.
ดังประโยคดังที่ของ ‘ลอร์ดแอกตัน’ ที่ว่า “อำนาจทำให้เสื่อมทราม” (Power corrupts) ในบางเคส “ความเสื่อทราม” ที่ว่านั้น มาในรูปแบบของการกระทำล่วงละเมิดเพศตรงข้าม และการกระทำที่ว่านั้น มักจะเป็นเหตุให้เกิดการเสื่อมถอยจาก “อำนาจ” ของตัวผู้กระทำ
.
ในทุกปี ทุกหกเดือน หรือถี่กว่านั้น เรามักจะได้ยินข่าวฉาวในลักษณะของผู้ชายที่มีตำแหน่ง มีชื่อเสียง เป็นผู้นำ หรือมีอำนาจ กระทำการล่วงละเมิดหญิงสาวที่มีลักษณะของการเป็นผู้ตาม ผู้อยู่ใต้อาณัติ หรือผู้ที่ได้รับโอกาสจากชายดังกล่าว ในบริบทที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าชายผู้นั้นจะเป็นนักการเมือง ดารา ผู้นำม็อบ อาจารย์ หรือนักบวชที่ได้รับการเคารพนับถือ ล่วงละเมิดต่อลูกศิษย์ ลูกน้อง แฟนคลับ หรือผู้ช่วยติดตาม แทบจะเป็นพล็อตเรื่องที่ได้ยินซ้ำไปซ้ำมาทั้งในหน้าข่าวในประเทศและต่างประเทศ
.
คำถามคือ ทำไมจึงเกิดพฤติกรรมแบบนี้ในหมู่ ‘ผู้มีอำนาจ’ ที่มักจะลงมือกระทำต่อคนที่ตัวเล็กกว่า ?
.
นักจิตวิทยา Dacher Keltner ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ Berkeley กล่าวในบทความเรื่อง “เพศ อำนาจ และระบบที่ช่วยให้ผู้ชายเหมือนฮาร์วีย์ ไวน์สไตน์” หนึ่งในข้อโต้แย้งที่นำเสนอใน Harvard Business Review ฉบับออนไลน์ในปี 2017 ซึ่งเป็นวารสารชั้นนำของสหรัฐฯ ในด้านภูมิปัญญาและทฤษฎีองค์กร ว่า
.
“การศึกษาของ Keltner แสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่มีอำนาจมักจะประเมินความสนใจทางเพศของผู้อื่นสูงเกินไป และเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัวพวกเขารู้สึกชอบหรือเกิดความดึงดูดต่อตัวพวกเขามากกว่าที่เป็นอยู่จริง ผู้ที่มีอำนาจหลายคนยังมักจะ sexualize การทำงานของพวกเขา เช่น การเลือกรับเพศตรงข้ามที่มีรูปลักษณ์สวยงามมาร่วมงาน มากกว่าเลือกรับคนเพศเดียว หรือเพศตรงข้ามที่ขี้เหร่
.
พวกเขามักจะแสวงหาโอกาสที่จะได้พบเจอผู้ร่วมงานเพศตรงข้าม หรือสร้างช่วงเวลาที่จะได้อยู่กันสองต่อสอง เพื่อปรับการวางตัวและสร้างความผูกพันทางเพศ ในขณะเดียวกัน ก็มักจะแสดงพฤติกรรมใช้สายตามองอย่างไม่เหมาะสม ยืนใกล้ชิดเกินไป สัมผัสเนื้อตัวนานเกินไป ซึ่งเกิดขึ้นในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ถือเป็นการข้ามเส้นในระดับหนึ่ง หากสร้างความไม่สบายใจต่อผู้ถูกกระทำ
.
จากการวิจัยของ Keltner มีประเด็นหนึ่งที่ชัดเจน : ในประเด็นของความรู้สึกมีอำนาจ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน ให้แตกต่างจากตอนที่ยังไม่มีอำนาจได้ การมีอำนาจนั้นมักทำให้พวกเขาหุนหันพลันแล่นมากขึ้น และเห็นอกเห็นใจ เห็นความต้องการของผู้อื่นน้อยลง “มันช่วยเพิ่มระดับเสียงให้กับแนวโน้มที่มีอยู่เดิมของคุณ” Keltner กล่าว
.
หากบุคคลหนึ่งชอบเล่นการพนันหรือเอ่ยคำสาบาน ความรู้สึกมีอำนาจจะทำให้พวกเขาเล่นการพนันหรือเอ่ยคำสาบานมากยิ่งขึ้น คนที่รู้สึกว่ามีอำนาจมักจะตัดสินใจในตัวเลือกที่เสี่ยงกว่า หรือแสดงความคิดความต้องการออกมาอย่างหุนหันพลันแล่นมากกว่าคนปกติ
.
ลักษณะความหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ รวมกับความได้เปรียบทางเพศ และลำดับชั้นที่เหนือกว่า ทำให้ผู้มีอำนาจรู้สึกมีอิสระในการทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ
.
การศึกษาอ้างอิงของ Keltner แสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้ชายรู้สึกมีพลัง พื้นที่ส่วนของการเอาใจใส่ในสมองของเขาก็จะทำงานน้อยลง และในบางกรณี เมื่อผู้ชายในตำแหน่งที่มีอำนาจ และมีผู้หญิงที่อยู่ใต้บังคับบัญชา เขาอาจจะคิดว่าพฤติกรรมประหม่าจากผู้หญิงคนนั้นหมายความว่าเธอสนใจเขา
.
.
ผู้ชายบางคนที่อยู่เหนือกว่านี้ อาจจะตีความการกระทำของผู้หญิงบางอย่างว่าเป็นการให้ท่า หรือคิดเองว่าผู้หญิงสนใจในตัวพวกเขา (และอำนาจของพวกเขา) หรือรู้สึกว่าผู้หญิงกำลังสนใจและอยากเข้าหาเขา และเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าหาผู้หญิงบ้าง การที่ผู้หญิงไม่มีท่าทีขัดขืน ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจ ในทางขณะเดียวกัน หากผู้หญิงมีท่าทีขัดขืน เขาอาจคิดว่านั่นคือการ “เล่นตัว” (Play hard to get)
.
เมื่อการมีอยู่ซึ่งอำนาจ สร้างความรู้สึกมีอิสระในการกระทำในสิ่งที่ต้องการ รวมกับความหุนหันพลันแล่น การขาดซึ่งความเห็นอกเห็นใจ และความมั่นใจในตัวเองแบบผิด ๆ รวมกันกลายเป็น เหตุปัจจัยในการเข้าหาผู้หญิงแบบรุกหนัก และการตีความการกระทำของผู้หญิงในแบบผิด ๆ ยิ่งก่อให้เกิดการตัดสินใจผิด ๆ และก่อให้เกิดการกระทำที่คุกคาม สร้างความไม่สบายใจต่อเพศตรงข้าม หากไม่สามารถกลับความคิดได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันก็จะยิ่งพัฒนา กลายเป็นกรณีอย่างที่เป็นอยู่ตามหน้าสื่อในปัจจุบันในที่สุด
.
ทั้งนี้ หากผู้มีอำนาจเข้าใจว่า “อำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ” หรือมีสติเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าการถือไว้ซึ่งอำนาจ จะยิ่งทำให้มีคนจับตามองตลอดเวลา ต้องวางตัวให้เหมาะสม และเคร่งในการทำงานอย่างซื่อสัตย์ มีคุณธรรมยิ่งกว่าคนที่ไม่มีอำนาจ เช่นนั้น อำนาจก็จะถูกใช้อย่างเหมาะสม
.
แต่หากไร้สติ หลงระเริงในอำนาจที่ได้มา เช่นนั้น ก็จะถูกธรรมชาติของอำนาจเข้าครอบงำจนกลายเป็นคนเสื่อมทราม และสุดท้าย ก็จากลายเป็นเหตุผลให้เสียความชอบธรรมในการถือครองอำนาจ และสูญเสียความเป็นตัวเอง (หรือหลายเป็นตัวเองมากเกินไป) จนท้ายที่สุด ก็จะสูญเสียไปซึ่งอำนาจที่มีอยู่อย่างง่ายดายนั่นเอง
.