Browsing: News

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ให้สัมภาษณ์ The Publisher ถึงเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เตรียมจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในเดือนม.ค.68 ว่ามีหลายประเด็นที่น่ากังวล เพราะมีช่องโหว่อยู่มาก ไม่ตรงปกกับที่เคยเสนอว่าจะทำแบบสิงคโปร์โมเดล โดยพบว่ามีการลดสเป็ก องค์ประกอบลงไปหมด โรงแรมไม่ต้องห้าดาว ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุมที่เคยขายไอเดียไว้ อาจมีหรือไม่มีก็ได้ และจะมีกาสิโนกี่แห่งก็ได้ เพราะไม่มีการกำหนดเอาไว้ ทุกอย่างเขียนไว้ลอยมาก อีกทั้งคนไทยยังเข้าเล่นได้ง่าย เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า การเก็บค่าธรรมเนียมคนในประเทศสูงสุดไม่เกินห้าพันบาท เท่ากับว่าอาจเก็บต่ำกว่าหรือไม่เก็บเลยก็ได้ และไม่มีการตั้งกองทุนด้านการลดปัญหาและผลกระทบจากการพนัน ซึ่งสิงคโปร์ที่ถูกอ้างถึงมี และเขากำหนดชัดว่าจะมีกาสิโนแค่สองแห่งเท่านั้น และสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของกาสิโนต้องไม่เกิน 2 % แต่ของเราให้ขึ้นอยู่กับการกำหนดของบอร์ด ขณะที่ญี่ปุ่นก็กำหนดจะมีกาสิโนแค่สามที่ และให้ท้องถิ่นเป็นผู้เสนอโพรเจกต์ เท่าที่ทราบมีเพียงเมืองเดียวที่เสนอคือโอซากา แต่นางาซากิ และ ฟูกุโอกะ ยังไม่พร้อม แบบนี้เรียกว่ามี “ธรรมาภิบาล” แต่ของเราไม่มี เพราะยกอำนาจการจัดการทั้งหมดไว้ที่ซุปเปอร์บอร์ด ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เหมือนตีเช็กเปล่า มีอำนาจแทบทุกอย่างทั้งการอนุมัติที่ตั้งว่าจะให้ตั้งที่จังหวัดใด โดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชน จะให้ตั้งได้กี่แห่ง จะให้ใครเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ไม่ต้องมีการประมูล แม้แต่การจัดเก็บภาษีเท่าไหร่ก็ไม่มีเขียนไว้ชัดเจนในกฎหมาย แต่เป็นการให้ใบอนุญาตโดยไม่มีการประมูล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบอร์ดจะตัดสินใจ ทั้งที่เป็นผลประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติ “ความไม่โปร่งใสที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของซุปเปอร์บอร์ดเช่นนี้ สะท้อนถึงการไม่มีธรรมาภิบาล อาจเกิดการเอื้อกลุ่มผู้ลงทุน เพราะไม่ต้องมีการประมูลเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่าตกลงรัฐบาลจะให้มีกาสิโนกี่แห่ง ขนาดเป็นอย่างไร กฎหมายที่มีช่องโหว่มากเช่นนี้อาจถูกใช้ฟอกเงินและยังทำให้เกิดปัญหาการทุจริตได้ด้วย” เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกด้วยว่า เรื่องการอนุมัติใบอนุญาตก็เป็นอีกเรื่องที่อันตราย เพราะกฎหมายไม่เขียนว่ารายได้จากส่วนนี้จะต้องส่งเข้ารัฐกี่เปอร์เซ็นต์ เงินเหล่านี้จะไปไหน แต่ไปเขียนในเรื่องสำนักงานกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจรที่เป็นหน่วยงานใหม่ รับค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตไป เกิดคำถามทำไมไม่เขียนเหมือนสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ว่าเงินที่ได้จากการค้าสลากฯ ต้องส่งเข้ารัฐ 23% สำนักงานรับ 3 % เป็นค่าบริหารจัดการ แต่กฎหมายฉบับนี้เขียนว่า สำนักงานมีรายได้ราวสิบรายการ รายการหลักคือค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะเป็นเงินหลายพันล้านบาท และเขียนไว้อีกว่า รายได้เหลือจากรายจ่ายให้นำส่งเข้าแผ่นดิน เป็นการเปิดช่องว่า ถ้าจ่ายแล้วไม่เหลือก็ไม่ต้องส่งเข้าแผ่นดิน แล้วแบบนี้จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนล็อกไว้ และเงินที่ให้สำนักงานฯ จะเอาไปจ่ายอะไร ก็เขียนไว้ว่าให้เสนอโครงการให้บอร์ดพิจารณา แสดงว่าอาจเกิดปรากฏการณ์สำนักงานฯ ไม่เขียนเอง แต่บอร์ดกระซิบให้เขียนทำโครงการชงเงินให้ฝ่ายการเมืองไปใช้ใช่หรือไม่ เหลือแล้วค่อยส่งเข้าแผ่นดิน สุดท้ายเงินที่ได้มาถูกเอาไปใช้ตามวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ได้เข้ารัฐอย่างแท้จริง ตนจึงไม่สบายใจเพราะกฎหมายเปิดช่องไว้เยอะมาก เรื่องที่ควรห่วงใยก็ไม่ให้ความสำคัญ…

Read More

นักวิทยาศาสตร์เผยความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการรักษา HIV ด้วยเทคโนโลยี TCR อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่การยุติการแพร่ระบาด ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างอิงบทความจากวารสาร Nature Biotechnology เผยถึงความหวังในการรักษาการติดเชื้อ HIV ให้หายขาด ด้วยเทคโนโลยี T Cell Receptor (TCR) ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวรับของเม็ดเลือดขาว T cell ให้สามารถค้นหาและกำจัดไวรัส HIV ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายได้ปัจจุบันผู้ติดเชื้อ HIV ต้องรับประทานยาต้านไวรัสตลอดชีวิต แม้ยาจะช่วยควบคุมไวรัสได้ แต่ก็ไม่สามารถกำจัดไวรัสให้หมดไป เนื่องจากไวรัสสามารถหลบซ่อนตัวในเซลล์ภูมิคุ้มกัน แต่เทคโนโลยี TCR เปรียบเสมือน “กุญแจพิเศษ” ที่ไขเข้าไปในที่ซ่อนของไวรัส โดยเทคโนโลยี bispecific TCR จะทำหน้าที่ตรวจจับและชี้เป้าให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้าไปทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพัฒนาวิธีการรักษาอื่นๆ ควบคู่กันไป เช่น การใช้แอนติบอดีที่มีประสิทธิภาพสูง การแก้ไขพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยี CRISPR และวิธี “kick and kill” ที่กระตุ้นให้ไวรัสแสดงตัวออกมาเพื่อกำจัดอย่างไรก็ตาม การพัฒนาวิธีรักษาใหม่ๆ ยังคงต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เนื่องจากผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านไวรัสในปัจจุบันมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในระหว่างนี้ วงการแพทย์จึงมุ่งพัฒนาการรักษาแบบประคับประคอง เช่น ยาต้านไวรัสแบบฉีดออกฤทธิ์ยาวนาน และยาป้องกันการติดเชื้อแบบฉีด (PrEP)กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งได้รับเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้บริจาคที่มียีนต้านทาน HIV ทำให้สามารถกำจัดเชื้อ HIV ได้สำเร็จ แม้จะยังไม่สามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยทั่วไป แต่ก็เป็นหลักฐานว่าการรักษา HIV ให้หายขาดเป็นไปได้ แม้จะยังไม่มีวิธีรักษา HIV ให้หายขาดในทันที แต่ความก้าวหน้าทางการแพทย์กำลังนำเราเข้าใกล้เป้าหมายนั้นมากขึ้น ด้วยความหวังว่า การรักษาด้วยเทคโนโลยี TCR ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นๆ จะนำไปสู่การยุติการแพร่ระบาดของ HIV ในอนาคตอันใกล้นี้

Read More

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายณรงค์เดช ชัยเนตรอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสิงห์บุรี ร่ำรวยผิดปกติ 30,089,846 บาท นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า จากการไต่สวนพบว่า นายณรงค์เดช ขณะดำรงตำแหน่งต่างๆ ในสำนักงานพระพุทธศาสนา มีรายได้รวมกับคู่สมรส 3,779,010.65 บาท (ปี 2552 – 2560) แต่พบว่ามีทรัพย์สินในชื่อตนเอง คู่สมรส และมารดาคู่สมรส เช่น เงินฝาก ที่ดิน สลากออมสิน รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ โดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินต่อไป พร้อมทั้งส่งคำวินิจฉัยไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน ฐานกระทำการทุจริตต่อหน้าที่

Read More

9 มกราคม 2568 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษ กรณี นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” กับพวก ถูกกล่าวหาฮั้วประมูลโครงการของรัฐในจังหวัดนครปฐม กว่า 1,500 โครงการ มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท ให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งมี “กำนันนก” เป็นผู้ชนะการประมูล ได้ทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 – 2566 โดยเชื่อว่ามีการตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองเป็นผู้ชนะ หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 DSI ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด พบหลักฐานเชื่อมโยงขบวนการฮั้วประมูลในโครงการ e-bidding ซึ่งสร้างความเสียหายแก่รัฐเป็นจำนวนมาก วันนี้ (9 ม.ค. 68) DSI ได้ส่งสำนวนการสอบสวนจำนวน 48 แฟ้ม รวม 18,433 แผ่น พร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 41 ราย ในข้อหา “ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อเอื้อประโยชน์ เป็นธุระในการชักชวนให้ผู้อื่นร่วมตกลง ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินแก่ผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ฮั้วประมูล เรียก รับหรือยอมจะรับเงินหรือทรัพย์สิน” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดย DSI ได้นำตัวผู้ต้องหา 40 ราย ส่งให้พนักงานอัยการแล้ว ยกเว้น “กำนันนก” ซึ่งอยู่ระหว่างถูกคุมขังในคดีอาญาอื่น พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ย้ำว่า DSI มุ่งมั่นบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน…

Read More

9 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 1, ภาค 6 และจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้เข้าจับกุม นางสาวจุฑามาศ (สงวนนามสกุล) อดีตเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ในข้อหาทุจริตเงินทุนสนับสนุนการศึกษาของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา ระหว่างปี 2561 – 2562 เป็นจำนวนเงินกว่า 888,000 บาท การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนและสืบสวนพบว่า นางสาวจุฑามาศ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวร มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินทุนให้กับนักศึกษาที่ได้รับทุน แต่กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ส่วนตัว ทำให้มหาวิทยาลัยได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่ได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า นางสาวจุฑามาศ ทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี จึงได้วางแผนเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้น นางสาวจุฑามาศ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งสิทธิของผู้ถูกจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ทั้งนี้ ป.ป.ช. ขอแจ้งเตือนประชาชนว่า หากพบเห็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ โทรศัพท์ 1205 เว็บไซต์ www.nacc.go.th หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ทั่วประเทศ

Read More

วันนี้ (9 ม.ค. 68) เพจดัง “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ออกโรงแฉพฤติกรรม ผอ.โรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เข้าโรงเรียนเพียงสัปดาห์ละ 3 วัน อ้างติดราชการ หากมีเอกสารด่วน สั่งครูขับรถไปให้เซ็นถึงบ้าน ระยะทางกว่า 230 กิโลเมตรโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ไม่ไป รร.สั่งครูเอาเอกสารเซ็นถึงบ้าน 230 โล ผอ.โรงเรียนอุดมสิทธิศึกษา อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี สัปดาห์หนึ่งจะแวะเวียนเข้า รร.สัก 3 วัน บางสัปดาห์ไม่เข้าเลยอ้างว่าไปราชการแล้วหายเลย บ้านอยู่ท่ามะกาไกลจาก รร. 230 กิโล พอมีเอกสารที่ต้องเซ็นก็สั่งให้ครูรวบรวมขับรถเอาไปให้ที่บ้าน แล้วเบิกค่าน้ำมัน รร.คนไหนมีเรื่องด่วนอะไรก็ให้ไปหาที่บ้านเอง” ทันทีที่โพสต์เผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของ ผอ.รายนี้กันอย่างกว้างขวาง ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงทั้งนี้ ระยะทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีไป อ.สังขละบุรี ประมาณ 220 กม. และจากตัวเมืองไป อ.ท่ามะกา ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านของ ผอ. ประมาณ 30 กม. หากครูต้องเดินทางไปให้ ผอ.เซ็นเอกสาร จะต้องใช้ระยะทางไป-กลับ ราว 500 กม. เลยทีเดียว

Read More

คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) อนุมัติงบประมาณปี 2569 สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2.72 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.51% เพื่อรองรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ พร้อมขยายสิทธิประโยชน์ใหม่ 10 รายการ ดูแลประชาชนกว่า 47 ล้านคนทั่วประเทศ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ได้เห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2569 วงเงิน 272,583.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,196.80 ล้านบาท หรือ 19.51% จากปี 2568 โดยมีงบเหมาจ่ายรายหัว 4,298.24 บาทต่อประชากร เพิ่มขึ้น 442.16 บาท สำหรับงบประมาณปี 2569 แบ่งเป็น งบเหมาจ่ายรายหัว 204,174.99 ล้านบาท ดูแลประชากร 47.50 ล้านคนงบค่าบริการนอกงบเหมาจ่ายรายหัว 68,408.32 ล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง บริการในพื้นที่กันดาร หน่วยนวัตกรรม และการสร้างเสริมสุขภาพนอกจากนี้ ยังมีงบประมาณสำหรับยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวม 13,617.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% จากปีที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า งบประมาณปี 2569 จะสนับสนุนนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น 30 บาทรักษาทุกที่ การลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค รวมถึงสิทธิประโยชน์ใหม่ 10 รายการ โดยจะนำเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ด้าน…

Read More

นครปฐม – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม บุกจับกุมนายชิติสรรค์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” หลังก่อเหตุหลอกลวงแรงงานชาวเมียนมาเปิดบัญชีธนาคาร ก่อนนำไปใช้เป็น “บัญชีม้า” ในการกระทำความผิด สืบเนื่องจากเมื่อปี 2567 แรงงานชาวเมียนมา 54 ราย ได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสถานทูตเมียนมา หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพชาวไทยและเมียนมาหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยอ้างว่าจะนำไปใช้รับเงินเดือน แต่กลับนำไปใช้ในธุรกรรมผิดกฎหมาย ส่งผลให้แรงงานเหล่านี้ตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพมีนาย Kway swe Lin (โจวซุยลิน) ชาวเมียนมาเป็นผู้ประสานงาน โดยใช้บริษัทจัดหางานเป็นฉากบังหน้า หลอกลวงแรงงานให้มาทำงานในประเทศไทย จากนั้นนายชิติสรรค์จะพาไปเปิดบัญชีธนาคารและลงทะเบียนซิมการ์ด ก่อนนำบัญชีพร้อมซิมการ์ดไปขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ นำไปใช้ในธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น หลอกขายสินค้าออนไลน์ พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ หลังจากแรงงานชาวเมียนมาเข้าร้องเรียน สถานทูตเมียนมาได้ประสานธนาคารเพื่อขอปิดบัญชีดังกล่าว พบว่ามีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท โดยที่แรงงานเหล่านี้ไม่ทราบที่มาของเงินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามตัวนายชิติสรรค์ จนสามารถจับกุมได้ขณะกำลังนั่งตกปลาบริเวณริมคลอง ม.14 ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าทำหน้าที่ขับรถตู้พาแรงงานต่างด้าวไปเปิดบัญชีธนาคารในหลายจังหวัด เช่น สมุทรปราการ ปทุมธานี และระยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Read More

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพขโมยบัตรเครดิตไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการว่า ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตเร่งตรวจสอบ ดูแล และชดเชยความเสียหายให้แก่ลูกค้าทุกรายที่ได้รับผลกระทบ โดยกำหนดให้ผู้ถือบัตรเครดิตไม่ต้องรับผิดชอบต่อยอดใช้จ่ายและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการทุจริต ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรเต็มจำนวนภายใน 5 วัน นับจากวันที่ตรวจสอบพบว่าผู้ถือบัตรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ผิดปกติ พร้อมย้ำให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ธปท. ยังได้กำชับให้ผู้ให้บริการบัตรเครดิตติดตามร้านค้าที่มีความเสี่ยง โดยเน้นย้ำการตรวจสอบ KYC (Know Your Customer) และการประเมินความเสี่ยง รวมถึงการติดตามพฤติกรรมของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง หากพบพฤติกรรมน่าสงสัยหรือเข้าข่ายให้บริการที่ไม่ถูกกฎหมาย ต้องยุติการให้บริการทันที และพิจารณาดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม สำหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือร้องเรียนปัญหาการใช้บริการทางการเงิน สามารถติดต่อ BOT contact center โทร. 1213

Read More

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึงนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ แฉข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนตึก 25 ชั้น ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเคยถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตึกดังกล่าวมีการปิดหน้าต่างมิดชิด เพื่อป้องกันคนหนี ล่าสุดมีคนไทยตกตึกเสียชีวิต คาดว่าพยายามหลบหนี เนื่องจากชั้นล่างมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังยื่นข้อมูลการจับกุมทุนจีน พร้อมอายัดทรัพย์กว่า 700 ล้านบาท ในสมัยที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่กลับปล่อยตัวผู้ต้องหา และคืนทรัพย์สินทั้งหมด โดยไม่มีการดำเนินคดี จึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาใหญ่ สร้างความเสียหายต่อประเทศไทยนับแสนล้านบาทต่อปี จึงควรเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่า กมธ. จะเร่งพิจารณาเรื่องนี้ และผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง ขณะที่ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เผยว่า ชายไทยที่ตกตึกเสียชีวิตในปอยเปต อาคารที่เกิดเหตุเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง อยู่ระหว่างประสานข้อมูลกับทางการกัมพูชา เพื่อเร่งสืบสวนขยายผล

Read More