- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ทำไม “อภิสทธิ์” ไปพัทลุง มีเนื้อหาระบุว่า มีการตั้งคำถามว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงยอมเปลืองตัว ลงไปปราศรัยหาเสียงนายกอบจ.พัทลุง เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่สนามโรงเรียนพัทลุง ซึ่งหลายคนคงได้ฟังคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ ทางสื่อโซเชียลไปบ้างแล้ว ส่วนตัวตนก็ลงพื้นที่เดินตลาดนัดเพื่อเช็คกระแส และไปให้กำลังใจคุณสาโรจน์ สามารถ ผู้สมัครนายกอบจ.พัทลุง ในช่วงวันที่ 23-25 มกราคม ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ติดกำไลEM และความผิดของผมก็ไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อเสียง ขอย้ำว่าไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปให้กำลังใจ ซึ่งมีเหตุผลในการลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงดังนี้ 1.คุณสาโรจน์เป็นเพื่อนกับผม และได้มาช่วยงานท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้ติดตาม และได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง)มาแล้วด้วย 2.คุณสาโรจน์ตัดสินใจทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยสุจริต การเมืองสีขาว ไม่ซื้อเสียง ซึ่งตรงกับจุดยืนทางการเมืองของผม 3.คุณสาโรจน์ประกาศลงเลือกตั้งนายกอบจ. พัทลุง ในนามกลุ่มรักพัทลุง ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด การช่วยเหลือสนับสนุน จึงไม่ใช่การเลือกข้าง หรือสนับสนุนพรรคการเมืองใด 4.คุณสาโรจน์เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และตอนนี้ได้ลาออกแล้ว เราต่างก็เป็นศิษย์เก่าพรรคประชาธิปัตย์มาด้วยกัน ความผูกพันในฐานะคนอุดมการณ์เดียวกัน 5.คุณสาโรจน์ต้องการทำการเมืองแบบนครโมเดล ที่ผมเคยสนับสนุนจนประสบความสำเร็จมาแล้ว เมื่อมีการนำมาใช้กับการเมืองระดับท้องถิ่นจังหวัดพัทลุง จึงอยากเห็น“นครโมเดล”ประสบความสำเร็จในการเมืองท้องถิ่นของทุกจังหวัด 6.คุณสาโรจน์จะได้รับการสนับสนุนจากใคร กลุ่มการเมืองใด หรือพรรคการเมืองใด ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ไม่มีข้อผูกมัดหรือพันธะใดๆ ต้องแยกให้ออกระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติ 7.คุณสาโรจน์ลงสมัครแข่งขันกับรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องของคนเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน มาแข่งขันกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบัน “ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องให้กำลังใจในการต่อสู้ทางการเมือง ของคุณสาโรจน์ สามารถ และผมคิดว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปปราศรัยหาเสียงช่วยคุณสาโรจน์ ก็น่าจะมีเหตุผลไม่ต่างกับผมมากนัก ผมเป็นคนมีเพื่อน รักเพื่อน คำว่าเพื่อนไม่มีวันหมดอายุ รู้จักบุญคุณคน แม้แต่ใครเลี้ยงน้ำผมแก้วเดียว ก็ถือว่ามีบุญคุณกับผมแล้วครับ” นายเทพไท ระบุทิ้งท้าย
นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจาก นายกฤษดา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภออาวุโส และสมาชิก อส.อ.ทองผาภูมิที่ 9 ว่า พบรถพ่วง 22 ล้อ ทะเบียน จ.กาญจนบุรี ต้องสงสัยว่าบรรทุกแรงงานต่างด้าวมาจาก อ.สังขละบุรี จึงเร่งสั่งการเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจสกัดรถพ่วง 22 ล้อคันดังกล่าว เมื่อเข้าตรวจรถพ่วง 22 ล้อ พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายและหญิงนั่งแออัดมาเต็มคันรถกว่า 169 ชีวิต โดยแบ่งออกเป็น ชาย 102 ราย หญิง 67 ราย เบื้องต้นคดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อหาต้นตอผู้ว่าจ้างต่อไป ขอบคุณที่มาข่าว : ภูมิภาคกาญจนบุรี
ในขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นกำลังเป็นประเด็นร้อน คำร้องของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักตรวจสอบ ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่มีสิทธิเลือตั้งในท้องถิ่นนั้น ขัดกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของ กกต.หรือไม่ กำลังกลายเป็นจุดสนใจ เพราะมีผู้ช่วยหาเสียงเบอร์ใหญ่จากทั้งแดงและส้ม ยกขบวนไปขึ้นเวทีปราศรัยแบบออนทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งล้วนไม่มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นที่ตัวเองไปช่วยหาเสียงทั้งสิ้น ประเด็นนี้จะส่งผลลบต่อผู้สมัครอย่างไรพูดคุยกับ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร The Publisher The Publisher : มองมุมกม. ประเด็นคำร้องคุณเรืองไกรเกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียงส่งผลต่อผู้สมัคร แดง-ส้ม อย่างไร? สมชัย: เวลาล่วงเลยมาพอสมควร แล้วกกต.ไม่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องพวกนี้ ปล่อยเลยตามเลยไหม เหมือนรอให้เลือกตั้งจบไป แล้วถ้ามีคำร้องค่อยกันอีกที ประเด็นอยู่ที่การตีความผู้ช่วยหาเสียงนั้น ต้องเป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะตีความแบบกว้างหรือแคบ หากตีความแบบกว้าง ก็คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศที่ใดก็ได้ หากเป็นแบบแคบ ก็ต้องเป็นของที่ใครที่มัน เพราะเจตนาของผู้ช่วยหาเสียงคือต้องการคนมาช่วยในการเดินหาเสียง แจกใบปลิว ติดป้าย เข้าเส้นทางต่าง ๆ ก็รู้ดีในพื้นที่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงจึงกำหนด เป็นค่าตอบแทนที่ไม่มากนัก เท่ากับค่าจ้างแรงขั้นต่ำในจังหวัดนั้น ๆ คือ 300 กว่าบาท แต่ตอนนี้เราได้ผู้ช่วยหาเสียงประเภทรับน้อยแต่เล่นใหญ่ รับ 400 กว่าแต่เล่นสามแสน เลยกลายเป็นว่าจะผิดกับเจตนารมณ์หรือไม่ และทำให้เกิดการเลี่ยงกัน ทุกคนก็ประกาศตนเป็นผู้ช่วยหาเสียง รับเงินผู้สูงอายุ 800 บาท และรับค่าช่วยหาเสียง 300 ก็ไม่รู้จะมีคนเชื่อหรือเปล่านะ ก็ต้องดูว่า กกต.จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ The Publisher : หาก อ.ยังเป็นกกต. อยู่จะชี้อย่างไร?สมชัย: ก็คงต้องเตือนครับ อันนี้มันเป็นเรื่องของการผิดระเบียบ ไม่ถึงระดับกม.ไม่ใช่ พ.ร.บ. หากผิดก็ต้องเตือนให้แก้ไขไป อย่างเช่น เรื่องติดป้ายเกินขนาด ก็เตือนให้เอาลงก็จบ เรื่องของการผิดระเบียบไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง เมื่อรู้ก็ระงับการกระทำ ยกเว้นว่าแจ้งแล้วเตือนแล้วแต่ฝืนทำอีก ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เอาเรื่องถึงใบแดงได้ The Publisher :…
พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ถึงกรณีการตัดไฟฟ้าที่จ่ายไปยังประเทศเมียนมา เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติต้องเป็นเจ้าภาพ เพราะในสภาความมั่นคงแห่งชาติมีหน่วยงานด้่านความมั่นคงอยู่ครบถ้วน โดยประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะหยิบยกขึ้นมาเพื่อเรียกประชุมด่วน มีมติเรื่องนี้ก็ได้ และทันทีที่มีมติก็แจ้งไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็จะดำเนินการตัดไฟฟ้าได้ทันที เพราะเรื่องนี้ชัดเจนว่ากระทบความมั่นคงประเทศ และในสัญญาระบุไว้อยู่แล้วว่าเราสามารถตัดไฟฟ้าได้ “เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับนโยบายเพราะไฟฟ้าที่ขายไปมีความถูกต้องชอบธรรม แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปจากธุรกิจสีขาวกลายเป็นเทาและดำ ถ้าจะให้การไฟฟ้าฯ ตัดไฟฟ้า ก็ต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการไป เพื่อให้ใช้เป็นเหตุผลในการแจ้งคู่สัญญา ระดับนโยบายทั้งนายกฯ หรือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ดูแลความมั่นคง ควรเร่งดำเนินการเพื่อจบปัญหาโดยเร็ว แต่ที่ยังล่าช้ากันอยู่อาจเป็นเพราะนายกฯ เพิ่งเข้ามายังหันรีหันขวาง ขาดประสบการณ์ ดังนั้นสภาความมั่นคงฯ อาจเสนอไปก็ได้ จะได้รีบแก้ไข เพราะตอนนี้ภูมิภาคอาเซียนถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติรวมถึงไทยด้วย ซึ่งส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งเรื่องความมั่นคง และเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ “Tier 2” ด้วย“ พล.ท.ภราดร กล่าว อดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า การที่ทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ มาประสานงานในประเทศไทย เป็นการสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา และน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังด้วย ซึ่งปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต้องยอมรับความจริงว่า จีนเทาเหล่านี้หนีออกมาจากประเทศจีนกระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทยด้วย จึงต้องแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างประเทศ เพราะตอนนี้ภาพลักษณ์อาเซียนเสียหายไปหมดแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีแค่เรื่องคอลเซ็นเตอร์ แต่ยังมีปัญหายาเสพติดร่วมด้วย ต้องกำหนดเป็นปฏิบัติการร่วมกัน “ที่จริงมันเป็นโอกาสนะ ที่จะแก้ปัญหาทั้งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดไปพร้อม ๆ กัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง อาเซียนต้องทำงานร่วมกับจีน ขณะที่รัฐบาลต้องมีนโยบายเร่งด่วนออกมา อีกปัญหาที่ต้องจัดการคู่ขนานไปด้วยคือ เจ้าหน้าที่นอกแถวที่แสวงหาประโยชน์จากธุรกิจสีเทา เพราะถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายไม่มีธรรมาภิบาลหรือคอร์รัปชันปัญหาก็แก้ยาก เช่นเดียวกับการจะมีกาสิโน กฎหมายต้องเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ต้องไม่ทุจริต เนื่องจากหากกำกับดูแลไม่ดี การพนันก็ไม่ต่างจากยาเสพติด ควบคุมไม่อยู่จะอันตรายมาก ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน แต่การพนันที่ดินก็ไม่เหลือ อย่าลืมว่าเราถูกตั้งข้อสังเกตจากกรณีชิงชิงด้วยว่า ที่ส่งตัวกลับจีนได้เร็ว เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยไปมีความสัมพันธ์อะไรกับอาชญากรเหล่านี้หรือไม่“ เลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าว
เรียกว่าปักหลักสู้ไม่ขอเป็นแพะหน่วยงานเดียว เมื่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.เปิดเอกสารที่อ้างว่าได้สอบถามความเห็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าตัดการขายไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมาหรือไม่ แต่เงียบกริบไร้คำตอบ หนังสือดังกล่าวออกมาเผยแพร่หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย บอกกระทรวงมหาดไทยเคยเสนอเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานไหนให้ความเห็นกลับมา ทั้งที่หลายหน่วยงานเคยรับรองบริษัทคู่สัญญาจากเมียนมาให้ กฟภ.ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ โดย กฟภ.เคยทำเรื่องขอให้พิจารณาผลกระทบ และเตรียมความพร้อมหากระงับการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดนผ่านหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม 2567 แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ รวมถึง กฟภ.ยังทำหนังสือถึงอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 7 สิงหาคม และ 17 ธันวาคม 2567 เรื่องขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการซื้อขายไฟฟ้า ณ จุดซื้อขายบริเวณบ้านก๊กโก่ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และ ณ จุดซื้อขายบริเวณสะพานมิตรภาพ และบ้านเมืองแดง อ.แม่สาย จ.เชียงราย-อ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมา และเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องขอให้ตรวจสอบบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้า และกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท โดยมีประเด็นเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด และกระบวนการฟอกเงินของผู้ได้รับสัมปทาน รวมถึงประเด็นความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
สำนักงาน ก.พ. เปิดรับสมัครสอบ ก.พ. 68 ภาค ก. รอบ Paper & Pencil เพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป โดยมีรายละเอียดดังนี้: จำนวนที่นั่งสอบ: 450,000 ที่นั่งศูนย์สอบ: 14 ศูนย์วันเปิดรับสมัคร: 30 ม.ค. 68 เวลา 08.30 น. จนกว่าจะเต็ม (หากที่นั่งไม่เต็มจะปิดรับสมัครวันที่ 20 ก.พ. 68)ประกาศรายชื่อผู้สมัครสอบ: 19 มี.ค. 68ประกาศวัน, เวลา, สถานที่สอบ: 26 มิ.ย. 68สอบข้อเขียน: 3 ส.ค. 68ประกาศผลผู้สอบผ่าน: 9 ต.ค. 68 ขั้นตอนการสมัครสอบ:เข้าเว็บไซต์ https://job3.ocsc.go.thเลือกศูนย์สอบ อัปโหลดรูปถ่าย และพิมพ์แบบฟอร์มชำระเงินชำระเงินค่าธรรมเนียมสอบภายในเวลา 22.00 น. ของวันถัดไปหากต้องการเปลี่ยนรูปถ่ายให้ยื่นคำร้องระหว่าง 24 ก.พ. – 3 มี.ค. 68ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครสอบและวันสอบภายในวันที่ 19 มี.ค. และ 26 มิ.ย. 68 ตามลำดับ สิ่งที่ต้องเตรียม:บัตรประจำตัวประชาชนไฟล์รูปถ่ายหน้าตรงตามข้อกำหนดข้อมูลส่วนตัวและรหัสผ่านสอบผ่านสามารถเป็นข้าราชการได้ในปี 2568!
เป็นคดีที่สร้างความฮือฮาในปี 2566 ที่ไม่เพียงกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นมือยิงถูกวิสามัญฯ และถูกดำเนินคดี รวมถึงตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงเท่านั้น ยังรวมถึงการขยายผลไปถึงคดีทุจริตการประมูล การจัดซื้อจัดจ้างของเครือข่ายกำนันนกในจังหวัดนครปฐมด้วย โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 37 ปีหรือกำนันนก ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมายังศาลอาญาเพื่อฟังคำพิพากษา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 โดยศาลพิพากษาว่า กำนันนกเป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่นกระทำความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าอื่น ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุด แต่ในระหว่างพิจารณาคดีจำเลยได้เยียวยาโจทย์ร่วมทั้ง 5 คน จนถอนคำร้อง มีเหตุ บรรเทาโทษ คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้นับโทษต่อจากคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตัดสินจำคุกไปแล้วก่อนหน้านี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 โดย พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.ทล.1 กก.2 บช.ก. ถูกยิงเสียชีวิตภายในงานเลี้ยงที่บ้านของนายประวีณฯ หรือกํานันนก หลังจากเกิดเหตุ มีกลุ่มบุคคลที่ให้การช่วยเหลือนายธนัญชัยฯ หรือ หน่อง ผู้ก่อเหตุหลบหนี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการวิสามัญนายธนัญชัยฯ เนื่องจากยิงต่อสู้ขณะที่ถูกติดตามจับกุม เสียชีวิตในเวลาต่อมา และกำนันนกฯ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบกรณีไข้หวัดใหญ่ระบาดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อเดือนเมษายน 2567 ซึ่งมีผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 3,000 คน และเสียชีวิต 2 คน โดยชี้แจงว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการควบคุมโรคและรักษาผู้ต้องขังอย่างเต็มความสามารถ ภายใต้ข้อจำกัดที่มี และไม่ได้ละเลยการเยียวยาผู้เสียชีวิต จึงยังไม่พบการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม กสม. มีข้อเสนอแนะไปยัง กรมราชทัณฑ์ และ กระทรวงสาธารณสุข ให้ร่วมกันพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อในเรือนจำ เช่น จัดหาชุดตรวจ วัคซีน และหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ อบรมเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ และกำชับให้บันทึกข้อมูลผู้ป่วยอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังแนะนำให้กรมราชทัณฑ์ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาให้เงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิ รวมถึงแจ้งสิทธิและให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังหรือทายาทในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ราบคาบภายในปี 2568 ให้ข้อมูลละเอียดยิบรู้หมดตั้งอยู่ที่ไหน อาคารเป็นอย่างไร แถมขู่ว่าถ้าประเทศเพื่อนบ้านจัดการไม่ได้จะส่งคนไปจัดการเอง แต่ล่าสุดเขายอมรับว่า ”การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องอาศัยประเทศจีนช่วยด้วย” เป็นการตอบคำถามของนายทักษิณ หลังนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย เรื่องการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่า มีโอกาสพูดคุยกับจีนอย่างไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ฝากไปถึงผู้นำและผู้ใหญ่ในประเทศจีนว่า ปัญหาความร่วมมือในภูมิภาคก็ต้องอาศัยจีนช่วยเรื่องนี้ด้วย เพราะจีนมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ และรัฐบาลทหารเมียนมาในวันนี้ก็ยังต้องพูดคุยกัน แต่เราไม่สามารถคุยโดยตรงได้มากนัก จึงต้องให้จีนช่วย เนื่องจากปัญหาการสู้รบในเมียนมายังไม่ยุติ “ปัญหา คือ คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน แต่ใช้สื่อสารไทย ซึ่งเราได้เข้มงวดไปแล้วว่า ให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน โดยได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้วว่า ขอให้ร่วมมือกัน เพื่อให้ปราบปรามได้เต็มที่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในวันนี้ก็อยู่ในฐานะที่พอคุยกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะทางเมียวดีที่มีรัฐบาลทหารชนกลุ่มน้อยดูแลอยู่ เราก็พยายามประสานกันไป บางทีเจ้าหน้าที่ไทยเรานี่แหละไม่เข้มแข็ง ปล่อยให้คนเข้าออกได้ง่ายเกินไปโดยไม่มีการตรวจ วันนี้เราพยายามหาทางแก้หลายอย่าง รวมทั้งเศรษฐกิจด้วย” นายทักษิณ ระบุ พร้อมยืนยันต้องมีการตัดไฟฟ้าและการสื่อสารควบคู่ไปด้วย ส่วนกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้องนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันหน่วยงานความมั่นคงมีอำนาจสั่งตัดไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมาได้ทันที หากพบหลักฐานเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่าหากใครจ่ายไฟให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พร้อมให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันได้ตัดไฟฟ้าในพื้นที่ อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ปี 2567 พร้อมรื้อเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นๆ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-ลาว และ จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงจ่ายไฟตามปกติ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจมีการลักลอบจ่ายไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้ใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับความกังวลว่าประเทศไทยอาจถูกปรับลดอันดับการจัดอันดับการค้ามนุษย์ (Tier) เขายืนยันว่าไม่กังวล เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังดำเนินการปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง โดยใช้เรื่องยาเสพติดเป็นตัวนำในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ โดยมั่นใจว่าจะเห็นผลใน 6 เดือน โดยวันนี้ (30 ม.ค. 68) ได้มีการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ป.ป.ท. และ กอ.รมน. เพื่อบูรณาการการทำงานในการปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรม โดยจะมีการเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน และใช้ จ.ตาก เป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหา
