- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรกเดือดพล่าน! นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดฉากซักฟอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมวิกฤตปลาหมอคางดำระบาดหนัก แต่กลับถูก “รัฐบาล” เลี่ยงตอบกระทู้ ส่ง “รมช.” มาชี้แจงแทน นายณัฐชา กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ว่า ปัญหาปลาหมอคางดำลุกลามหนัก สวนทางกับข้อมูลของรัฐบาล แม้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแต่ไร้ความคืบหน้า ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก แต่ นายกฯ กลับอ้าง “วันแรกของการทำงานไม่เหมาะสม” ที่จะมาตอบกระทู้ “ผมต้องถามว่าเป็นคนประเภทไหนกัน ที่ต้องบอกว่าวันทำงานวันแรกนั้นไม่เหมาะสมกับการทำงาน… นี่คือภารกิจหน้าที่หรือไม่ แล้วอย่าบอกนะว่าเตรียมการล่วงหน้า…แบบนี้จะบริหารต่อไปได้อย่างไร” นายณัฐชา กล่าว ด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วง นายณัฐชา ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ก่อนที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ จะตัดบท เพื่อลดความตึงเครียด นายณัฐชา ยังคงอภิปรายต่อ ว่า ประชาชนเดือดร้อน รวมตัวฟ้องศาล ต้องเรี่ยไรเงินวางศาลเอง เหมือนประเทศนี้ไม่มีรัฐบาล “มันเจ็บช้ำตรงนี้ มันไม่เหมาะสมอย่างไร ในเมื่อมันเป็นวันทำงานวันแรก” นายณัฐชา กล่าว พร้อมกับถามประธานในที่ประชุมว่าจะกลับไปตอบประชาชนอย่างไร นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงแทนรัฐบาล ว่า นายกฯ ติดภารกิจแถลงผลงานครบรอบ 90 วัน ซึ่งนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกโต้ ว่า กำหนดการประชุมสภาฯ กำหนดไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค. แต่รัฐบาลกลับจงใจจัดแถลงผลงานวันเดียวกัน เป็นการหนีกระทู้หรือไม่ “แม้แต่คำพูดตัวเองยังไม่กล้ามาตอบ ให้รัฐมนตรีช่วยมาตอบแทนจงใจหนีหรือไม่” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว พร้อมจองคิว นายกฯ มาตอบกระทู้ในสัปดาห์หน้า ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
ใกล้ช่วงปีใหม่ทีไร นอกจากผู้คนต่างก็ตั้งตารอคอยการได้เดินทางกลับเกิดแล้ว “โบนัส” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้แรงงานต่างก็คาดหวังกันอย่างใจจดใจจ่อ ล่าสุด เพจ ‘ที่นี่อมตะนครชลบุรี’ โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพยอดรวมโบนัสของโรงงาน “สยามเด็นโซ่” หรือ บริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทผู้ผลิตระบบคอมมอนเรล ที่เป็นอุปกรณ์หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง และผลิตหัวฉีดแก๊สโซลีน ที่จัดให้พนักงานจุก ๆ ส่งท้ายปีใหม่ 7.6 เดือน บวกเงินพิเศษเพิ่มอีก 29,000 บาท เท่านั้นยังไม่พอ ขึ้นเงินเดือนให้อีก 5.02 เปอร์เซ็นต์ เป็นการจัดหนักจัดเต็มเพื่อพนักงานได้อย่างสาสมกับความตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งปี ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
การแถลงผลงานครบรอบสามเดือน ควบคู่ไปกับการประกาศนโยบาย “กินได้” เป็นวิสัยทัศน์บริหารประเทศในปี 2568 ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” เรียกว่าไร้เรื่องเซอร์ไพรส์ โดยเฉพาะตัวนโยบายที่จะทำในปีหน้า ภาษาวัยรุ่นอาจบอกว่า “เบ ๆ ” ไม่สมราคาคุยที่ฉายภาพไว้ใหญ่ชวนให้คนติดตาม สาระสำคัญไม่มีอะไรมากเน้นย้ำการสานต่อนโยบายจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศอย่างมั่นคง เธอบอกว่า 90 วันที่ผ่านมา รัฐบาลมุ่งปรับตัว ปรับการทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชน พร้อมย้ำว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสที่จับต้องได้ สร้างผลงานเป็นรูปธรรม และ “ทำให้นโยบายกินได้” สำหรับปัญหาเร่งด่วน นายกฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งรัฐบาลได้เร่งเยียวยา และมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ โดย◾ เปลี่ยนวิธีคิดทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน◾ บริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม และมีน้ำใช้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง◾ เจรจาต่างประเทศ เน้นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน◾ แก้กฎหมาย เปิดทางให้ประชาชนขุดลอกคูคลอง ขายดิน สร้างอาชีพ สร้างรายได้◾ โครงการฟลัดเวย์: มอบหมาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ศึกษาความเป็นไปได้◾ นำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน : มูลค่าสูง 49 % ของ GDP กลายเป็นช่องทางของมาเฟีย-คอร์รัปชัน เพราะรัฐมองไม่เห็น ถ้านำมาไว้บนดินใช้กฎหมายควบคุม มอบ 2 รองนายกฯ อนุทินและประเสริฐ ดูแล◾ มอบ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ-รมว.พลังงาน ดูโครงสร้างค่าไฟและพลังงานลดภาระประชาชน◾ มุ่งแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสตรงถึงนายกฯ◾ เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 สานนโยบายเดิมรัฐบาลเศรษฐา ไม่รรับซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาจากการเผาพื้นที่การเกษตร◾ ปลดล็อกการผูกขาดให้ประชาชนส่งออกข้าวได้ ไม่ต้องหาที่เก็บข้าวขนาด 500 ตัน◾ เปิดพื้นที่ธุรกิจสุราพื้นบ้าน มอบ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ-รมว.คลัง ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจชุมชนดำเนินการ◾ เดินหน้าโครงการ 1 อำเภอ 1…
พรุ่งนี้ 12 ธันวาคม 2567 วันที่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จะแถลงผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ คุณหนูจะผ่านโปรหรือไม่? วันนี้เราคุยกับ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ นิด้า จะว่าอย่างไร… ไปดูว่า นายกฯ คุณหนู สอบผ่านหรือไม่ The Publisher: วิเคราะห์สามเดือนของคุณแพทองธารมีอะไรให้แถลงเป็นผลงานบ้าง? รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต: สามเดือนถ้าให้คาดการณ์สิ่งที่นายกแพทองธารยกแถลงขึ้นมาเป็นผลงาน ชิ้นแรกแล้วคิดว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ก็น่าจะเป็นแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนรวมทั้งแผนที่จะแจกต่อไปในอนาคตด้วยนอกจากนั้นเรื่องอื่นที่เค้าอาจจะหยิบยกมาก็ อย่างเช่น เรื่องที่เขาแก้กฎหมายแก้ระเบียบให้ แจกเงินกับผู้ประสบภัย อันนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาอุทกภัยภาคเหนือ ถ้าเป็นกฎหมายผมคิดว่าที่เขาจะหยิบยกขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องสมรสเท่าเทียมจะหยิบยกมาเป็นประเด็นได้เหมือนกัน รวมทั้งซอฟพาวเวอร์ที่มีการผลักดันงบประมาณไปร่วม 5 พันล้าน เรื่องแจกเงิน 10,000 บาท เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากเงินดิจิตอลที่ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงที่แจกกลุ่มเป้าหมายไป 14.5 ล้าน ซึ่งเป็นการแจกเงินที่ต่ำกว่าเป้าหมายจากตอนแรก 40-50,000,000 ดูเหมือนว่าจะแจกพร้อมกันครั้งเดียวไปเลย คราวนี้แจกทีละส่วน ตอนนี้ทำไปแค่ 1 ใน 3 ของกลุ่มเป้าหมาย เพราะงั้นเรียกได้ว่ายังไม่บรรลุเป้า งานนี้ไม่ได้เป็นงานที่เพิ่งเกิดขึ้น 3 เดือนในรัฐบาลแพทองธาร ต้องนับตั้งแต่รัฐบาลคุณเศรษฐา เกือบ 2 ปี แจกได้ประมาณ 1 ใน 3 แต่ว่าห่างเป้าไปค่อนข้างจะเยอะทีเดียว ถ้าเป็นคะแนนในเรื่องของประสิทธิภาพก็ถือว่าประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ ถ้าให้คะแนนแบบตัดเกรดก็ได้ 3 เต็ม 10 เพราะว่าทำได้ประมาณ 1 ใน 3 ในเรื่องอื่น ๆ ซอฟพาวเวอร์ก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่น ถ้าเห็นก็เห็นแต่เรื่องของหมูเด้ง แต่ว่าเรื่องหมูเด้งก็ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลมันก็เป็นเรื่องความน่ารักของสัตว์แล้วก็ฝีมือของคนเลี้ยงในการส่งเสริมให้เกิดกิจการการท่องเที่ยวคึกคักขึ้นมาโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเรื่องของประเภทการท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้างขึ้น ก็คือสวนสัตว์ เรียกได้ว่าเป็นการดึงดูดคนเข้ามาให้คนรู้จักประเทศไทย แล้วก็เข้ามาประเทศไทย แต่ว่าอันนั้นก็ไม่ได้อยู่ในแผนต่าง ๆ ของรัฐบาลถ้าเกิดเค้ามีแผน อันนี้แนะนำไปเผื่อจะไปทำเพิ่ม เช่น การฝึกทักษะของคนเลี้ยง ความเชี่ยวชาญ มุ่งแสวงหาหยิบเอาความน่ารักของสัตว์มาขาย ดังนั้น ก็อาจจะเป็นแนวที่เค้าทำต่อไปได้ถ้าเขาเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดขายในอนาคต…
ย้อนไปเมื่อ 24 ก.พ. 2565 ที่ แตงโม นิดา นักแสดงสาวชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งในเรือมีผู้โดยสารลงลำเดียวกันรวมถึงผู้จัดการของ แตงโม นิดา ด้วย สร้างข้อสงสัยเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ว่าแท้จริงแล้ว แตงโม ตกน้ำได้อย่างไร? เหล่าแฟนๆ ครอบครัว และคนสนิทของเธอต่างก็ภาวนาขอให้มีปราฏิหาร ขอให้พบเธอโดยที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ปราฏิหารก็ไม่เกิดขึ้น… เมื่อ 26 เม.ย. ก็ได้มีการแถลงสรุปปิดคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ว่าเป็นการเสียชีวิตจากการ “ขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ” และร่องรอยบาดแผลตามลำตัวกว่า 26 แผล นั้น คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือซึ่งเกิดก่อนการเสียชีวิตทั้งหมด หลังจากนั้นก็มีการสู้คดีกันเรื่อยมาระหว่าง คุณแม่ ของแตงโม นิดา และคนที่อยู่บนเรือเรื่อยมา เหตุผลที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล รื้อคดีนี้ขึ้นมาพูดในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” นั้น เพราะรู้จักกับพ่อของแตงโม ภัทรธิดา มานาน และเห็นแตงโมมาตั้งแต่เล็ก รักเหมือนหลานคนหนึ่ง และเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้วยังได้ตั้งข้อสังเกตคดีนี้ว่ามีสิ่งผิดปกติมากมาย แต่เหมือนพยายามเร่งรีบปิดคดี และจ่ายเงินเยียวยาเพื่อใหจบลงที่ตกน้ำเสียชีวิต กระทั่งล่าสุดมีนายแพทย์ท่านหนึ่งงัดหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเงื่อนงำการเสียชีวิต นายสนธิตั้งข้อสังเกตตั้งแต่คดีนี้มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นลงมาคุมคดีด้วยตนเอง และมีความพยายามทำคดีไปในทิศทางให้เป็นเหตุไปปัสสาวะ และตกน้ำเสียชีวิต จากนั้นแม่แตงโมก็ออกมาเรียกค่าเสียหาย และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยินดีจ่ายสุดท้ายตำรวจก็ปิดคดีจบที่แตงโมตกน้ำ ในรายการ นายสนธิยังพูดถึงหลักฐานที่แพทย์คนหนึ่งนำมาเปิดเผยคือ ในคืนเกิดเหตุจากการตรวจสอบจีพีเอสเรือที่แตงโมนั่งนั้น มีเรืออีกลำ และสกู๊ตเตอร์ 4 ลำประกบและนำทางเขาจึงตั้งข้อสังเกตว่าจะพาแตงโมไปพบนุคคลสำคัญจึงมีเรือและสกู๊ตเตอร์นำไปและเมื่อแตงโมปฏิเสธจึงถูกฆาตกรรมและอำพรางคดี โดยชี้บาดแผลต้นขาแตงโม แพทย์คนนั้นยืนยันเป็นรอยถูกมีดแทงและดึงออกมา ไม่ใช่ใบพัดเรืออีกด้วย นายสนธิบอกด้วยว่าที่เชื่อข้อมูลว่าเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง เพราะตนเองมีสัญชาติญาณพิเศษ และรู้ว่าดวงวิญญาณแตงโมไม่ได้ไปไหน ยังวนเวียนด้วยความแค้นคนกลุ่มหนึ่งที่ทำร้ายเธอ ซึ่งเชื่อว่าวันหนึ่งความจริงจะปรากฎ และสัญชาติญาณไม่เคยผิด เมื่อวานนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ภาพ-ข้อความเรื่อง คืนความเป็นธรรมให้แตงโม โดยนำพันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ ให้ความรู้และชี้แจงหลักฐานที่ทำให้เห็นว่า แตงโมไม่ได้เสียชีวิตจากการไปปัสสาวะแล้วตกน้ำที่ท้ายเรือ และบรรยายว่า… 1. บาดแผลบนต้นขาขวาเกิดขึ้น “บนบก”ไม่ใช่ในน้ำ 2. ลักษณะบาดแผลเหมือนเป็นรอยมีด ไม่ใช่ใบพัดเรือ 3.…
รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ นักวิชาการชื่อดังและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ ได้โพสต์ Facebook “ยืน ภู่วรวรรณ” เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ(8/12/2567) มีข้อความดังต่อไปนี้ เอเลี่ยนคางดำ บุกสวนที่สวนมีแหล่งน้ำเป็นสระ และคูคลอง สามแห่ง ที่ไม่เชื่อมต่อถึงกัน หาปลามาปล่อย หลากหลายสายพันธุ์ ปลานิล ตะเพียน ปลาสลิด แรด นวลจันทร์ ยี่สกเทศ สวาย ผ่านมาหลายปี ไม่เคยจับ ให้เค้าอยู่ออกลูกหลานต่อไป ส่วนใหญ่ที่ซื้อมาปล่อยเป็นปลากินพืช รวมที่ปล่อยเมื่อเริ่มหลายปีแล้ว กว่าหมื่นตัว แต่ละแหล่งน้ำ มีชนิดปลาไม่เหมือนกัน คราวนี้อยากย้ายปลาบางชนิดมาเพื่อให้กระจายพันธุ์ต่อไปในสามแหล่งน้ำที่มี เลยให้คนมาทอดแห เพื่อจับปล่อยเพื่อเกลี่ยให้มีทุกสายพันธุ์ที่ปล่อยน่าประหลาดใจ พบเอเลี่ยน ปลาหมอคางดำในสระหนึ่ง สองตัว จากประชากรปลาที่จับขึ้นมาเกือบพันตัว ในภาพเปรียบเทียบกับปลานิล เอเลี่ยนมาได้ไง น่าประหลาดใจมาก สิ่งที่สังเกตคือสระที่พบ อยู่ไม่ห่างจากคลองชลประทาน แต่ก็ไม่ได้ใช้น้ำจากคลองชลประทาน น่าจะมีบางโอกาสที่ฝนตกหนัก น้ำอาจมีการไหลถึงกันโดยที่เราไม่รู้ เอเลี่ยนคางดำน่าจะบุกมาช่วงนั้น แสดงว่า เอเลี่ยนบุกไปได้ จึงยากที่จะกำจัด เพราะถ้าไม่ทอดแหจับดู ก็จะไม่รู้ว่ามีเอเลี่ยน เชื่อว่ากระจายไปทั่ว นครปฐม คงหนีไม่พ้น สำหรับที่สวน ไม่รู้จะทำอย่างไร เป็นพื้นที่ปิด ก็คงต้องปล่อยตามธรรมชาติ เพราะเลี้ยงปลาให้อยู่แบบธรรมชาติอยู่แล้ว
หลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาระบุว่า การเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่จุดยืนของพรรคเพื่อไทยแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของ สส. The Publisher ได้สอบถามไปยังนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำทีม เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ เขายอมรับว่าเป็นจุดยืนส่วนตัวจริง แต่จะได้นำร่างกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เพื่อให้พรรคมีมติ โดยพร้อมที่จะยุติ หากมติพรรคไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว “ผมไม่ได้พร้อมถอย เพราะมีจุดยืนอุดมการณ์ อยากผลักดันให้มีกฎหมายมารองรับการสกัดการรัฐประหาร แม้จะมีเสียงคัดค้านว่าในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริง แต่อยากให้ดูเกาหลีใต้ เมื่อมีกฎหมายรองรับว่าสภาสามารถยับยั้งกฎอัยการศึกได้ ก็เกิดปรากฏการณ์คว่ำกฎอัยการศึกจากสภา นี่คือข้อดีของการมีกฎหมายที่ชัดเจน แต่ถ้ามติไปไม่ได้ ผมจะทำแบบโดดเดี่ยวโดยไม่ฟังก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน”
ดร. วันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความเรื่อง “กระบอกเสียงหรือกระบอกเสีย รัฐบาล” ผ่านเพจ Facebook ทนายวันชัย สอนศิริ แสดงความเห็น พร้อมตั้งคำถาม ทำไมฝ่ายรัฐบาลไม่ออกมาชี้แจงกรณี เอ็มโอยู 44 ถูกฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาโจมตี ทั้ง ๆ ที่ ปล่อยรัฐบาลมีความพร้อมทุกด้าน ดังนี้ กระบอกเสียงหรือกระบอกเสีย “รัฐบาล”คำหนึ่งก็ขายชาติ คำหนึ่งก็เสียดินแดน คำหนึ่งก็ขัดพระบรมราชโองการ คำหนึ่งก็ทักษิณกับฮุนเซนแบ่งผลประโยชน์กัน คนที่เกลียดทักษิณก็พลอยเฮโลกันไปใหญ่ คนที่ไม่รู้เรื่องก็อะไรกันวะ… แต่จะประมาทเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะสมัยรัฐบาลทักษิณก็เคยโดนเรื่องที่คิดว่าไม่เป็นเรื่องมาแล้ว ถึงขนาดชุมนุมประท้วงขับไล่ปฏิวัติรัฐประหาร ก็เพราะคิดว่าไม่มีอะไรนี่แหละ มันบานปลายจนมีอะไร ขบวนการที่ไม่เอาทักษิณ เขาเริ่มก่อตัวปล่อยข่าวว่าขายชาติ เสียดินแดน แบ่งผลประโยชน์กัน มันเรื่องใหญ่นะ แต่ฝ่ายรัฐบาลที่มีบุคคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด กลับไม่ค่อยมีข่าวหรือให้ข้อมูลในเรื่องนี้มากนัก เหมือนจะเงียบกริบไปเสียด้วย ในขณะที่ข้อมูลอีกฝ่ายหนึ่งแรงกว่าและก็ดังกว่า ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลพร้อมทุกๆด้าน กลับดูเหมือนจะสู้เขาไม่ได้ และคนที่จะออกมาพูดแล้วทำให้รู้เรื่องเข้าใจและน่าเชื่อถือยังไม่มีเลย เป็นเพราะอะไรไม่รู้ คนจากทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศที่น่าจะให้ข้อมูลได้ดี ชี้แจงแถลงก่อให้เกิดความเข้าใจได้ กลับหายหัวไปไหนกันหมด ปล่อยให้นายกอึก ๆ อัก ๆ เก้ ๆ กัง ๆ อยู่ได้…ผมแปลกใจมาก หรือจะรอให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย…ที่รัฐบาลทักษิณเคยได้รับบทเรียนสาหัสสากรรจ์มาแล้วนั้น ยังไม่พออีกหรือ….
นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นำนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ รวมถึงอดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 และมวลชนไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อให้ยกเลิก MOU 44 เพราะเห็นว่าจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดน และส่อขายชาติ หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไปจับมือ สมเด็จฮุนเซน จัดทำ MOU44 ขึ้นมา เชื่อว่าเป็นการร่วมมือฉ้อฉล พร้อมเสนอรัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ ทั้งฝ่ายสนับสนุน และต่อต้าน ถกประเด็นนี้ให้ประชาชนร่วมตัดสินว่าใครถูกใครผิด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป โดยนายสนธิบอกจะให้เวลารัฐบาลพิจารณาข้อเรียกร้อง 15 วัน หลังจากนั้นจะพิจารณาคำตอบ ซึ่งจะถือว่าเป็นการทวงถามครั้งที่ 1 จากนั้นจะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยครั้งที่ 2 จะไปทวงถามที่รัฐบาล และยื่นที่อาคารรัฐสภาด้วย ดังนั้น การเคลื่อนไหวจะดำเนินการตามขั้นตอน จนกว่าจะทวงถามครั้งที่ 3 ไม่เช่นนั้นจะลงถนนต่อไป ไม่ใช่จู่ ๆ ลุกขึ้นมาลงถนน ทั้งนี้นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมือหนังสือดังกล่าว บอกจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปหารือกับนายกรัฐมนตรีบ่ายวันนี้ โดยเฉพาะกรณีให้เปิดเวทีสาธารณะ เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมในขณะนี้.ขอบคุณภาพ : FB คุยทุกเรื่องกับสนธิ ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้หยุดดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2544 และแถลงการณ์ร่วม (JC) ปี 2544 เรื่องเขตแดนทางทะเลไทย-กัมพูชา ชี้เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย ฝ่าฝืนพระบรมราชโองการ และขัดรัฐธรรมนูญ สรุปประเด็นดังนี้ 7 ข้อเท็จจริง ยัน MOU 2544 เอื้อกัมพูชา เกาะกูดเป็นของไทย: ตามหนังสือสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ปี 1907 ไทยประกาศเขตแดนทางทะเล 12 ไมล์ทะเล: ตามพระบรมราชโองการ ปี 2509 ยึดถืออนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ปี 1958: ยืนยันอำนาจอธิปไตย “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต” ของไทย รวมถึงกำหนด “เขตต่อเนื่อง” อีก 12 ไมล์ทะเล และหลัก “เส้นมัธยะ” ในการแบ่งเขตแดนทางทะเล ไทยประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย: ตามพระบรมราชโองการ ปี 2516 ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แบ่งเขตกับกัมพูชาอย่างชัดเจน MOU 2544 ละเมิดอำนาจอธิปไตย: โดยรับรู้เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่อ้างสิทธิเกินจริง ไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” เอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา MOU 2544 มีสถานะเป็นสนธิสัญญา: อาจทำให้ไทยเสียเปรียบซ้ำรอย “หลักกฎหมายปิดปาก” คดีปราสาทพระวิหาร ไทยเสียประโยชน์จาก MOU 2544: เสียสิทธิอธิปไตยและทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย 6 ข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรี รักษาเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตทางทะเลของไทย เสนอเรื่องต่อ ครม. ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ…