.
ในยุคที่อากาศร้อนจนแตะ 40+ องศาเซลเซียส ทำเอาเหงื่อไหลท่วมตัว รู้สึกเหนอะหนะไม่สบายตัว นอกจากทำให้ผู้คนอยากจะผึ่งลมผึ่งแอร์ให้หายร้อนแล้ว การได้ดื่มน้ำอัดลมเย็น ๆ รสชาติหวานซ่ากระแทกใจก็เป็นอีกหนึ่งวิธีคลายร้อนในแบบของคนไทยที่นิยมทำ และแน่นอนว่าน้ำอัดลมยี่ห้อดังอย่าง “โคคา-โคล่า” หรือ “โค้ก” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดฮิตที่คนไทยมักซื้อมาดื่มเพื่อดับกระหายคลายร้อน
.
โดย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2429 หรือ 138 ปีที่แล้ว เครื่องดื่ม “โคคา-โคล่า” หรือ “โค้ก” สูตรต้นตำรับถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก! ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา โดยเภสัชกร ดร.จอห์น สติชท์ เพมเบอร์ตัน โดยเภสัชกรรายนี้เป็นผู้ผลิตหัวเชื้อน้ำหวาน
.
.
แพมเบอร์ตันเป็นนักเภสัชศาสตร์ ที่ไม่ได้สนใจเฉพาะเรื่องยาเท่านั้น เขาก่อตั้ง บริษัท เจ.เอส. แพมเบอร์ตัน คอมพานี ขึ้น และคิดค้นสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม เครื่องสําอาง และน้ำหอม ทว่าในช่วงอายุ 50 ปี แพมเบอร์ตันเริ่มให้ความสนใจกับต้นโคคา พืชพื้นเมืองของเปรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ชาวพื้นเมืองเอาใบโคคามาเคี้ยวกินสด ๆ หรือไม่ก็สกัดเป็นเครื่องดื่ม เพราะมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้น อุดมด้วยสารอาหาร และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
.
.
เขาจึงทดลองมันนำมาปรับปรุงสูตรน้ำโคลาที่หลากหลาย ใช้เวลาอยู่นาน เขาหมกหมุ่นกับมันจนสุขภาพย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ แต่มันก็ไม่ทำให้เขาหยุดความต้องการนี้ แพมเบอร์ตันเดินหน้าต่อไปอย่างมีความหวัง กระทั่งมันประสบความสำเร็จ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เขาให้ลองชิม
.
โดยโคคา-โคลา เปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1886 ในราคาแก้วละ 5 เซ็นต์ และแพมเบอร์ตันได้เลือกจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคลาแทนการจดสิทธิบัตร เพราะจะได้ไม่ต้องเปิดเผยสูตรจนคู่แข่งสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ทําให้สูตรน้ำอัดลมโคคา-โคลา ยัง เป็นความลับจนถึงทุกวันนี้
.
ต่อมาหุ้นส่วนและสมุหบัญชีของเขา ได้ตั้งชื่อเครื่องดื่มว่า “Coca-Cola” เพราะใช้ส่วนผสมหลักมาจากใบของต้นโคคาและลูกโคลา ต่อมาได้มีการผสมโซดาลงไปด้วย เรียกว่า น้ำอัดลม และเติมกาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ส่วนใบโคคาก็เลิกใช้แล้ว เนื่องจากเป็นแหล่งวัตถุดิบของยาเสพติดประเภทโคเคน
.
ปัจจุบัน “โคคา-โคล่า” หรือ “โค้ก” ถือเป็นเครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าที่มีคนจดจำได้มากที่สุดในโลก
.
อ้างอิงข้อมูล : ศิลปวัฒนธรรม