Browsing: News

เป็นแถลงการณ์ที่ออกในนาม 227 นักวิชาการ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม แสดงความห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมืองเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว มีเนื้อหาแสดงความห่วงใยต่อการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในวันสที่ ภาพ 4 พ.ย.นี้ ซึ่งมีข่าวว่าฝ่ายการเมืองเสนอคนใกล้ชิดไปดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากการดำเนินนโยบาย การเงินของประเทศถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมืองเน้นประโยชน์ระยะสั้นเพื่อผลงานที่รวดเร็ว เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ไม่ยืนยาวนัก แต่การเน้นผลระยะสั้นจะเกิดผลเสียหายรุนแรงต่อเสถียรภาพและการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ”การรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจเป็นนภารกิจหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งตามหลักสากลธนาคารกลางควรมีอิสระในการดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศ อันนําไปสู่ความมั่นคงที่ยั่งยืนในระยะยาว” ทั้งนี้ บทบาทของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยครอบคลุมภารกิจสำคัญหลายด้าน ได้แก่การกำกับดูแลการบริหารงานภายในองค์กร การบริหารจัดการทุนสํารองระหว่างประเทศ และการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการนโยบายที่สำคัญ เช่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย อันเป็นเครื่องมือสำคัญของการดำเนินนโยบายการเงิน หรือคณะกรรมการนโยบายสถาบัน การเงิน (กนส.) ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินของประเทศ ที่มีความสำคัญตต่อเศรษฐกิจและต่อการกำกับดูแลที่โปร่งใสและปราศจากผลประโยชน์ทางการเมือง หากประธานกรรมการหรือคณะกรรมการใช้อำนาจที่มีตอบสนองผลประโยชน์ระยะสั้นของฝาย่การเมือง จะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และอาจเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขหรือย้อนกลับได้นอกจากนี้ หากการครอบงำครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ก็มีแนวโน้นมว่าฝ่ายการเมืองจะใช้วิธีเดียวกันในการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงกลางถึงปลายปีหน้าโดยส่งบุคคลที่มีความสนิทชิดใกล้ทางการเมืองเข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง “กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมขอเรียกร้องให้คณะกรรมการคัดเลือกที่กําลังจะทำการพิจารณาในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ปฏิบัติหน้าที่ดวด้ความสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล โดยไม่ยอมรับแรงกดดันจากการเมือง เพื่อรักษาสถาบันที่สำคัญอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยที่สังคมไทยในอดีตได้ร่วมกันพัฒนาและปกป้องมาอย่างดี พร้อมกันนี้เราขอเชิญชวนภาคส่วนอื่นในสังคมร่วมแสดงจุดยืนโดยการร่วมลงนามในด้านล่างของแถลงการณ์นี้เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระของธนาคารแห่ประเทศไทยให้หลุดพ้นจากผลประโยชน์ระยะสั้นทางการเมืองและสามารถรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รวมทั้งธํารงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในสายตาของนานาอารยะประเทศ

Read More

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ออกแคมเปญรับวันฮาโลวีน โดยระบุ ตุลาหลอน ต้อนรับวันฮาโลวีน เหล่ามิจฉาชีพมักฉวยโอกาสสร้างหลุมพรางหลอกเหยื่อด้วยเลห์เลี่ยมกลอุบายมากมาย แบ่งเป็น 4 ผีคือ ◾️ เพจผีหลอกขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นชุดเสื้อผ้า ของตกแต่ง หรือ Accessory ต่างๆ ขายราคาถูกในสื่อออนไลน์ มิจฉาชีพยิ่งโผล่มาหลอกให้หลงเชื่อโอนเงิน สุดท้ายหนีหายติดต่อไม่ได้และไม่ได้รับของ ◾️ ผีมิสคอล (คอลเซ็นเตอร์) ชุมสายเสียงหลอนโทรมาบอกแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐและเอกชน ว่าได้รับสิทธิพิเศษได้รับรางวัลแบบผีๆ หรืออ้างว่าส่วนในการกระทำความผิด และโอนเงินไปให้ตรวจสอบ ◾️ ผีดูดข้อมูล มิจฉาชีพจะส่งข้อความหรืออีเมล พร้อมแนบลิงก์ บอกว่าได้รับรางวัล ได้รับของขวัญ หลอกให้กดลิงก์ดูดข้อมูลไปใช้ ◾️ ผีหลอกให้รัก มิจฉาชีพจะเข้ามาติดต่อพูดคุยใช้วาจาหวาน จนคล้อยใจ สุดท้ายหลอกมานัดเจอเพื่อจะไปปาร์ตี้ หรือออกเดท เสี่ยงต่อการถูกกักขังทำร้ายร่างกาย ทำมิดีมิร้าย และอาจถูกถ่ายคลิปแบล็คเมล โดยตำรวจสอบสวนกลาง เตือนภัยประชาชน ในช่วงฮาโลวีน วันปล่อยผีมิจฉาชีพชุม ที่จะมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ต้องมีพระเครื่องหรือยันต์กันผีใด ๆ ขอแค่มีสติ ไม่เชื่อ ไม่โอน เพียงแค่นี้ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

Read More

เป็นหนังสือด่วนที่สุดจากกระทรวงมหาดไทยถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้ตรวจสอบข้อเท็จริง และให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด กรณีนายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จำเลยในคดีตากใบ และต้องนำตัวส่งฟ้องศาลภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ก่อนคดีจะขาดอายุความ ปรากฏว่านายวิษณุยื่นใบลาพักผ่อนระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม 2567 แต่ผู้บังคับบัญชาได้ยกเลิกใบลา เนื่องจากมีหมายจับ และไม่สามารถติดต่อนายวิษณุได้เป็นเวลามากกว่า 10 วัน กระทั่งคดีสิ้นสุดอายุความ จากนั้นวันรุ่งขึ้นนายวิษณุเข้ามารายงานตัวกับทางอำเภอท่าอุเทน และมาปฏิบัติราชการ ทั้งนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นว่า จังหวัดนครพนมรับทราบว่านายวิษณุ ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาเมื่อใด เจ้าพนักงานตำรวจ ได้แจ้งให้ทราบว่ามีหมายจับ และประสานขอให้ส่งตังตัวเพื่อดำเนินการหรือไม่ และได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง เสร็จแล้วแจ้งผลพร้อมสรุปความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อประกอบการพิจารณาภายใน 15 วัน

Read More

เป็นข้อความและหลักฐานที่นายคำนูน สิทธิสมาน อดีต สว.ได้ค้นคว้าและโพสต์ไว้ในเพจเฟซบุ๊ก รวมถึงฝากให้ The Publisher ร่วมบันทึกไว้ชื่อ “เกาะกูดเป็นของไทยทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” โดยไล่เรียงเริ่มจากระบุเกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1907 และไม่ใช่เพียงตัวเกาะ แต่รวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขต,เขตต่อเนื่อง,เขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือไหล่ทวีปด้วย ดังนั้น เมื่อกัมพูชาประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปเมื่อปี ค.ศ.1972 โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทยทั้ง 3 แบบ ที่ล่าสุดเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านใต้เป็นรูปตัว U ตามที่แนบท้าย MOU 2544 ล้วนมีค่าเสมอกันคือ ผิดทั้งหมด เพราะจงใจละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพเหนือดินแดนประเทศไทย นายคำนูนบอกว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเปลือยให้เห็นเจตนาของรัฐบาลเพื่อนบ้านเมื่อ 52 ปีก่อน ที่หวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลียมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ เพราะถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีป ที่ผ่ากลางเกาะกูดจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา “ฮุบ” ได้ ขณะที่ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาตลอด ทั้งการประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย พ.ศ.2518 ตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูด ส่งกำลังทหารประจำการและลาดตระเวนทั้งตัวเกาะและน่านน้ำ ซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำ ล่าสุดเมื่อมีนาคม 2567 ทั้งนี้ เมื่อกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนแตกต่างกัน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” แต่ทางการไทยไม่เคยยอมรับจนนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย ดังนั้น “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” โดยเริ่มเจรจาเรื่องนี้มาตลอด โดยขอแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมใต้ทะเลไม่พูดถึงเขตแดน แต่ทั้งหมดไม่มีความคืบหน้า เพราะกัมพูชาจะเจรจาแต่เรื่องผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีปละเมิดอธิปไตยไทย แต่เมื่อมีการลงนาม MOU ไทย-กัมพูชาปี 2544 ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยยอมรับอย่างเป็นทางการ การมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมถึงเขตไหล่ทวีปของกัมพูชา เรื่องนี้ยังถูกพูดถึงมา 20 ปีว่า MOU นี้ถูกหรือผิด และมีความพยายามยกเลิก MOU นี้ และเมื่อลูกสาวของนายกรัฐมนตรีที่ทำ MOU ปี 2544 ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี วิวาทะเดิมจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเตือนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหานี้ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากไม่ใช้วิจารณญาณดำเนินการอย่างรอบคอบ นายคำนูนแนะว่าทางออกเรื่องนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ…

Read More

มีการเปิดแคมเปญรณรงค์ผ่าน Change.org เมื่อวันที่ 25ตุลาคม 2567 เพื่อให้ตรวจสอบมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม เชียงใหม่ (ENP) ใน 6 ประเด็น พร้อมเหตุผลที่ต้องการให้ตรวจสอบว่า เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 และในช่วงเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2567 ได้พบซากช้างล้มจำนวน 2 เชือก ลอยติดกับซากไม้ในแม่น้ำแม่แตงบริเวณด้านหลังโรงแรมสิบแสน รีสอร์ต แอนด์ สปา อ.แม่แตง โดยทั้ง 2 เชือกอยู่ห่างกัน 300 เมตร ซึ่งได้รับการยืนยันว่าทั้งสองเชือก คือ พังฟ้าใส และ พลายทอง เป็นช้างจากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม หรือ Elephant Nature Park ที่อยู่ห่างจากจุดที่พบซากช้างล้มราว 6 กิโลเมตร ซึ่งจำนวนช้างในปาง Elephant Nature Park มีทั้งหมด 119 เชือก ทางเจ้าหน้าที่ของปางและควาญในพื้นที่ช่วยนำขึ้นไปที่ปลอดภัยเบื้องต้นเป็นส่วนใหญ่ และมีบางส่วนที่อยู่ในคอกของปางช้างทั้งสองฝั่งแม่น้ำรวม 16 เชือก ซึ่งยังอยู่ครบและยังมีชีวิต แต่ข้อมูลล่าสุด ยังมีช้างที่ยังสูญหายประมาณ 5-9 เชือก ทางเครือข่ายคนรักช้าง ประกอบด้วย สมาคมสหพันธ์ช้างไทย นายกสมาคม นายธีรภัทร ตรังปราการ ,สมาคมท่องเที่ยวแม่แตง นายกสมาคม นายกิตติราช ชัยเลิศ ,ปางช้างแม่แตง นาง วาสนา ทองสุข, ปางช้างกันตา คุณกมลพรรณ ตานุ , คุณเมย์ริน ศรีศิริวิไล, ตัวแทนนายกสมาคมท่องเที่ยวแม่แตง นายภูมิ คชนิล, ชมรมคนรักดอกแก้ว จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการทำงานของ Elephant Nature Park ดังนี้ ข้อ 1 เหตุผลของการไม่อพยพช้างในเวลาเหมาะสม เนื่องจากมีการเตือนจากทางราชการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน…

Read More

การขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเดือนร้อนของชาวบ้าน ที่เขาไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงานรัฐ หรือความยุติธรรมมาช้าเกินไป ต้องหันหน้าหาคนที่อาสา ทั้งที่เป็นทนาย ทั้งที่เป็นเจ้าของเพจตัวกันให้ควั่ก รับอาสานำเสนอเรื่องราวผ่านสื่อมวลชน และสาธารณชนรับรู้ กลายเป็นแรงกดดันให้หน่วยงานรัฐแอ็กชันเร่งเยียวยาปัญหาของชาวบ้าน ที่ผ่านมาสังคมมักมองกลุ่มคนนี้ด้วยสายตาที่เป็นมิตร อาสาใช้ความรู้ความสามารถในวิชาชีพ หรือคอนเนกชันช่วยชาวบ้าน ยิ่งสื่อมวลชนกระพือความสำคัญเท่าไหร่ พลังอำนาจของคนกลุ่มนี้ยิ่งมากเท่านั้น กลายเป็นด้านหลักชี้นำกระแสสังคมไปเลยทีเดียว เมื่อการแอ็กชันผ่านสื่อฯ ที่เป็นเสมือนกระบอกเสียงแต่ละครั้งดังกระหึ่ม การกระทำของพวกเขาได้รับการตอบสนองแทบจะทันที ก็ยิ่งเป็นสิ่งเร้าให้คนที่เข้ามาพึ่ง สัมผัสได้ว่าเสียงของเขาเริ่มมีความหมาย ความหวังได้รับการแก้ไขปัญหาเยียวยาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่าผู้ที่ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านให้ได้รับความยุติธรรมนั้นมีอยู่จริง และก้มหน้าทำหน้าที่มองไปที่เป้าหมาย ให้คำร้องของชาวบ้านหรือเหยื่อสัมฤทธิ์ผล พวกเขายังทำหน้าที่กันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากชาวบ้านหรือเหยื่อที่ก็รู้กันอยู่ว่าเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นจะมาลำบากเรียกร้องทำไม แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ทำให้เราเห็นอีกด้านของกลุ่มคนอาสา ซึ่งมีทั้งวิธีรับเรื่องร้องเรียน นำรายชื่อชาวบ้านไปจี้รีดทรัพย์จากผู้บริหารหน่วยงาน หรือเอกชน เมื่อได้เศษเงินไปแล้วก็ทิ้งเหยื่ออย่างไร้เยื่อใย บางอ้างมีคอนเนกชันหน่วยงานใหญ่สามารถฝากงาน ฝากอนาคตทางการเมืองให้ได้ แต่ต้องจ่ายเบี้ยบ่ายรายทางเป็นหลักแสน หลักล้าน กรณีดิ ไอคอน ก็เป็นอีกตัวอย่าง เพราะก่อนจะเป็นข่าวโด่งดัง เคยมีนักร้องเรียนคนหนึ่งพาผู้เสียหายเคลียร์ก่อนแล้ว เมื่อสำเร็จก็จะมีค่าประสานงาน ค่าใช้จ่ายสำนักงานและอื่น ๆ และหากตัวเลข 20% เป็นจริงค่าประสานงงานครั้งนี้มีตัวเลข 7 หลักเลยทีเดียว ซ้ำยังได้อีกส่วนจากบอสพอลผู้บริหารหลัก ไม่รู้จะใช้เป็นการรับ 2 ทางหรือไม่ นี่ไม่ใช่แค่ตัวอย่างเดียว ยังมีกรณีทนายความบอสพอลปูดข่าวอีกว่า ทนายความดัง หนึ่งในชุดดรีมทีมที่พาผู้เสียหายมาร้องเรียน ยังโทรศัพท์หาบอสพอลเรียกเงิน 7 ล้านบาทแลกไม่พาเหยื่อไปแจ้งความอีก นี่มันเป็นแท็กติกเดียวกันหรือเปล่า ที่เอาเหยื่อมาขู่เรียกเงิน หรือแค่ปูดข่าวลือแก้เกี้ยวของบอสพอล ไม่นานคงรู้กัน เพราะเขาว่ามีคลิปเสียงชัดเจน ล่าสุดทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็มีคดีให้ฮือฮาและติดตามกันต่อ เมื่อเขาอาสาช่วยเหลือคดีให้เศรษฐีนีคนไทยในต่างประเทศ แต่ถูกฝ่ายเศรษฐีนีฟ้องฐานหลอกลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ 2 ล้านยูโร หรือ 71 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวอ้างลูกความคนนี้โอนให้ด้วยความเสน่หา แต่กลับถูกสร้างเรื่องโกงเงิน จึงเตรียมแจ้งความกลับ ก่อนสุดท้ายยกเลิกกระทันหันไม่ไปแจ้งความกลับ บอกจะขอเจรจาพูดคุยก่อน ไม่อยากเป็นคดีความกัน เรื่องนี้เมื่อกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่หลายคนอยากจะมีคนเสน่หาแบบนี้บ้าง นี่แค่ส่วนหนึ่งที่ The Publisher ได้รวบรวมมาให้เห็น แต่ที่ไม่เห็นหรือเป็นที่รับรู้ยังมีอีกมาก เรียกว่าคนที่เดือดร้อนกลายเป็นเหยื่อซ้ำซาก แล้วอย่างนี้ชาวบ้านจะหันหน้าไปพึ่งใคร “เมื่อหน่วยงานรัฐล่าช้า และคนอาสาเป็นปัญหาเสียเอง”.บทความโดย : อนันต์ จารุนันทภาคย์…

Read More

กลายเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียว หลังเพจดัง ‘อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ’ ได้เปิดภาพนายตำรวจท่านหนึ่ง พร้อมกับเรียกเขาว่า “บอสโปลิศ” ที่มาบรรยายเส้นทางสวยหรูเมื่อได้มารู้จักกับ The iCon Group โดยในคลิปดังกล่าวนายตำรวจท่านนั้นได้กล่าวบนเวทีถึงชีวประวัติส่วนตัวของตัวเองครบถ้วน ไล่ตั้งแต่ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งอะไร สังกัดอยู่หน่วยงานไหน ไปจนถึง มาร่วมธุรกิจนี้ได้อย่างไร และมันทำให้ชีวิตนายตำรวจท่านนี้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง ซึ่งสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้หนาหู ร้อนถึงเจ้าตัวต้องออกมาโต้ ทางเพจ ‘อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ’ จึงโพสต์รูปภาพพร้อมข้อความอีกครั้ง ระบุว่า “พ.ต.อ.สมคิด ยืนยันภาพขึ้นเวทีดิไอค่อนที่มีคนกล่าวหาเป็นบอสโปลิศ เป็นภาพเก่าตั้งแต่ปี59 ของบริษัทเจอเนสส์ ไม่ใช่ดิไอค่อน ยืนยันตนไม่ได้เป็นสมาชิก แต่อย่างใด…” ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็มาร่วมแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ล่าสุด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกหนังสือด่วน สอบ “บอสโปลิศ” ระบุใจความว่า ตามที่ปรากฏในข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 67 โดยมีคลิปข้าราชการตำรวจมีพฤติกรรมพูดชักชวนให้กลุ่มบุคคลเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการพูดพาดพึงถึง ตร. ในที่สาธารณะในลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายและบั่นทอนจิตใจข้าราชการตำรวจในองค์กร จึงให้ดำเนินการ ดังนี้1.ให้ บก.ปคบ. ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวและเรียกตัวมาสอบสวนปากคำในทางคดีหากพบว่า พฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดหรือร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาในบริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป จำกัด ให้ตามกฎหมาย โดยเคร่งครัด2.ให้ จต. ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวว่า มีมูลกรณีการกระทำความผิดทางวินัยหรือไม่อย่างไร แล้วรายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 23 ต.ค. 67 เพื่อทราบและดำเนินการ พร้อมลงชื่อ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร..ขอบคุณภาพจากเพจ : อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ

Read More

จากกรณีที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาพยานเชื่อมโยงเรื่องเส้นเงินดิจิทัลเอี่ยว 1 ในบอสดิไอคอนกรุ๊ป เข้าให้การกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. แต่พบว่า บุคคลดังกล่าวให้การเท็จ พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ข้อมูลว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ หากทนายบอสพอล แจ้งความเอาผิดกับนายเอกภพ และพยานที่ให้ปากคำเรื่องสกุลเงินดิจิทัล ว่าเป็นการแจ้งความเท็จ พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาเชิญทั้งสองคนมาให้ปกาคำภายในสัปดาห์หน้า

Read More

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองของรัฐบาลแพทองธาร หลังพรรคร่วมรัฐบาลยังเห็นไม่ตรงกัน ปมรายงานผลศึกษากรรมาธิการนิรโทษกรรม ที่พ่วงข้อสังเกตเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมความผิดคดี 112 เข้าไปด้วย ซึ่งในวันนี้จะมีการพิจารณาอีกครั้ง หลังจากสัปดาห์ที่แล้วยังไม่จบ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ชิงปิดประชุมไปก่อน ล่าสุดนายสมคิด เชื้อคง วิปรัฐบาล เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มจะโหวตเห็นชอบข้อสังเกตรายงานของกมธ. และเชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ก็จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ น่าจะผ่านได้ สำหรับจำนวน สส.ของพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันมี 142 ที่นั่ง พรรคประชาชน 148 ที่นั่ง รวม 290 ที่นั่ง เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ สามารถผลักดันให้รายงานฯ นี้ผ่านที่ประชุมสภาฯ ได้ ซึ่งหากดำเนินการตามนี้จริง จะถือเป็นครั้งแรกที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ลงมติในทิศทางเดียวกัน และจะเป็นการจับมือครั้งแรกในสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนด้วย

Read More

หลังภารกิจย้าย “พลายดอกแก้ว” ลุล่วงอย่างรายรื่น คิวต่อไปที่จะต้องมีการเคลื่อนย้ายคือ “พลายขุนเดช” ช้างอีกหนึ่งเชือกที่ถูกระบุในโพสต์ของแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ให้ “หนูนา” กัญจนา ศิลปอาชา มารับคืนไปจากที่ฝากไว้นานหลายปี จากการสัมภาษณ์คุณธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ให้ข้อมูลกับ The Publisher ว่า การเคลื่อนย้าย “พลายขุนเดช” จะเป็นหน้าที่ของสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์การเคลื่อนย้าย “พลายดอกแก้ว” เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาด้วย เท่ากับได้มาดูความยากแล้ว ความยากที่เกิดขึ้นกับพลายดอกแก้ว น่าจะถูกนำไปปรับใช้ในการเคลื่อนย้ายพลายขุนเดชได้ โดยเฉพาะการขอความร่วมมือกับคนที่เข้ามาไลฟ์ ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน “ผมทราบจากน้องที่ดูแลกระซิบมาว่าพลายขุนเดชสื่อสารง่าย จูงได้ จับได้ เพราะน้องมีปัญหาที่เท้ามาก่อน ทำให้คุ้นชินกับการที่คนทำแผลให้ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่การเคลื่อนย้ายทั้งหมดจะเป็นการดำเนินการของสถาบันคชบาลแห่งชาติ ฯ เพราะน้องเป็นช้างป่า” สำหรับการเคลื่อนย้าย “พลายขุนเดช” ได้รับอนุมัติจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแล้ว โดยหลังจากนี้สัตวแพทย์จะประเมินความพร้อมด้านสุขภาพทั้งกายและใจ พร้อมเมื่อไหร่ก็จะขนย้ายไปที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ต่อไป.ขอบคุณภาพ: ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang

Read More