- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ออกมาเสนอความคิดรัว ๆ อยากดันบิตคอยน์ จะใช้ภูเก็ตนำร่องเป็นแซนด์บ็อกซ์ ร่ายยาวไปถึงการให้รัฐบาลออกพันธบัตรหนุน Stabal Cion หรือพันธบัตรดิจิทัล หวังเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ดันจีดีพีไทยโตได้ 4-5 % มีความเสี่ยงอะไรที่ต้องระวัง เป็นแนวคิดที่เป็นไปได้หรือไม่ The Publisher ได้สอบถามไปยัง ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส TDRI ให้มุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า ความพยายามเพิ่มสภาพคล่องโดยให้ภาครัฐออกพันธบัตร เพื่อสร้างเหรียญใหม่ขึ้นมา โดยหวังว่าจะมีการกระจายออกไป คล้าย ๆ ไอเดียเงินดิจิทัล จุดอ่อนที่ต้องระวังคือ การดำเนินการดังกล่าวเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาลทำไม่ได้ และผูกโยงกับความเชื่อมั่นด้วย ถ้าเราไปออกเหรียญใหม่ เงินหมุนเวียนได้แต่มีความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพและความเชื่อมั่น เพราะแต่ละประเทศจะมีเงินแค่สกุลเดียว ในแง่นี้จึงปฏิบัติได้ยากที่เราจะยอมให้มีหน่วยงานอื่น ๆ ออกเหรียญมา มีสกุลเงินแข่งอีกสกุลหนึ่ง ถ้าถามว่าทำคล้ายกันแล้วให้ ธปท.ทำได้หรือไม่ ตอบว่าทำได้เพราะตอนนี้ทำอยู่คือ เซ็นทรัลแบงก์ ดิจิทัลเคอร์เรนซี ทดลองแล้วเกิดขึ้นได้ง่าย แต่จะไม่เกิดการหมุนเวียนเหมือนอย่างที่รัฐบาลต้องการ คล้ายกับเงินพร้อมเพย์ ซึ่งดีอยู่แล้วการไหลเวียนของเงินก็ดีอยู่แล้ว “ถ้ารัฐบาลจะทำเองเป็นไปได้ยากเพราะผิดกฎหมาย แต่ถ้าให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมาผลักดันแทนตามที่ต้องการเลยก็ต้องแก้กฎหมายอีก ซึ่งเชื่อว่าจะมีกระแสคัดค้านที่รุนแรง อีกทั้งขัดหลักการด้วยเพราะเราไม่ควรสร้างสกุลเงินอื่นมาแข่งขันกับสกุลเงินบาท จะเกิดความสับสน ความน่าเชื่อถือในสกุลเงินบาทจะแย่ลง ไม่ควรแทรกแซง ต้องระวังอย่างมาก หากดำเนินการเสี่ยงเกิดเงินเฟ้อ ค่าเงินบาทอ่อนเกินไป ไม่เป็นผลดี ไม่มีประเทศไหนหรอกที่จะทำแบบนี้ อย่างเช่น เอซาวาดอร์ ที่ทำอยู่ประเทศเดียวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมาก อีกทั้งเขามีพื้นฐานขุดบิตคอยน์อยู่ แต่เราไม่มีกิจกรรมเชื่อมโยงบิตคอยน์เลย แล้วจะสร้างเหรียญขึ้นมาเอง ผมไม่เห็นมุมให้ทำแบบนั้น” ดร.นณริฏ มองว่า นายทักษิณกำลังเกาไม่ถูกที่คัน เพราะปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ใช่เรื่องสภาพคล่อง แต่ปัญหาอยู่ที่สภาพเศรษฐกิจจริงไม่ดี แข่งขันไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ ภาคท่องเที่ยวฟื้นแต่เติบโตไม่มาก หนี้ประชาชนเต็มไปหมด ถ้าไม่แก้ตรงนี้ไปคิดแต่เพิ่มเงินไม่เกิดผล เพราะเงินมีเยอะอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครอยากกู้ เนื่องจากไม่มีโอกาสในการทำกำไร ถ้าเติมสภาพคล่องเข้าไปสุดท้ายจะเกิดภาวะสภาพคล่องล้น นักวิชาการอาวุโส TDRI ท่านนี้ยังไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่ระบุทุนสำรองระหว่างประเทศมีมากเกิดไปจนฉุดเศรษฐกิจ เพราะไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเราส่งออกดี จึงมีทุนสำรองเยอะ การที่มีเยอะไม่ได้เป็นข้อเสีย ไม่ควรเอามายุ่งกับเศรษฐกิจจริง โจทย์ที่รัฐบาลต้องแก้คือเศรษฐกิจจริงไม่ใช่เรื่องพลวัตรเงิน แต่ตอนนี้เอามารวมกันก็เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน ท้ายสุดจะเกิดปัญหา และที่วางไว้ว่าจะดันจีดีพีโต…
กลายเป็นไวรัลที่จับใจชาวเน็ตไม่น้อย หลังมีคนแชร์ภาพรูปปั้น “มนุษย์โบราณ” ถือไฟจราจร แลนด์มาร์กชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ในชุดซาตาครอสต้อนรับวันคริสมาสต์ที่จะถึงนี้ สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เป็นภาพแปลกตาที่ดูน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว.
สวนสนุกโลกน้ำแข็ง-หิมะแห่งฮาร์บิน ครั้งที่ 26 ซึ่งเป็นสวนสนุกน้ำแข็งและหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันเหมายัน สวนสนุกนี้ตั้งอยู่ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยมีการสร้างขึ้นจากน้ำแข็งและหิมะมากถึง 300,000 ลูกบาศก์เมตร สวนสนุกในปีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว 2025 ที่จะจัดขึ้นในเมืองฮาร์บิน ซึ่งจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 หลังจากเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ สวนสนุกแห่งนี้ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การจัดงานนี้ โดยมีพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่มีขนาด 800,000 ตารางเมตร.
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสีดอกเลา” หรือสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว โดยมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี 2537 มีผู้สูงอายุร้อยละ 6.8 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.0 ในปี 2567 นั่นหมายถึงว่า อัตราส่วนพึ่งพิงวัยสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย โดยพบว่าประชากรวัยทำงาน 100 คน รับผิดชอบในการดูแลผู้สูงอายุประมาณ 31 คนหรือคิดเป็นอัตราส่วน 3:1 ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีรายได้หลักจากบุตรร้อยละ 35.7 รองลงมามีรายได้จากการทำงานร้อยละ 33.9 ตามมาด้วยเบี้ยยังชีพร้อยละ 13.33 เงินบำเหน็จหรือบำนาญร้อยละ 6.8 คู่สมรส ร้อยละ 5.6 และจากดอกเบี้ยเงินออมหรือการขายทรัพย์สินมีเพียงแค่ร้อยละ 1.6 เท่านั้น การเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดนำมาซึ่งความท้าทายหลากหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ หนึ่งในประเทศที่เผชิญกับปัญหานี้ก่อนไทย คือ ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในโลก การศึกษาบทเรียนจากญี่ปุ่น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไทยเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาสังคมสูงวัยที่ไทยต้องเตรียมรับมือ แรงงานลดลง ผลผลิตตกต่ำ: เมื่อประชากรวัยทำงานลดลง ส่งผลต่อภาคการผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม: รัฐบาลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านบำนาญ การรักษาพยาบาล และสวัสดิการต่างๆ ของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาสุขภาพ: ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว ต้องการการดูแลรักษาทางการแพทย์ ความเหลื่อมล้ำ: ผู้สูงอายุบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย อาจเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุข และสวัสดิการต่างๆ ปัญหาครอบครัว: โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนแปลง ไปสู่ครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุขาดคนดูแล บทเรียนจากญี่ปุ่น การส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ: ญี่ปุ่นส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงทำงานต่อไป แม้จะเกษียณอายุแล้ว เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และสร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ: ญี่ปุ่นพัฒนาหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุในชีวิตประจำวัน และลดภาระการดูแล การสร้างชุมชนที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ: ญี่ปุ่นออกแบบเมือง และที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ เช่น มีทางลาด ราวจับ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ การส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณ: ญี่ปุ่นส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินตั้งแต่วัยทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ สิ่งที่ไทยควรเรียนรู้และนำมาปรับใช้ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ:…
บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจีน สร้างโครงการผลิต ‘ไฮโดรเจน’ จากน้ำทะเลแห่งแรกในนครชิงเต่า มณฑลซานตง โครงการนี้สามารถผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 20 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยใช้ ไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์นอกชายฝั่งของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของจีน Sinopec ไฮโดรเจนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผลิตผลิตโดยใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม และแทบจะไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระหว่างการผลิต ซึ่งจะนำไปใช้ในการกลั่นหรือทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน
เป็นความกังวลของคนในแวดวงที่เกี่ยวข้องกับช้าง โดยเฉพาะช้างบ้านที่มีข้อมูลสำคัญว่าอาจสูญพันธุ์ 50 ปี เรื่องนี้นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลและอนุรักษ์ช้างเปิดเผยหลังไปเยี่ยมปางช้างต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และเยี่ยมพลายขุนเดชที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ที่จังหวัดลำปาง โดยเธอโพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของการคงอยู่ของช้างเพศผู้ในประเทศไทย…. โดยบอกเป็นที่ค่อนข้างชัดเจนว่า ปางช้างส่วนใหญ่รับแต่ช้างเพศเมียเข้าทำงาน..ด้วยความคิดว่า..ช้างเพศผู้เลี้ยงยาก และมีช่วงตกมัน ที่สำคัญ…มีบางองค์กรร่วมมือกับต่างชาติ สร้างกระแสต่อต้านไม่ให้นักท่องเที่ยวมาปางที่มีช้างเพศผู้ทำงาน ..มีความคิดต่อต้านการผสมพันธุ์ในช้าง และขังเดี่ยวช้างเพศผู้ มิหนำซ้ำยังจะทำหมันเพศผู้ด้วย.. หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้.. อนาคตช้างเพศผู้จะเป็นอย่างไร..เขาจะไปยืนอยู่ตรงจุดไหนบนโลกใบนี้…งานที่มีสำหรับช้างผู้ก็จะเป็นการลากซุง หรืองานแห่ ซึ่งงานแห่ก็มีไม่มาก …ยิ่งช้างสีดอ ยิ่งเป็นที่ต้องการน้อยมาก… เธอบอกได้คุยกับคุณหมอคชบาล.. เป็นไปได้ว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า เราอาจจะไม่เหลือช้างบ้านเลย เพราะไม่มีช้างเพศผู้ให้ผสมพันธุ์…อัตราการตายของช้างก็สูงกว่าอัตราเกิดมาก…เกิดมาแล้วจะอยู่รอดจนโตก็ไม่ง่าย…พร้อมระบุคงอยู่ไม่ถึงอีก 50 ปี…แต่ก็ไม่อยากให้ลูกหลานของเราได้เห็นช้างไทยแต่ในภาพวาด ภาพถ่าย… เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าเป็นห่วง…ถ้าคนใหญ่คนโตในประเทศนี้รวมทั้งสังคมโดยรวมตระหนักถึงปัญหา ก็ต้องช่วยกันแก้ไข…เพราะไม่มีคนใดคนหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานเดียวทำได้…ฟันเฟืองที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งก็คือควาญที่จะเลี้ยงช้างเพศผู้..ต้องให้ความสำคัญและสนับสนุน..อาชีพควาญช้าง เป็นอาชีพที่ต้องมีใจรัก ทุ่มเท และมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา…ทั้งภาครัฐ และเจ้าของปางต่างๆ รวมถึงเจ้าของช้าง ต้องให้ความสำคัญกับคนที่เป็นควาญ…ซึ่งต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องช้างจริงๆ รักช้างจริง…ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ให้อาหาร และพาเดินเท่านั้น..(นั่นไม่เรียกว่าเป็นควาญ)…ต้องเป็นคนที่พร้อมจะปกป้องช้างยามภัยมา เข้าใจอารมณ์ของช้างในภาวะต่างๆ…. เบื้องต้น ก็ช่วยกันรักช้างเพศผู้ให้มากๆ..เขาไม่ผิดเลยที่เกิดมาเป็นช้างผู้…ให้พวกเขาได้มีโอกาสทำงาน (ที่ไม่ใช่แค่ลากซุง…ยํ้าลากซุงได้เฉพาะอายุ 25-50 เท่านั้น)…และให้เขามีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้ด้วย
ความหวังสุดท้ายทวงความยุติธรรมให้นักแสดงสาว แตงโม นิดา ร่วมพูดคุยกับทนายอัจฉริยะ กับคำตัดสินสุดท้ายของเธอ The Publisher: มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการยื่นเรื่องคดีคุณแตงโมอย่างไร?ทนายอัจฉริยะ: 1.อัยการสูงสุด 2.สองอธิบดีอัยการภาคหนึ่ง แล้วก็แจ้งเรื่องตรวจสอบกรรมาธิการกฎหมายสภาผู้แทนราษฎร ครบถ้วนในการขอรื้อฟื้นคดีแก้ไขคำฟ้องจากเดิมข้อหาประมาทเป็นข้อหาร่วมกันฆ่า The Publisher: ประเด็นที่ใช้เป็นเรื่องของพยานหลักฐานใหม่คืออะไร?ทนายอัจฉริยะ: ก็คือเราใช้พยานบุคคลที่เราใช้สืบในชั้นศาลอาญาซึ่งก็เคยขึ้นศาลจังหวัดนนทบุรีมาก่อน แล้วก็เอกสารต่าง ๆ วัตถุพยานต่าง ๆ คลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่ไม่เคยใช้ในศาลจังหวัดนนทบุรีมาก่อนเป็นวัตถุพยาน แล้วก็เป็นพยานแวดล้อมในการที่จะนำไปสู่ในสำนวนของคดีที่จะก่อให้มีการแก้ไขคำฟ้องคดีไว้ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี The Publisher: หลักฐานที่เป็นเหตุให้รื้อคดีได้คืออะไร?ทนายอัจฉริยะ: ยังบอกไม่ได้ เพราะผมยังถูกฟ้องอีกห้าคดีเพราะงั้นบางอย่างเราต้องเก็บไว้เพราะว่าเราคงบอกให้เค้ารู้ไม่ได้ประเด็นที่สองคือเอกสารเราต้องรอทางอัยการสูงสุดซึ่งมีอำนาจเพียงคนเดียวจะไม่มีการแก้ไขคำฟ้องแล้วจะเอาหลักฐานทั้งหมดไปมอบให้กับทาง พนักงานอัยการ แต่ตามประเด็นมีคนฝากถึงอธิบดีอัยการภาคหนึ่งแล้วก็อัยการนนทบุรี ขอให้มีการรื้อคดีและแก้ไขคำฟ้อง อัยการนนทบุรีก็ต้องไปขอยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เรื่องการพิจารณาคดีที่ยังสืบพยานไม่เสร็จออกไปก่อนเนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ แล้วก็มีวัตถุพยานใหม่ที่ใช้ในการเปลี่ยนข้อกล่าวหา ดังนั้นถ้าหากอัยการสูงสุดยังไม่พิจารณาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหากศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาออกมาแล้ว ก็รื้อคดีไม่ได้แล้ว ก็ถือว่าคดีเป็นที่ยุติ The Publisher: คดีหลักคุณแตงโมยังไม่จบ?ทนายอัจฉริยะ: ไม่ใช่ คดีของนายแซมกับพวกเรายังทำได้เพราะว่ามันยังมีการพิพากษา แต่อำนาจทั้งหมดเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดการขอรื้อฟื้นคดีที่ผู้ต้องหาเป็นแพะจะเป็นการรื้อฟื้นว่ามีการแก้ไขคำฟ้องซึ่งตามกฏหมายสามารถทำได้โดยที่ผู้ที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการก็คืออัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว The Publisher: ใช้ช่องทางในคดีที่ยังค้างอยู่ของคุณแซนมารื้อคดี?ทนายอัจฉริยะ: เพื่อให้มีการเอาพยานบุคคลที่ขึ้นสืบพยานแล้วก็วัตถุพยานต่าง ๆ และมีการใช้ในการหักล้างมาใส่ในสำนวนของคำฟ้องใหม่ที่จะฟ้องไปยังศาลจังหวัดนนทบุรีทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีการแก้ไขคำฟ้องแล้วก็ทางอัยการนนฯ ไปขออำนาจศาล เพื่อให้มีการมีหลักฐานใหม่ อัยการก็ต้องสั่งพนักงานสอบสวนเอาบุคคลทั้งหมดที่เราอ้างถึง ก็วัตถุพยานทั้งหมดในสำนวนของพนักงานสอบสวนเพื่อส่งต่อไปยังพนักงานอัยการก็ถึงมีการแก้ไขคำฟ้องได้ตามกฏหมาย The Publisher: กรณีของคุณแซนที่ยังค้างอยู่คือคดีอะไร?ทนายอัจฉริยะ: ร่วมกันประมาท ก่อนหน้านี้ตัดสินเฉพาะ ปอกับโรเบิร์ต เท่านั้นเอง The Publisher: ตัวข้อมูลที่ทำให้เรามั่นใจว่า…ทนายอัจฉริยะ: มันไม่ใช่คดีประมาทเราต้องเข้าใจแต่แรกแล้ว แต่แม่เอาลูกไปตีราคาเป็นเงิน แล้วก็ถอนคดีที่เราเคยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ในเรื่องนี้แหละใช้พยานบุคคลพวกนี้แหละ ทุกอย่างที่ไปรับเงินจากผู้ต้องหา ไม่อย่างนั้นวันนี้มันไม่เป็นข้อหาประมาทหรอก มันโดนร่วมกันฆ่าแล้ว The Publisher: มีข้อมูลชุดหนึ่งที่ไม่ได้ถูกศาลพิจารณาเพราะว่ามันถูกถอนออกไปก่อน?ทนายอัจฉริยะ: ใช่ถูกต้องเพราะเขามาถอนเราไง ทำให้เหมือนไม่มีหลักฐาน แต่จริง ๆ เรามี แต่เค้าเอาเรื่องเงินเป็นตัวตั้งแล้วก็ถอนคำฟ้องของเรา เพราะงั้นวันนี้มันเป็นคดีร่วมกันประมาทหรอก ของปอและโรเบิร์ตมันจะเป็นคดีร่วมกันฆ่า The Publisher: เรื่องบาดแผลของแตงโม?ทนายอัจฉริยะ: มันจะเกิดบนบกหรือมันจะเกิดในน้ำก็แล้วแต่ แต่ผมยืนยันว่ามันไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ไม่ได้เป็นอย่างที่แซนพูด ซึ่งวันนี้เราก็พิสูจน์ความจริงแล้วว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ไม่ได้เกิดอย่างที่แซนเป็นคนพูด ผมตั้งธงที่ตำรวจกับอัยการร่วมมือกันกับคนบนเรือช่วยกันทำให้เปลี่ยนเป็นคดีประมาทเท่านั้นเอง The Publisher: อะไรที่ทำให้ตำรวจและอัยการต้องช่วยเหลือคนกลุ่มนี้?ทนายอัจฉริยะ: ต้องมีผู้สั่งการ ในเรื่องของการดำเนินคดีพยานกับอัยการนนทบุรีกับอัยการภาคหนึ่งในสมัยนั้น แล้วก็ในขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองอำนวยการกฎหมายสภาผู้แทนราษฎร เรื่องที่มีการตรวจสอบการสอบไปทางทุจริตของตำรวจอัยการที่ให้การช่วยเหลือ…
หลังจากย้ายจากปาง ENP เข้ารับการรักษาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จังหวัดลำปาง ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน พร้อมกับเข้ารับการกักโรค 1 เดือน เพื่อให้ทีมแพทย์วิเคราะห์อาการบาดเจ็บที่ขาหน้าซ้ายผิดรูป และกระดูกสันหลังเป็นรูปตัว S หลังทรมานจากอาการบาดเจ็บมานาน พร้อมเริ่มทำการรักษาบาดแผล โดยได้จัดควาญช้างเป็นคู่ประจำ ล่าสุดนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ซึ่งรับอุปการะดูแลพลายขุนเดชตั้งแต่อยู่ที่ปางช้าง ENP ก่อนย้ายไปรักษาอาการบาดเจ็บดังกล่าว ได้เข้าเยี่ยมพร้อมกับอัปเดตอาการ โดยบอกว่า เยี่ยมน้องขุนเดช…น้องอยู่ภายใต้การดูแลของหมอและพี่ควาญอย่างเข้มแข็ง…ยังต้องค่อยๆทำความคุ้นเคยกับพี่ควาญ ซึ่งก็มีความก้าวหน้ามาในระดับหนึ่งแล้ว…ถ้าความคุ้นเคยมีมาก การรักษาขาของน้องก็จะทำได้โดยสะดวก..ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแผลภายนอก รวมถึงการเอกซเรย์สภาพกระดูก…เพื่อรู้สภาพและจะได้วางแผนการรักษาได้ถูกต้อง…เชื่อมั่นว่า..ภายใต้การดูแลของทีมงานคชบาล น้องขุนเดชจะดีวันดีคืนค่ะ … ทั้งนี้ มี FC และแม่ ๆ เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยเชื่อมั่นว่าท่ามกลางการดูแลของทีมแพทย์ และควาญช้าง อาการพลายขุนเดชจะดีขึ้นเร็ววันนี้ โดยเบื้องต้นพบสุขภาพจิตของพลายขุนเดชดีขึ้น และเริ่มแข็งแรงขึ้นตามลำดับ เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ และไม่นานจะกลับมาเดินเล่นได้เหมือนเพื่อนช้างตัวอื่น ๆ.ขอบุคณ FB : NuNa Silpa-archa ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ปางช้าง #พลายขุนเดช #สถาบันคชบาลแห่งชาติ
เวลาเราเห็นหน้าใครแล้วหัวใจเต้นแรง แค่สัมผัส ก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ใจสั่นราวกับแผ่นดินไหว เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรากันแน่? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเรา เมื่อเจอเขาคนนั้น?อาการที่เหมือนกับผีเสื้อมาบินในท้อง เวลาเจอคที่แอบชอบ จริงๆ มันคืออาการที่สมองสั่งการมานั่นเองค่ะ เพราะสมองจะผลิตฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจเต้นแรง รู้สึกร้อนผ่าว เหมือนอาการที่ทุกคนเข้าใจว่าผีเสื้อมาบินในท้อง สมองเป็นอย่างไรเมื่อเกิดความรักขึ้นแล้ว?เมื่อคนเรามีความรัก สมองจะผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้ความเครียดลดลง และมีความสุขเพิ่มขึ้น ในขนะเดียวกัน สารเซโรโทนิน ก็จะทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวาย และว้าวุ่นใจในช่วงเวลาที่มีความรัก สมองกำลังเล่นอะไร เมื่อเกิดความรู้สึกรักแรกพบ?มันไม่สามารถอธิบายได้ในหลักเหตุผล แต่ทางวิทยาศาสตร์นั้น ความรู้สึกรักแรกพบเกิดจากการที่ประสาทการรับรู้กลิ่นสัมผัสได้ถึงฟีโรโมนของเพศตรงข้าม ส่งสัญญาณไปยังสมองทำให้เกิดความรู้สึกสนใจและหลงใหลในทันที ทำไมรู้สึกผูกพัน?เวลาเราได้สัมผัส กอด จูบ มันจะทำให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ผูกพัน ซึ่งถ้าเรากำลังทำสิ่งนั้นอยู่นั้นก็หมายถึงสารออกซิโทซินกำลังทำงานนั่นเอง
มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศกล่าวถึงคำอ้างของศูนย์วิจัยการแพทย์รังสีวิทยาของรัสเซีย ที่ว่ารัสเซียได้พัฒนาวัคซีน mRNA ที่ออกแบบเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ไม่ใช่สำหรับป้องกัน และยังเป็นวัคซีนแบบเฉพาะบุคคลอีกด้วย ถือเป็นการพัฒนาแห่งศตวรรษ ขณะที่สถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยาของรัสเซีย อ้างว่าวัคซีนชนิดนี้ว่ามีการทดลองทางคลินิก หรือวิจัยในมนุษย์แล้ว และแสดงให้เห็นว่าสามารถระงับการเติบโตของเนื้องอก และช่วยหยุดการแพร่กระจายได้ ด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้จดจำ และโจมตีเซลล์มะเร็งอย่างตรงจุด ชะลอการเติบโตของเนื้องอก ป้องกันการเกิดซ้ำ หรือแม้กระทั่งกำจัดมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้ โดยการเพิ่มการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย ทั้งนี้ทางการรัสเซียยังจะกระจายให้ประชาชนรัสเซียที่ป่วยเป็นมะเร็งโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายภายในปี 2568 ถึงจะมีต้นทุน 3 แสนรูเบิลหรือประมาณ 1 แสนบาทต่อวัคซีน 1 โดสก็ตาม โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูติน เผยว่ารัสเซียพัฒนาวัคซีนรักษามะเร็งได้เป็นผลสำเร็จแล้ว และอาจใช้กับผู้ป่วยเร็วๆนี้ ขณะที่หลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ก็เร่งพัฒนาวัคซีนนี้เช่นกัน โดยนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ให้ความเห็นเรื่องนี้กับ The Publisher ว่า วัคซีนเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษามะเร็ง สำหรับในประเทศไทยมีเพียงวัคซีนป้องกันเท่านั้น แต่ทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กำลังพัฒนาวิจัยวัคซีนรักษามะเร็งปากมดลูก ซึ่งอยู่ในขั้นการทดลองเท่านั้น