Author: Writer Publisher

เป็นการเปิดเผยของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสมาเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ โดยระหว่างเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย – จีน ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 50 ปีก่อน พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างกันนางสาวแพทองธารบอก ได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในอนาคต โดยเสนอให้คำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง จะต้องทำให้ประชาชน (1) มีกินมีใช้ (2) มีความปลอดภัย และ (3) มีความพร้อมต่ออนาคตและความเข้าใจอันดีต่อกัน ทั้งนี้ ไทยกับจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พร้อมชื่นชมรัฐบาลไทย ตัดน้ำไฟเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันจีนพร้อมให้การร่วมมือปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบระหว่างกัน รวมทั้งเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย – จีน

Read More

เป็นปฏิกิริยาของคุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค หลังศาลสั่งจำคุก ศ.เกียรติคุณพิรงรอง รามสูต 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ถูกบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องปมออกหนังสือเตือนมีโฆษณาแทรก ผิดกฎ “มัสต์แครี่” (Must Carry) ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายซึ่งคุณสารียอมรับผิดหวัง และทำให้การทำงานคุ้มครองผู้บริโภคยากขึ้น ติดตามคำสัมภาษณ์ของคุณสารีที่พูดเรื่องนี้ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher The Publisher: กรณีของอาจารย์พิรงรอง ที่แพ้คดีถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปีเรื่องนี้ต้องสรุปบทเรียนในคดีนี้อย่างไรบ้าง สารี : อย่างแรกเลยต้องบอกว่าเราผิดหวังกับคำพิพากษา ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ทั้งที่เป็นคดีแรกของอาจารย์พิรงรอง ไม่เคยมีคดีอะไรเลย ซึ่งเรื่องนี้เราผิดหวังมาก สอง มันทำให้การทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคมีข้อจำกัดมากขึ้น เรียกว่าธุรกิจแทนที่ปฏิบัติตาม ก็จะใช้สิทธิฟ้องคดี ทั้งที่เรื่องนี้เกิดจากผู้บริโภคใช้สิทธิไปร้องเรียนที่อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งต่อไปยังอนุกรรมการที่รับผิดชอบของ กสทช.ซึ่งมีอาจารย์พิรงรองเป็นประธาน มีมติให้ทำหนังสือถึงทีวีดิจิทัลฯ การเป็นเช่นนี้จะทำให้อนุกรรมการชุดต่างๆ ของ กสทช.ไม่สามารถทำหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อการพิจารณาเรื่องร้องเรียน เรียกว่าอนุกรรมการไม่มีอำนาจใดๆ ต้องเข้า กสทช.ชุดใหญ่ทั้งหมด ทั้งที่ กสทช.ชุดนี้แทบไม่ได้พิจารณาวาระคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับผู้บริโภคจะได้รับการพิจารณาได้อย่างไร อาจเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของ กทสช. แทนที่สำนักงานจะเป็นคนดำเนินการต่อไปอาจทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่สำนักงาน และกสทช.มีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเช่นกัน The Publisher: มีปัญหาเรื่องความไม่เท่าทันของกฎหมายด้วยหรือไม่ สารี : จริง ๆ ต้องดูเรื่องอำนาจหน้าที่ของ กสทช.แต่ กสทช.ชุดนี้อาจเขียนให้เป็นอำนาจขององค์คณะ กระทั่งเรื่องกำหนดวาระก็เป็นของประธานเพียงคนเดียว การพิจารณาเรื่องต่างๆ อยู่กับประธาน จึงอาจมีข้อจำกัด แต่ที่เป็นข้อจำกัดแน่นอน เชื่อว่าจะส่งผลต่อการทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้โดยภาพรวม กลัวกันไปหมด กลัวจะโดนคดี กลัวคำพิพากษาไปหมด The Publisher: คิดว่าหลังจากนี้การทำงานของการคุ้มครองผู้บริโภคจะยากขึ้นไหม สารี : น่าจะส่งผล เพราะว่าทำให้คนทำหน้าที่นี้กังวลในการทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่เฉพาะกรณีนี้ของ กสทช. แต่ภาพรวมการคุ้มครองผู้บริโภค การวินิจฉัยเรื่องคุ้มครองผู้บริโภค The Publisher: เท่ากับว่าแพลตฟอร์มออนไลน์…

Read More

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ถึงคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่สั่งจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา ศ.เกียรติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช. ปมออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์มทรูไอดี ว่า ที่ผ่านมามีความพยายามใช้กฎหมายเพื่อหยุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เป็นหนึ่งในวิธีการที่มักใช้เพื่อฟ้องปิดปาก หรือที่เรียกว่า SLAPP โดยเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสมควรที่เจ้าหน้าที่รัฐในฐานะผู้คุมกฎจะถูกฟ้องลักษณะนี้ ควรมีกฎหมายคุ้มครองเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ ไม่เช่นนั้นในอนาคตเราคงไม่สามารถเห็นองค์กรอิสระทำงานอย่างเข้มแข็งอีกต่อไป หากต้องมากังวลว่าจะถูกผู้ที่ตัวเองกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือ ประชาชน จากการถูกฟ้องกลับ “กฎมัสต์แครี่ที่เป็นต้นตอทำให้เกิดการฟ้องร้อง จำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย เท่าทันต่อเหตุการณ์ เพราะเอกชนก็ถือว่าตัวเองไม่ได้ถือใบอนุญาต แต่เหตุของคดีเป็นแค่การส่งหนังสือเตือน ซึ่งเขาทำไป 127 รายจึงเห็นว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ ที่อ้างว่าบริษัทเกิดความเสียหาย ขาดรายได้ตามมา เพราะบ.ก็สามารถชี้แจงได้ แต่เข้าใจว่ามีการเล่นเรื่องอคติและไม่เป็นกลาง โดยกล่าวอ้างถ้อยคำในบันทึกการประชุม ซึ่งพิสูจน์ได้ยาก จึงกังวลและสงสัยว่าศาลฯ สามารถพิจารณาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึงขั้นไม่รอลงอาญา คงต้องดูคำพิพากษาฉบับเต็มว่าเอาถ้อยคำแบบไหนมาตัดสินความเป็นอดคติและไม่เป็นกลาง” น.ส.ศิริกัญญา เชื่อว่า ศ.เกียรติคุณ ดร. พิรงรอง อาจตกเป็นเป้าจากการทำหน้าที่โดยเป็นเสียงข้างน้อยคัดค้านการควบรวมระหว่างทรูกับดีแทค ซี่งก่อนหน้านี้บ.ดังกล่าวก็ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว โดยการใช้ถ้อยคำว่า เป็นหนึ่งในกรรมการเสียงข้างน้อยที่ให้ยับยั้งการควบรวม รวมกับเหตุอื่น ๆ ที่เคยไปแถลงข่าวในกรณีควบรวมทรูดีแทค จึงตั้งข้อสงสัยว่ามีความเป็นอคติ ไม่เป็นกลาง จึงหาทางกลั่นแกล้งหรือไม่ แต่คดีนี้ศาลฯ ก็ยกฟ้อง แต่กรณีนี้ศาลฯ กลับตัดสินว่ามีความผิด จึงดูย้อนแย้ง แต่ก็พูดไม่ได้มากจนกว่าจะเห็นคำพิพากษาฉบับเต็ม “มีปัญหาข้อกฎหมายที่อาจทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ ต้องปรับแก้และต้องสร้างกลไกคุ้มครองการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ถูกฟ้องแบบนี้ เข้าใจว่า ป.ป.ช.กำลังร่างกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปากช่วยคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ในชั้นกฤษฎีกา ภาคประชาชนก็เคยถูกฟ้องปิดปาก พรรคประชาชนก็กำลังร่างกฎหมายนี้เพื่อไม่ให้มีการฟ้องหมิ่นประมาทกรณีที่ทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เช่นกรณีนี้คือการคุ้มครองผู้บริโภค ผลจากคำพิพากษานี้จะทำให้การคุ้มครองผู้บริโภคและคนทำงานยากขึ้น เพราะการพิจารณาวาระต่าง ๆ ของ กสทช.ที่เกี่ยวกับบ.ทรู อ.พิรงรองก็ไม่ได้อยู่ร่วมพิจารณา เป็นผลขั้นต้นที่เกิดขึ้น และต่อไปนี้ใครอยู่ในบอร์ดองค์กรอิสระ ต่อจากนี้ก็คงหนาว ๆ ร้อน ๆ ในการกำกับดูแลเรื่องการแข่งขันของเอกชน เพราะมีความเสี่ยงที่อาจถูกฟ้องร้อง โทษถึงจำคุกไม่รอลงอาญาด้วย ทำให้หลายคนคงไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ สส.ก็กังวลด้วยเช่นเดียวกัน” รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวทิ้งท้าย

Read More

โลกโซเชียลแห่ชื่นชม “น้องอัมริน” หรือ ด.ช.เตชินท์ หลักแหล่ง วัย 6 ขวบ ผู้ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พายเรือเก็ยขยะในทะเลกับพ่อ ตามอ่าวและซอกหินตามเกาะพีพี ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าแม้ท้องทะเลเหล่านี้จะมีฉากหน้าแสนสวยงาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าตามซอกหินโขดหินจะเต็มไปด้วยขยะจากน้ำมือมนุษย์ลอยเกลื่อนโดยไม่มีใครเหลียวแล สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกที่ใครหลายคนอาจละเลยไป อย่างเช่น “การทิ้งขยะให้ลงถัง” ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำง่าย ๆ ที่สามารถเริ่มได้ที่ตนเอง สิ่งที่น้องอัมรินทำ ใครพบเห็นต่างก็มีรอยยิ้มและชื่นชม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางคนถึงกับมาร่วมลงมือช่วยเก็บขยะไปด้วย เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาสนใจดูแลธรรมชาติและรักษ์โลกกันมากขึ้น “เราไม่ควรทิ้งขยะ เพราะมันทำให้โลกสกปรก แต่ถ้าเราเก็บ โลกก็จะสะอาดขึ้น เราควรช่วยกันเก็บขยะทุกวัน” น้องอัมรินกล่าว.

Read More

การแข่งขันเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนดังยังคงดุเดือด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผย 10 อันดับโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุดประจำปีการศึกษา 2568 พบว่า “สวนกุหลาบวิทยาลัย” ครองแชมป์ ด้วยอัตราส่วนผู้สมัครต่อจำนวนที่นั่ง 1 ต่อ 5.52 สพฐ. ได้รวบรวมข้อมูลจำนวนผู้สมัครสอบและจำนวนนักเรียนที่รับเข้าศึกษาของโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ และจัดอันดับโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงที่สุด 10 อันดับแรก ซึ่งผลปรากฏดังนี้ อันดับ 1: โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีผู้สมัคร 1,546 คน รับ 280 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 5.52 อันดับ 2: โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย มีผู้สมัคร 879 คน รับ 240 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 3.66 อันดับ 3: โรงเรียนหอวัง มีผู้สมัคร 958 คน รับ 360 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 2.66 อันดับ 4: โรงเรียนโยธินบูรณะ มีผู้สมัคร 828 คน รับ 320 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 2.59 อันดับ 5: โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า มีผู้สมัคร 320 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 2.31 อันดับ 6: โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีผู้สมัคร 997 คน รับ 440 คน อัตราการแข่งขัน 1 : 2.27 อันดับ 7:…

Read More

จากกรณี พิรงรอง รามสูต อดีต กสทช. ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา สะท้อนปัญหาสำคัญว่าด้วยกฎหมายที่ยังไม่เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) ที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง ศาลฯ ระบุว่า บริษัท ทรูดิจิทัลเป็นกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) ไม่มีใบอนุญาต จาก กสทช. และ กสทช. ยังไม่ออกแนวปฏิบัติ ว่า แพลตฟอร์ม OTT ต้องขอใบอนุญาต จาก กสทช. แตกต่างจากจาก ผู้ประกอบการ IPTV , ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ที่ประกอบกิจการแบบใช้โครงข่าย ที่ต้องขอใบอนุญาต จาก กสทช. และมีแนวปฏิบัติ แต่การประชุม คณะอนุกรรมการฯ ทีมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง เป็นประธานได้แจ้งตรวจสอบ ทรูไอดี ที่เป็นแอปพลิเคชันบริการของเอกชน เพื่อตรวจสอบโฆษณาและเนื้อหาที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบเข้าข่ายจงใจกลั่นแกล้ง เกิดคำถาม “ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค แต่กฎหมายไม่คุ้มครองคนปฏิบัติหน้าที่ ?” ที่สำคัญคือกฎหมายไม่เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป จนกลายเป็นเหตุให้คนทำงานอยู่บนความเสี่ยง และผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างที่ควรจะเป็น ข้อมูลจากรายงาน Digital Stat 2021 โดย We Are Social ระบุว่า คนไทยร้อยละ 99 ชอบดูวิดีโอออนไลน์ และร้อยละ 69 อยู่บนโลกออนไลน์ โดยมีพฤติกรรมการใช้งานเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ เช่น การฟังเพลง การใช้งานโซเชียลมีเดีย เล่นเกม และอัดคลิปวิดีโอ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เองที่กลายเป็นความท้าทายของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฎหมายเดิมที่มีอยู่ อาจไม่สามารถครอบคลุมถึงรูปแบบการให้บริการและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย และอาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เช่น การละเมิดลิขสิทธิ์ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หรือการหลอกลวงผู้บริโภค กรณีพิพาท พิรงรอง รามสูต: บทเรียนราคาแพงกรณีของพิรงรอง รามสูต กสทช. ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความซับซ้อนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ…

Read More

จากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สั่งจำคุก ศ.เกียรติคุณพิรงรอง รามสูต เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ถูกบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องปมออกหนังสือเตือนมีโฆษณาแทรก ผิดกฎ “มัสต์แครี่” (Must Carry) ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย โดยศาลฯ เห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 157 มีเจตนากลั่นแกล้งให้บ.ฯ ได้รับความเสียหาย ตามที่เราได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า การฟ้องร้องคดีในลักษณะนี้เข้าข่ายคดีประเภทที่เรียกว่า การฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) “การฟ้องร้องคดี SLAPP เป็นวิธีการที่จะปิดปากไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ โดยปกติจะเป็นการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ในกรณีนี้ เป็นการฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่เป็น regulator ว่าประพฤติมิชอบ ใช้อำนาจโดยมีอคติและไม่เป็นกลาง” นางสาวศิริกัญญา เห็นว่า เพื่อให้กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีกลไกการคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยขณะนี้ ปปช. กำลังร่างกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปาก หรือ anti-slapp ที่จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ และขณะนี้กฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมกับแสดงความกังวลว่า กว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ภาคเอกชนก็อาจจะสามารถใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ยับยั้งไม่ให้องค์กรอิสระสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็งได้สำเร็จไปแล้ว

Read More

จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต” กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ จากการออกหนังสือเตือนกรณีโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์มทรูไอดี เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงนักวิชาการ ผู้บริโภค และในโลกออนไลน์ ลำดับเหตุการณ์สำคัญ ปี 2566: ผู้บริโภคร้องเรียนกรณีทรูไอดีแทรกโฆษณาในช่องรายการทีวีดิจิทัล กสทช. โดยคณะอนุกรรมการที่มี “พิรงรอง รามสูต” เป็นประธาน มีมติให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ให้ทำตามกฎ Must Carry อย่างเคร่งครัด บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด มองว่าหนังสือเตือนดังกล่าวสร้างความเสียหาย จึงยื่นฟ้อง “พิรงรอง รามสูต” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 6 กุมภาพันธ์ 2568: ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต” กระแสสังคมและการเคลื่อนไหวก่อนหน้าวันตัดสิน มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มนักวิชาการและผู้บริโภค ที่มองว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างของการที่ กสทช. ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคแล้วถูกฟ้องร้อง จึงมีการรณรงค์ให้กำลังใจ “พิรงรอง รามสูต” ผ่านแฮชแท็ก #saveพิรงรอง #freeกสทชหลังศาลมีคำพิพากษา นักวิชาการและผู้บริโภคยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการตัดสิน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการทำหน้าที่ของ กสทช. ในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม อนาคตของคดีและผลกระทบ “พิรงรอง รามสูต” ยังมีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คดี แต่หากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์​ จะสิ้นสภาพการเป็น กสทช. คดีนี้อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการตีความกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลในอนาคตประเด็นที่ต้องจับตา ท่าทีของ กสทช. ต่อคดีนี้ และแนวทางการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมในอนาคต การเคลื่อนไหวของนักวิชาการและผู้บริโภคต่อผลคำพิพากษา ผลกระทบของคดีนี้ต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานภาครัฐ คดีนี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความซับซ้อนของการทำหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการสนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด การตัดสินใจของศาลในคดีนี้ จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

Read More

นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา และพม่า เพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ชี้มาตรการตัดไฟตัดน้ำไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน นายชัยชนะ กล่าวว่า การตัดไฟตัดน้ำประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น และอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสนอให้รัฐบาลเร่งประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ เพื่อร่วมมือกันอย่างจริงจังในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ผมขอเสนอให้รัฐบาลเดินหน้าเร่งประสานงานกับประเทศลาว กัมพูชา และพม่า เพื่อร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่ประเทศจีนได้ทำการพูดคุยกับรัฐบาลพม่าและส่งทหารจีนเข้าไปดำเนินการบุกยึดอาคารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ซึ่งสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่มีทั้งคนไทยรวมอยู่ด้วยได้สำเร็จ” นายชัยชนะ กล่าวนอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังเสนอให้รัฐบาลผลักดันให้มีการทำ MOU ระหว่างรัฐบาลของทั้งสามประเทศ เพื่อให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่าหากไม่มีการร่วมมือกันอย่างจริงจัง การตัดไฟตัดน้ำจะไม่สามารถเป็นทางออกที่ยั่งยืนได้ วันนี้ที่คิงโรมัน และที่ปอยเปต ก็ยังมีการดำเนินงานของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นปกติอยู่ วันนี้ยังมีการหลอกลวง มีการนำไปสู่การค้ามนุษย์ข้ามชาติ หลอกคนไปทำงานสุดท้ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ จึงฝากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายและการดำเนินการแก้ปัญหานี้โดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศ” นายชัยชนะ กล่าว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #MOU #ประเทศเพื่อนบ้าน #ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ชัยชนะเดชเดโช #พรรคประชาธิปัตย์ #กรรมาธิการตำรวจ #ตัดไฟตัดน้ำ #อาชญากรรมข้ามชาติ #ค้ามนุษย์ #ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม

Read More

ผู้ใช้เฟซบุ๊ค Anucha Ton เปิดเผยว่าตนได้สั่งผลไม้สดจากร้านจัดเซตผลไม้แห่งหนึ่งผ่านช่องทางออนไลน์ มูลค่า 3,300 บาท สอบถามกับเหยื่อแจ้งว่าเหตุที่ตัดสินใจซื้อร้านนี้ เนื่องจากร้านผลไม้ที่ว่านั้น ดูน่าเชื่อถือ มีการถามตอบรวดเร็ว ข้อความสั่งสินค้ามีความเป็นมืออาชีพ นัดวันส่งของชัดเจน รูปลักษณ์สวยงาม เหยื่อจึงได้ตัดสินใจซื้อ ปรากฎว่าหลังจากที่โอนไปแล้วไม่สามารถติดตามการส่งสินค้าต่อได้ โทรไปไม่รับ ทักไปไม่ตอบ เหมือนจงใจหายไป ไม่พอเท่านั้นยังมีมิจอีกกลุ่มที่ส่งข้อความมาหาเหยื่อ อ้างว่าตนถูกหลอกเช่นเดียวกัน แต่ตนไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วอ้างว่าเป็นบัญชีม้าให้ติดต่อไปยังทนายทำคดีฉ้อโกงออนไลน์โดยตรง หลังจากนั้นจนท.ไซเบอร์ตามเส้นเงินได้จึงได้เงินคืน เหยื่อจึงได้ขอช่องทางการติดต่อทนายคนดังกล่าว เมื่อนำไปกดค้นหา ปรากฎว่าเป็น “ทนายเก๊” เหยื่อรู้ทันอ้างกับมิจว่าเป็นตำรวจเอาตัวรอด เจอมิจจี้ตอบกลับ “แฟนพี่ก็เป็นตำรวจ” แต่รีบบล็อกกลับไม่สนใคร

Read More