.
เรื่องที่จะหยิบยกขึ้นมาเล่าดังต่อไปนี้แม้เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่ามันยังคงเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นแรงผลักดันให้กับใครได้อีกหลาย ๆ คนเสมอ สำหรับเรื่องราวความแกร่งของเธอคนนี้ “พลอย สโรชา กิตติสิริ” ผู้พิการทางสายตาที่สามารถเรียนจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ จบศึกษาปริญญาโท สาขาจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อย่างภาคภูมิใจ
.
ซึ่งตัวเธอนั้นเคยเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ว่า “เราไม่ได้รู้สึกว่าโลกของเราแคบกว่าคนอื่น แล้วคือเราใช้อะไรตัดสินว่าโลกเราแคบหรือโลกเรากว้าง เรารู้สึกว่าเราก็ได้เรียนรู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มีทั้งเรื่องที่สุข เรื่องที่เศร้า เรื่องที่ทำให้โกรธ เรื่องที่ทำให้กลัว หลายสิ่งหลายอย่าง รวม ๆ กัน จนกระทั่งมันก็คือโลกนี้ มันไม่ได้แคบไปกว่าคนอื่น
.

.
“เราไม่ได้เข้าใจโลกด้านเดียวว่าโลกนี้มันมีแต่เรื่องที่มันสวยงาม เราก็ได้เรียนรู้โลกทุกมุมอย่างที่มันเป็น ทุกคนเป็น ด้านที่มันเศร้าที่สุด ด้านที่มันทำให้เรามีความสุขที่สุด”
.
การที่เธอมองไม่เห็นนั้น แม้มันจะทำให้เธอได้สัมผัสถึงความกลัว ความเชื่อที่ผิด ๆ แต่ยังไงก็ตาม เธอก็สัมผัสและเห็นถึงความรัก ความเข้าใจของกันและกัน ซึ่งเธอมักที่จะรู้สึกได้ผ่านคนรอบตัว และไม่น้อยครั้งที่เธอรู้สึกจากตัวเอง ซึ่งเธอรู้สึกแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอรู้สึกสะเทือนใจ เพราะทุกอย่างเหมือนเป็นการสร้างกำแพงที่เธอไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรขึ้นมากันเธอไว้
.

.
แต่ในสุดท้ายแล้วเธอก็มีความคิดที่ว่า มันไม่ใช่การมองไม่เห็นหรอก ที่ทำให้หลาย ๆ สิ่งเป็นเรื่องยาก แต่ความเชื่อว่าการมองไม่เห็นต่างหาก คือต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรารู้สึกแย่และปิดกั้นตัวเอง แม้การมองไม่เห็นจะเป็นอีกหนึ่งขีดจำกัด และมีบทบาทในเส้นทางชีวิต แต่กระนั้น เธอก็ไม่ย่อท้อหรือมองว่ามันเป็นปัญหา มุ่งหาหนทางที่สามารถทำได้แทน
.

.
โดยเธอนั้นได้เขียนหนังสือวรรณกรรมร่วมสมัยที่กวาดรางวัลมาแล้วถึง 2 เรื่อง ได้แก่ “จนกว่า เด็กปิดตา จะโต” และ “ก ไก่เดินทาง นิทานระบายสี”
.
หวังว่าเรื่องราวที่ได้หยิบยกมาบอกเล่าในวันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ใครอีกหลาย ๆ คนที่อาจจะกำลังท้อแท้หรือหมดหวัง กลับมามีพลังฮึดสู้ต่ออีกครั้ง
.
อ้างอิง : https://www.admissionpremium.com/content/375