัดส่วน และตำหนิของลูก◾ ถ่ายรูปลูกพร้อมชุดที่สวมใส่ก่อนออกจากบ้าน◾ ทำป้ายชื่อ เบอร์ติดต่อครอบครัวติดตัวเด็ก◾ สอนลูกนัดเจอจุดนัดพบหากพลัดหลง และขอความช่วยเหลือจากใคร◾ สอนลูกตะโกนขอความช่วยเหลือเมื่อตกอยู่ในอันตราย หากเด็กหาย ให้ค้นหาในบริเวณงานและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยไม่ต้องรอครบ 24 ชั่วโมง โทร. 191 หรือแจ้งความที่สถานีตำรวจ. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #วันเด็ก2568 #เด็กหาย…

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ร่วมแถลงขั้นตอนและการเตรียมความพร้อมจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม นิดา” ในวันที่ 16 มกราคม 2568 เริ่มจากท่าเรือพิบูลสงคราม 1 โดยจะจัดสภาพแวดล้อม และสถานการณ์ให้ใกล้เคียงเหตุการณ์จริงมากที่สุด ทั้งจำนวนคนบนเรือ ความเร็วเรือ รวมถึงคัดเลือกอาสาสมัครมาแสดงเป็น แตงโม และ แซน นิศาพัช ซึ่งอยู่ท้ายเรือ ด้วยการทาบทามบุคคลที่เหมาะสมมาจำลองเป็นบุคคลทั้งสองด้วยส่วนสูง น้ำหนัก และใส่ชุดเดียวกันด้วย เบื้องต้นมีอาสาสมัครแสดงเป็นแตงโม และแซนแล้ว 5-6 คนทุกคนว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี แข็งแรง จำนวนนี้มีทั้งมีสแกรนด์ และครูสอนว่ายน้ำรวมอยู่ด้วย และให้ใช้เวลาช่วง 5-6 วันนี้ทำการฟิตซ้อมเพื่อความปลอดภัย รวมถึงมีมาตรการป้องกันเหตสุดวิสัยทุกด้านและประสานหน่วยกู้ภัยไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การจำลองสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ว่าด้วยน้ำหนัก ความเร็วเรือ 8 นอต และชุดที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุสามารถเดินไปปัสสาวะจนตกเรือ และถูกใบพัดเรือด้านซ้ายจนเกิดบาดแผลยาวที่ต้นขาขวาได้หรือไม่ และไม่ทำให้ชุดโค้ตที่แตงโมสวมใส่มีรอยฉีดขาดได้หรือไม่ และหลังจำลองเหตุการณ์ จะเปิดแถลงข่าว และเปิดเวทีเสวนาสรุปบทเรียนจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อสรุปจากเหตุการณ์ที่โรงแรมริเวอร์ ไรน์ เป็นลำดับต่อไป นายปานเทพและนายอัจฉริยะบอกด้วยว่า การจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด ถึงจะไม่ใช่กลางคืนก็ตาม เพราะเป็นการพิสูจน์วิธีปัสสาวะขณะเรือวิ่ง การปัสสาวะ และการตกเรือจนใบพัดเรือทำให้เกิดแผลที่ต้นขาขวาได้หรือไม่ ไม่ได้ทำเพื่อความสะใจหรือตามคำท้าทาย แต่เพื่อความสมบูรณ์ทางคดี เพราะมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มาสังเกตการณ์ และบินโดรน เพื่อจัดทำรายงานส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นหลักฐานใหม่พิจารณาคดีนี้ ทั้งสองคนยังบอกด้วยว่าเรื่องนี้ถูกทั้งคนขอร้อง และข่มขู่ให้ยุติการเดินหน้าเรื่องนี้ เช่นนายตำรวจใหญ่ รวมถึงมีคนขู่ฟ้องกรมเจ้าท่าไม่ให้จัดทำการจำลองเหตุการณ์ หรือฟ้องว่ากำลังละเมิดอำนาจศาลอีกด้วย. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #คดีแตงโม #แตงโม #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยกับ The Publisher ถึงการนัดรวมพลที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในวันที่ 11 ม.ค.68 นี้ว่า จะมีกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน โดยประเด็นโฟกัสอยู่ที่การติดตามปมชั้น 14 คุกทิพย์ กระตุ้นไปที่แพทยสภา ซึ่งกำหนดให้โรงพยาบาลตำรวจต้องส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษา ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 181 วัน ภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยเชื่อว่าบทสรุปจากแพทยสภาจะออกมาก่อนผลสรุปของ ป.ป.ช. “ผมคิดว่าเอกสารทางการแพทย์ที่แพทยสภาขอไป รพ.ตำรวจสามารถให้ได้ เพราะต้องตรวจสอบจริยธรรม เชื่อว่าไม่น่าจะมีการใช้แพทยสภาเป็นที่ฟอกขาวให้กับขบวนการช่วยเหลือนายทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้มีการระบุแล้วว่า มีมูลตามคำร้องเรื่องจริยธรรมของแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคำวินิจฉัยของแพทยสภาออกมาจะมีผลต่อเนื่องไปถึง ป.ป.ช.ด้วย และจะเป็นทางออกให้กระบวนการยุติธรรมไทยอยู่ได้ แพทยสภาไม่ใช่แค่รักษาจรรยาบรรณแพทย์แล้วตอนนี้ แต่ต้องช่วยรักษากระบวนการยุติธรรมไทยด้วย ต้องฉีดความจริงเข้าไปให้ได้” แกนนำ คปท. บอกด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ห่วงใยบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการกำหนดในเชิงยุทธศาสตร์ถึงประเด็นขับเคลื่อนที่ชัดเจน แต่จะยังไม่มีการตั้งองค์กรใหม่ เป็นการรวมตัวกันแบบหลวม ๆ แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชั้น 14 คัดค้านเอ็มโอยู 44 ให้ต่างประเทศเช่าที่ดินได้ 99 ปี และ กาสิโน ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค.68 นี้ จะมีการรวมตัวเดินทางไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เกี่ยวกับข้อห่วงใยในทุกเรื่อง รวมถึงการทวงถามความรับผิดชอบกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกฯและรมว.คลัง ที่มีการเสนอชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกทั้งที่มีการทักท้วงว่า นายกิตติรัตน์มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งสุดท้ายกฤษฎีกาก็ชี้ว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามจริง เรื่องเหล่านี้ควรต้องมีคนรับผิดชอบด้วย “การขับเคลื่อนของภาคประชาชนจะเดินหน้าต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ผมไม่อยากให้มีการปรามาสพลังของประชาชนในทำนองว่าจะจุดไม่ติด จำนวนไม่เยอะ เพราะบริบทของการเคลื่อนไหว การมีส่วนร่วมของประชาชนในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตไม่ได้วัดกันที่จำนวน แต่วัดที่ประเด็นและความจริงที่ขับเคลื่อนจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญคืออย่าดูถูกมวลชน หากมีประเด็นที่ทำให้เกิดความอึดอัดจนทนไม่ได้ สุดท้ายการลงถนนไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น” ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกฯ ระบุจะส่งเชือกให้กับกลุ่มคนที่เห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์เขากับลูกสาวนั้น นายพิชิต กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง มีแค่ตำแหน่งเดียวคือ สทร.หรือเสือกทุกเรื่อง แต่แสดงพฤติกรรมชัดมีอำนาจเหนือรัฐบาล…

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ข้อมูลกับ The Publisher ถึงตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีศูนย์บัญชาการอยู่ในประเทษเพื่อนบ้าน ปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดมีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่รัฐของไทยเข้าไปอำนวยความสะดวก มีขบวนการทุจริตปล่อยบัญชีม้าข้ามแดนไปยังปอยเปต ซึ่งจากข้อมูลของสายลับที่ส่งลงพื้นที่พบว่า มีการใช้เส้นทางธรรมชาติเก็บค่าหัวคิวนำขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ทำบัญชีม้า เปิดซิมการ์ด เปิดธนาคาร บัญชีนิติบุคคล รวมถึงแสกนหน้าที่อาคาร 18 ชั้น และ 25 ชั้น จึงต้องการให้คณะกรรมมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาฯ ตรวจสอบ โดยได้ยื่นหนังสือถึงนายรังสิมันต์ โรม ปธ.กมธ.ฯ ไปแล้วเมื่อวานนี้ (9 ม.ค.68) “หากไม่มีการทุจริตบริเวณชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็คงไม่ระบาดหนักเท่านี้ เราเสนอให้มีการแก้ปัญหาจุดช่องทางธรรมชาติเหล่านี้ แม้จะเป็นที่เอกชนแต่เป็นเขตพื้นที่ทหารพรานติดกล้องวงจรปิดได้หรือไม่ เพราะจะสามารถตรวจสอบได้ว่าใครออกทางช่องทางธรรมชาติบ้าง ต้องสกัดไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บัญชีม้าได้ ถ้าไม่มีบัญชีท้าการหลอกลวงคนจะลดลงไปเองโดยธรรมชาติ ส่วนอีกจุดคือช่องจอมจังหวัดสุรินทร์ ก็มีการกินหัวคิวผ่านช่องทางธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน เป็นจุดที่เราสำรวจมาแล้วจึงให้ กมธ.ตรวจสอบ ที่ไม่ยื่นให้ตำรวจหรือรัฐบาลเพราะคิดว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะอาจไม่สนใจข้อมูลของเรา จึงหวัดงว่ากมธ.ฯ จะตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง” นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในแต่ละวันมีการใช้ช่องทางธรรมชาติผ่านไปยังปอยเปตวันละเป็นพันคน หากเก็บหัวละสามพันไปกลับก็จะเท่ากับ 3 ล้านบาทต่อวัน 90 ล้านต่อเดือน และมากกว่าพันล้านต่อปี เป็นเม็ดเงินที่มหาศาลมาก โดยพื้นที่บริเวณปอยเปตทั้งอาคาร 18 ชั้นและ 25 ชั้น เป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ที่มีคนต่างชาติคอยบัญชาการ ส่วนบัญชีท้ามีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ส่วนใหญ่ไปโดยสมัครใจไม่ใช่ถูกหลอกไปทำงานอย่างที่มีการกล่าวอ้าง แต่รู้อยู่แล้วว่าเขาให้ไปทำอะไร “กรณีหนุ่มเมืองกาญจน์ที่ตกตึกตายเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าเป็นความพยายามหลบหนีไม่ใช่ศพแรกและไม่ใช่ศพสุดท้าย มีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่ปกปิดข่าว เพียงแต่ตอนนี้มันปิดยาก เพราะโซเชียลมีเดียไปไว ลักษณะตึกที่นั่นจะติดเหล็กดัดหมด ถ้าจะหนีก็ต้องโดดตึกอย่างเดียว เนื่องจากจะถูกควบคุมพื้นที่กินนอนอยู่ในนั้น มีเป้าต้องหลอกให้ได้วันละกี่ราย จึงจะได้เปอร์เซ็นต์และเงินเดือน แต่พอถูกจับหรืออายัดบัญชีก็จะส่งกลับเพราะหมดประโยชน์แล้ว” นอกจากนี้ยังขอให้กมธ.ฯ ตรวจสอบคดีปี 2565 ที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ยศในขณะนั้น) และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้มีการจับกุมกระบวนการคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงินของกลุ่มชาวจีน โดยได้มีการยึดอายัดทรัพย์ โดยตำรวจไซเบอร์จำนวน 700 ล้านบาท ทั้งสองกรณีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับผับแห่งหนึ่ง และทราบภายหลังว่า เป็นชาวจีนที่สวมบัตรประชาชนไทย แต่กลับมีการปล่อยตัวไปโดยไม่มีความผิด รวมทั้งทรัพย์สินเงินสดมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท และรถของกลางทั้งหมดก็ได้คืน…