- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
เป็นปฏิบัติการเมื่อเย็นวานนี้ หลังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (สบอ.2) ศรีราชา พบช้างฝูงจำนวนประมาณ 60 ตัว แต่ลูกช้างป่าบาดเจ็บบริเวณขาหน้าขวาเนื่องจากถูกบ่วงรัดข้อเท้า ลักษณะเดินกะเผลกไม่ลงน้ำหนักขาหน้าขวา หากินอยู่กับแม่ช้าง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 หน่วยพิทักษ์ป่าแก่งหางแมว และทีมสัตวแพทย์ จึงจัดทีมวางแผนเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยเริ่มจากให้ยาซึมเข้ากล้ามเนื้อให้พร้อมกันทั้งสองตัว แม่ช้าง 2 เข็ม และ ลูกช้าง 1 เข็ม จากนั้นช้างป่าทั้งฝูงหนีเข้าป่าไประยะประมาณ 100 เมตร ทีมผลักดันช้างป่าจึงผลักดันเข้าป่าโดยมีทีมสัตวแพทย์ตามเข้าไป และพบว่าแม่ช้างยืนซึมคร่อมลูกช้างที่นอนหลับพร้อมกับช้างพี่เลี้ยงอีก 2 ตัว ทีมสัตวแพทย์จึงเข้าไป เพื่อทำการตัดบ่วงไนลอนที่รัดบริเวณข้อเท้า ตรวจสอบบาดแผลรอบข้อเท้าลึกประมาณ 15 เซนติเมตร มีหนอนไชแผล และเน่าหลายจุด รวมถึงพบว่ามีบาดแผลเดิมที่หายในบางจุดด้วยเช่นกัน จึงได้ทำการล้างแผล ขัดแผล ฉีดยาฆ่าเชื้อ วัคซีนบาดทะยัก เข้ากล้ามเนื้อและใต้ชั้นผิวหนัง แล้วให้ยาต้านฤทธิ์ซึม เข้ากล้ามเนื้อลูกช้างและแม่ช้าง เสร็จสิ้นภารกิจรักษาลูกช้างป่าบาดเจ็บได้สำเร็จ ขอบคุณข้อมูล-ภาพ FB:กรมอุทยานแห่งชาติฯ
โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคเตรียมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ทวงถามความยุติธรรมเรื่องพลังงานไทย พร้อมแถลงท่าทีของอนุกรรมการด้านพลังงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ในบ่ายวันนี้ (25 ธ.ค.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตึกจามจุรีสแควร์ ทั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวหลังเห็นว่าผู้บริโภคไทยกำลังเผชิญกับภาระ ค่าไฟฟ้าที่สูงเกินความจำเป็น เนื่องจากการตัดสินใจเปิดรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนจากเอกชนโดยไม่มีการประมูล ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงท่าทีของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ที่เดินหน้าซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งที่ไฟฟ้าล้นเศรษฐกิจ ที่เป็นแผนสืบเนื่องจากการซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ต้องขึ้นค่าไฟฟ้าเอื้อกลุ่มทุนพลังาน แต่เป็นการเพิ่มภาระค่าครองชีพกับประชาชน อีกทั้งยังมีคำถามกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ไปตีกอล์ฟกับผู้บริหารกลุ่มทุนพลังงานอีกด้วย โดยเมื่อวานนี้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะประธาน กพช.ยกเลิกรับซื้อไฟฟ้าอีก 3,600 เมกะวัตต์ ที่มีการกำหนดวิธีรับซื้อโดยวิธีคัดเลือกการรับซื้อล็อกล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2565-2573 โดยไม่มีการแข่งขัน ทำให้คนไทยจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นในอีก 25 ปีข้างหน้า หลังนายกฯ และรัฐบาลมีท่าทีปัดความรับผิดชอบอ้างไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ ทั้งที่มีอำนาจยับยั้งได้ในฐานะเป็นประธาน กพช. ก่อนเส้นตายภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้
สลดใจ ตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบซากช้างป่ามีบาดแผลเป็นรูคล้ายถูกยิง ล้มคาสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประสาน สบอ.2 ศรีราชา ส่งทีมสัตว์แพทย์ตรวจพิสูจน์ซากหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบตามตัวช้างป่าพลายหนุ่มมีบาดแผลเป็นรู คล้ายถูกยิงด้วยกระสุนเข้าที่ใบหูข้างขวาทะลุเข้าที่ขมับฝังในจำนวน 2 แห่ง ที่ขาซ้ายหน้าช่วงข้อพับ 1 แห่งและที่ ขาหลังด้านขวาช่วงส้นเท้าอีก 1 แห่ง นอกจากนี้ยังพบปลอกเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตรตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพและตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานงานส่งซากช้างป่าให้ทางทีมสัตว์แพทย์เพื่อผ่าชันสูตรและหาสาเหตุ โดยชาวสวนยางในพื้นที่ได้เล่าว่า เดิมทีพื้นที่ตรงนี้ยังมีช้างป่าไม่มากนัก แต่ปัจจุบันประชากรช้างป่ามีจำนวนมากขึ้น และเริ่มมีการรุกล้ำเข้ามาหากินในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน จนมีชาวบ้านถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต ขณะเดียวกันช้างป่าก็ถูกทำร้ายจากน้ำมือมนุษย์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังช้างป่า แต่ก็ไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มกำลังคนและมาตรการ ในการเฝ้าดูแลและผลักดันช้างให้มากกว่านี้ ตลอดจนการควบคุมประชากรช้าง เพื่อจะใด้ลดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย
ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว หลังคณะกรรมการคัดเลือกที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน ได้เคาะชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 67ท่ามกลางเสียงคัดค้านคุณสมบัติว่า นายกิตติรัตน์ มีคุณสมบัติต้องห้าม เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาของนายกฯ และประธานคกก.แก้หนี้นอกระบบ ในรัฐบาลเศรษฐา ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และพ้นตำแหน่งไม่ถึงหนึ่งปี เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามระเบียบที่กำหนดไว้ ทำให้ยังไม่มีการนำเรื่องเข้าครม. เพื่อนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า การนำรายชื่อนายกิตติรัตน์ เข้าครม. หน่วยงานต้นสังกัดที่เสนอต้องตรวจคุณสมบัติก่อน จะเหลือเพียงในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะส่งความเห็นไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ก็คงทราบว่าความเห็นเป็นอย่างไร หากกฤษฎีกาชี้ว่าไม่ผ่าน ก็ต้องรีบเสนอชื่ออื่น เพราะยังเหลือรายชื่อจากแบง์ชาติอยู่ เพราะเหลือเพียงตำแหน่งเดียว เชื่อว่าคณะกรรมการคัดเลือกเตรียมพร้อมอยู่แล้ว สำหรับรายชื่อที่แบงก์ชาติเสนอให้คัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มี 2 คน ประกอบด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ออกมาตอบโต้คำปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างการหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 พาดพิงพรรคประชาชนในทำนองว่า พูดเก่งแต่ทำไม่เป็น โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง “พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น” เป็นข้อกล่าวหาที่คุณทักษิณควรสื่อสารกับใคร? พร้อมตั้งคำถามว่าหมายถึงรัฐบาลเศรษฐาและแพทองธารใช่หรือไม่ โดยยกสามตัวอย่างที่สะท้อนถึงพูดเก่งแต่ทำไม่เป็นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนี้ตัวอย่าง #1 : ค่าแรง สิ่งที่พูด: ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทุกอาชีพ ทั่วประเทศ เริ่ม 1 ตุลาคม 2567 โดยจะประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่พร้อม ให้พร้อมภายในกรอบเวลาดังกล่าว (พูดไว้เมื่อ 2 พ.ค. 67).สิ่งที่ทำ: ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 337-400 บาทต่อวัน โดยจะขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันเฉพาะ 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ เริ่ม 1 มกราคม 2568 (ตามมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการค่าจ้างในวันที่ 23 ธ.ค. 67) ตัวอย่าง #2 : ค่าไฟ สิ่งที่พูด: นายกฯ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยดูเรื่องราคาพลังงานและค่าไฟ เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและเป็นต้นทุนในหลายด้านของครัวเรือน (พูดในที่ประชุม กพช. ในวันที่ 26 พ.ย. 67) สิ่งที่ทำ: นายกฯ ปล่อยปละละเลย ไม่ขอมติจากที่ประชุม กพช. เพื่อเป็นแนวทางให้ กกพ. ระงับการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 MW (ที่มีปัญหาเรื่องการกีดกันการแข่งขัน ความไม่โปร่งใสของหลักเกณฑ์ และความซ้ำซ้อนกับนโยบาย Direct PPA) ทั้งๆที่การปล่อยให้สัญญาดังกล่าวเดินหน้าต่อไป จะทำให้ค่าไฟประชาชนแพงกว่าที่ควรจะเป็น (ถ้าจะอ้างว่านายกเป็นประธาน กพช. ที่มีแค่ 1 เสียงใน กพช. ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะประมาณ…
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะเป็นประธาน กพช. ให้ยกเลิกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ โดยมีการนำโพสต์เดิมของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง มีเนื้อหาระบุถึงปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ประจานความล้มเหลวรัฐบาพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะไฟฟ้าล้นจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ แต่ให้ใบอนุญาตเพิ่ม 5,200 เมกะวัตต์ มั่นใจพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซหุงต้ม พร้อมปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ สะท้อนจุดยืนว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่กลับเดินหน้าซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอีก 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นแผนสืบเนื่องจากการซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธโดยตรง โดยกพช.เป็นผู้กำหนดวิธีรับซื้อโดยวิธีคัดเลือก การรับซื้อล็อกล่วงหน้าถึงแปดปี คือ 2565-2573 ไม่มีการแข่งขัน ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นในอีก 25 ปีข้างหน้า “นายกฯ และรัฐบาลกำลังปัดความรับผิดชอบ อ้างว่าไม่มีอำนาจเต็มในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่มีอำนาจสามารถยับยั้งได้ เพราะโครงการริเริ่มใน กพช.ยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องยกเลิกโดยนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ซึ่งมีเส้นตายภายในวันที่ 30 ธ.ค. 67 ถ้าไม่ยกเลิกก็จะไม่สามารถยกเลิกได้อีก เพราะตามระเบียบการรับซื้อกำหนดว่า กกพ. ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงก่อนการลงนามในสัญญา แปลว่ายกเลิกได้ตราบที่ยังไม่มีการลงนาม ดังนั้นระหว่างนี้จึงสามารถยกเลิกได้จากการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายแห่งรัฐ ซึ่งกพช.เป็นคนกำหนดนโยบาย ถ้านายกฯ จะอ้างว่าไม่สามารถกุมสภาพเสียงข้างมากใน กพช.ได้ ก็ต้องยุบสภา เพราะ 14 ใน 19 ของกพช. คือ ครม.ที่นายกฯ ตั้ง ถ้านายกฯ ประสงค์จะยกเลิกย่อมทำได้ แต่ถ้าไม่ได้ เพราะกุมสภาพเสียงข้างมากไม่ได้ ก็แสดงว่าคุม ครม.ไม่ได้ ต้องยุบสภา“ นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีทางเลือกทำให้ถูกกว่านี้ได้ แต่กลับไม่ทำ เพราะการรับซื้อไฟครั้งนี้ผูกสัญญาสัมปทานนานถึง 25 ปี ใช้วิธีคัดเลือก อาจส่งผลกระทบให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแฟงถึงแสนล้านบาทตลอด 25 ปี ทางเลือกที่ดีกว่าคือการเพิ่มโควตาการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงที่เรียกว่า ไดเร็ก พีพีเอ จาก 2,000 เมกะวัตต์…
รศ.ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ครม.พรรคร่วมรัฐบาลต้องยับยั้ง ทักษิณ-เพื่อไทย ลุยไฟตั้ง “กิตติรัตน์” ประธานแบงก์ชาติ เนื้อหาระบุว่า ต้นมกราคมนี้ คณะรัฐมนตรีจะนำรายชื่อนายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง เข้าพิจารณาเพื่อมีมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้า เพื่อลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งเป็นประธานบอร์ดแบงค์ชาติ ในฐานะนักวิชาการที่ติดตามในเรื่องนี้มาแต่ต้น ขอแสดงความห่วงใยมายังพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องรับผิดชอบในมติดังกล่าวดังต่อไปนี้ ⚫️ด้านคุณสมบัติ ตามพระราชบัญญัติของธนาคารแห่งประเทศไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง แม้จะได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่านายกิตติรัตน์มีความสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างแนบแน่นกับพรรคเพื่อไทย และที่จำต้องออกจากตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีไปพร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯต้องพ้นจากตำแหน่ง นายกิตติรัตน์จึงต้องพ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และนับถึงปัจจุบันก็ยังไม่ครบหนึ่งปีตามกฏหมายกำหนด ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน เพราะเข้ารับตำแหน่งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีอำนาจตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้เรียกข้าราชการและข้อมูลทางราชการได้ ได้รับค่าตอบแทนเบี้ยประชุมและมีอิทธิพลต่อนโยบายสั่งการของนายกรัฐมนตรี การตีความว่าตำแหน่งใดจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องพิจารณาจากเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติแต่ละฉบับที่ระบุ จะใช้การตีความโดยทั่วไปหรืออ้างการตีความของพระราชบัญญัติอื่นไม่ได้ ดังนั้นกรณีนี้จะต้องพิจารณาจากเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ต้องการให้พรรคการเมืองและนักการเมืองเข้าครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทยที่ควรเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายและดำเนินมาตรการทางการเงิน ตามมาตรฐานสากลในอารยะประเทศ เพราะมิฉะนั้นจะเกิดผลเสียแก่ประเทศอย่างมากและยากที่จะเยียวยา ⚫️ด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยประเทศไทย กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมได้เคยระบุไว้ในแถลงการณ์มาแล้วว่า ตำแหน่งประธานและกรรมการธนาคารแห่งชาติ (บอร์ดแบงก์ชาติ) เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะมีความเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน นโยบายกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ และมีบทบาททางตรงในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ แม้ว่าประธานและคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ได้กำหนดนโยบายดอกเบี้ยโดยตรง ไม่ได้มีหน้าที่กำกับการแทรกแซงค่าเงินบาทโดยตรง แต่ก็อาจรู้ล่วงหน้าว่าแบงก์ชาติจะปรับดอกเบี้ยขึ้นหรือลง หรือจะเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทเมื่อใด เพราะอาจส่งคนของตนเข้าไปเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ข้อมูลล่วงหน้าเหล่านี้สามารถนำไปใช้เก็งกำไรในตลาดการเงินหรือการลงทุนได้ เช่นทำการซื้อหรือขายหุ้นล่วงหน้า (insider trading) หรือในกรณีการแทรกแซงค่าเงินบาทนั้นหากรู้ก่อนก็สามารถหาประโยชน์ได้มหาศาล ตัวอย่างในประเทศไทยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 ที่มีข้อกังขาว่านักการเมืองในระบอบทักษิณและกลุ่มพวกพ้องได้ใช้ข้อมูลที่รู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท เปลี่ยนเงินบาทของตนเป็นดอลลาร์ล่วงหน้า สร้างกำไรให้ตัวเอง ขณะที่เศรษฐกิจทั้งประเทศเผชิญความเสียหายรุนแรง ประชาชนต้องแบกรับภาระหนักจากการล่มสลายของระบบการเงิน หากนโยบายการเงินถูกแทรกแซงให้สนองนโยบายทางการเมืองเป็นหลัก ก็จะเกิดผลเสียตามมามากมาย ตัวอย่างเช่น การลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แม้จะช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในช่วงแรก แต่ในระยะยาวกลับสร้างปัญหาใหม่ เช่น หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อจนค่าครองชีพสูงขึ้น ตัวอย่างในกรณีของประเทศอาร์เจนตินา หลายครั้งที่รัฐบาลกดดันให้ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยและปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสูง ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว ในส่วนการแทรกแซงค่าเงินบาทนั้น นักการเมืองมักจะชอบสร้างภาพผลงานที่เกินจริง หรือปกปิดผลกระทบเชิงลบจากการทำนโยบาย เพื่อให้ได้การยอมรับและเสียงสนับสนุนจากประชาชนเช่น อ้างว่าได้ทำการสั่งแบงก์ชาติแทรกแซงเงินบาทเพื่อดันเป้าส่งออกไทยโต 15% ประวัติในอดีตของผู้ที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เขาเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เคยพูดเท็จเพื่อหวังผลทางการเมืองมาแล้ว และอ้างว่าเป็นการโกหกด้วยเจตนาดี หรือ”โกหกสีขาว” ซึ่งส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือไม่เพียงของรัฐบาลแต่กระทบถึงความน่าเชื่อถือของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย ถ้ากลุ่มการเมืองมีอำนาจเหนือธนาคารแห่งประเทศไทย อาจสั่งหรือกดดันให้แบงก์ชาติรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดแรกเพื่อให้รัฐบาลกู้เงินได้ง่ายขึ้น (monetary financing)…
The Publisher ได้รับข้อมูลว่า ตอนนี้ 7 นักโทษคดีโกงจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้ง 7 คนประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ โทษจำคุก 48 ปี นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ โทษจำคุก 36 ปี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ โทษจำคุก 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ โทษจำคุก 32 ปี น.ส.รัตนา แซ่งเฮ้ง โทษจำคุก 16 ปี นายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร โทษจำคุก 48 คดี และนายนิมล หรือ โจ รักดี โทษจำคุก 32 ปี โดยทั้งหมดได้รับการเลื่อนชั้นนักโทษแบบรัว ๆ ภายในปี 2563 ปีเดียว เลื่อนจากชั้นกลางเป็นชั้นดี ชั้นดีมาก และชั้นเยี่ยม เกิดคำถามมีกระบวนการวิ่งเต้น หรือช่องว่างในการหาประโยชน์เกิดขึ้นในกระบวนการนี้หรือไม่ จึงทำให้มีการเลื่อนชั้นได้รวดเร็วกว่านักโทษปกติ ไม่เพียงเท่านั้นกรณีของนายบุญทรง และนายภูมิ ยังถูกบันทึกไว้ว่าไม่ได้อยู่ที่เรือนจำ แต่สถานที่จำคุกกลับเป็นโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วย นอกจากนี้นักโทษทั้ง 7 คนในคดีโกงจีทูจียังได้รับการอภัยโทษแบบรัว ๆ อีกด้วย โดยในส่วนของนายบุญทรง และนายภูมิ ได้รับการอภัยโทษ 4 ครั้ง ปี 2563 1 ครั้ง และปี 2564 รวม 3 ครั้ง ขณะที่นายมนัส ก็ได้รับการอภัยโทษ 4 ครั้ง ปี 2563 2 ครั้ง และปี 2564…
นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT รวบรวม 10 กรณีคอร์รัปชันแห่งปี 2567 ที่สั่นสะเทือนการเมือง และสังคมไทย รวมถึงสร้างความสงสัยกับคนไทยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดย 10 กรณีเป็นคดีดังทั้งสิ้นเริ่มจาก กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ โดยยกตัวอย่างนักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าวที่ได้อิสระเร็วเกินคาด ซึ่งนายมานะมองว่าการลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์นี้คือ “โกงซ้อนโกง” กรณีเพลิงไหม้รถนำเที่ยวนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต ที่โศกนาฏกรรมนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ไม่มีท่าทีรัฐบาลี่จะหยุด ส่วย-สินบน ที่ปล่อยให้รถเถื่อนวิ่งเต็มถนน หรือกรณีนายอิทธิพล คุณปลื้ม ที่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ พร้อมกับเกิดประเด็นว่าการหนีคดีของจำเลย ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีกรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง ที่อิทธิพลนักการเมืองใหญ่ เหนือคำพิพากษาศาลฏีกา และศาลปกครองสูงสุด สุดท้ายสมบัติชาติจะได้รับการปกป้อง หรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่ก่อนที่ผู้มีอิทธิพลงจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวในราคาแสนถูกหรือไม่ หรือกรณีล้มสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่เปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนนักธุรกิจเยาะหยันความโปร่งใสเป็นเรื่องเพ้อฝัน รวมถึงกรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก.หลายแสนไร่ทั่วประเทศ หลังมีนโยบาย ส.ป.ก.ทองคำ แปลงเป็นโฉนดจนที่ ส.ป.ก. อยู่ในมือนายทุน และยังถูกบุกรุกไปเรื่อย ๆ หรือกรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียมที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ถูกลงโทษจริงจัง กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง และนายทุนนำเข้าเกี่ยวข้อง กรณีปลาหมอคางดำที่สร้างวิกฤตสัตว์น้ำรุนแรง และสุดท้ายกรณีดิ ไอคอน ที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมเรียกรับสินบนจากคนหลายหน่วยงาน
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยคณะ แถลงข่าวส่งมอบสำนวนคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ให้แก่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ DSI รับสำนวนคดีนี้จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 โดยดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 119/2567 ซึ่งใช้เวลาเพียง 54 วัน ก็สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 19 ราย ประกอบด้วยนิติบุคคล 1 ราย คือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และบุคคลธรรมดาอีก 18 ราย นำโดยนายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าวว่า คดีนี้มีพยานเอกสารมากถึง 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก ผู้เสียหาย 7,875 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,644 ล้านบาท DSI ได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้ว 747,640,000 บาท ประกอบด้วยอาคารและที่ดิน สำหรับข้อหาที่ DSI เสนอให้อัยการสั่งฟ้องทั้ง 19 ราย มี 5 ข้อหาหลัก ได้แก่1. ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 25272. ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงในลักษณะชักชวนเข้าร่วมเครือข่ายโดยให้ผลตอบแทนจากการหาสมาชิกใหม่ ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 25453. ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 25454. ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน5. ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อธิบดี DSI ยังกล่าวขอบคุณ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ…