Browsing: News

กลายเป็นดรามาที่ทำเอาหัวใจคนรักสัตว์แทบแหลกสลาย หลังละครฟอร์มยักษ์แห่งปีของช่อง one31 อย่างเรื่อง “แม่หยัว” มีฉากแมวดำตัวหนึ่งโดนยาพิษก่อนจะชักกระตุกตายคาที่ โดยฉากนั้นแมวดำตัวดังกล่าวมีอาการกระตุกเกร็ง ตัวโก่ง ดวงตาเลื่อนลอย สมจริงจนเกิดการตั้งคำถามจากแฟนละครรวมถึงความเหมาะสมของการถ่ายทำ จากนั้นก็ได้มีหนึ่งในทีมงานได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “น้องแมวไม่ได้ตุยจริงน๊า เราวางยาสลบแมว แต่ตอนถ่ายทำ แล้วน้องขย่อน กระตุกๆ คือนึกว่าตายจริง ป้าจ๋ากับน้องเฟิร์น หน้าถอดสี ตกใจจริง ๆ” ซึ่งประเด็นนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมมากมาย ส่งผลให้แฮชแท็ก #แบนแม่หยัว พุ่งทะยานจนติดเทรนด์ X เกิดกระแสการเรียกร้องให้ทางช่องถอดละครเรื่องดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้สปอนเซอร์ถอนตัว ไม่สนับละครที่ทารุณกรรมสัตว์ วางยาสัตว์เพื่อความบันเทิง ร้อนถึงทางช่อง one31 ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ด้าน “สัตวแพทยสภา ประเทศไทย” ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยได้กล่าวถึงความอันตรายและข้อควรระวังในการวางยาสลบสัตว์ ระบุว่า “การวางยาสลบในทางสัตวแพทย์เป็นกระบวนการที่ทำให้สัตว์เกิดสภาวะหมดความรู้สึกของร่างกาย การตอบสนองต่อสิ่งเร้าลดลงหรือหมดไป เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำหัตถการต่อสัตว์ในการป้องกัน การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคที่สัตวแพทย์ไม่สามารถกระทำในขณะที่สัตว์รู้สึกตัวได้ หรือนำมาใช้ในการจับบังคับสัตว์ที่ควบคุมได้ยากเพื่อการเคลื่อนย้ายสัตว์ เป็นต้น” “โดยการให้ยาสลบนั้นมีสิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงหลายประการ เนื่องจากฤทธิ์ของยาที่นอกเหนือไปจากการทำให้สัตว์หมดสติแล้วยังมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย ทั้งระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลข้างเคียงต่อระบบบไหลเวียนโลหิต และระบบทางเดินหายใจ ที่ถูกกดการทำงานมากขึ้น เมื่อระดับการสลบลึกขึ้น ผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของยาสลบและยานำสลบที่ใช้” “การประเมินสุขภาพสัตว์อย่างละเอียดรอบคอบครบถ้วนสมบูรณ์นั้น จึงเป็นสิ่งที่สัตวแพทย์จะต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เพียงพอ ในการนำมาวางแผนเตรียมตัว ปรับสภาพร่างกายสัตว์ให้มีความพร้อมต่อการรับการวางยาสลบ และเลือกใช้ชนิดยาในการวางยาได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสของการเกิดผลไม่พึงประสงค์ได้” “นอกจากนี้ พึงตระหนักว่าภาวะแทรกช้อนในการวางยาสลบสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เริ่มต้นให้ยานำสลบกลุ่ม premedication ขณะเหนี่ยวนำการสลบ ขณะคงภาวะสลบ ไปจนกระทั่งระยะพักฟื้นหรือขณะสัตว์ตื่นจากการสลบ ดังนั้น การวางยาสลบสัตว์จึงควรดำเนินการ หรือควบคุมการดำเนินการอย่างใกล้ชิดโดยสัตวแพทย์” “และควรมีการวางแผนให้มีอุปกรณ์และผู้เฝ้าระวังติดตามสัญญาณชีพของสัตว์ อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา มีการปรับระดับความลึกของการสลบให้เหมาะสม และมีการเตรียมพร้อมทั้งทางด้านอุปกรณ์ สารน้ำ และเวชภัณฑ์ฉุกเฉิน ที่ทำให้สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาแทรกช้อนเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที การกระทำที่ไม่รอบคอบหรือไม่มีการวางแผนเตรียมความพร้อมอย่างถูกต้อง หรือการวางยาสลบในสัตว์โดยไม่มีเหตุจำเป็น อาจส่งผลเพิ่มความเสี่ยงให้สัตว์ได้รับอันตรายจนถึงเสียชีวิตได้” สุดท้ายนี้ The Publisher ขอฝากเอาไว้ อยากให้ทุกท่านพึงระลึกไว้เสมอ 1 ชีวิตก็มีค่า แม้ชีวิตนั้นจะเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉาน เขาพูดไม่ได้ เขาปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์ผู้เป็นถึงสัตว์ประเสริฐจะปฏิบัติต่อชีวิตของเขาอย่างไรก็ได้

Read More

หลังมีการเคลื่อนไหวจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ในการให้นักวิชาการและประชาชนร่วมลงชื่อ คัดค้านการเมืองแทรกแซงแบงก์ชาติ โดยมีประเด็นสำคัญอยู่ที่การแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่ฝ่ายการเมืองเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้คณะกรรมการคัดเลือก โดยมีผู้สนับสนุนมากกว่า 600 คน ยังไม่รวมที่ลงชื่อกับกองทัพธรรมมากกว่า 3 หมื่นคน ล่าสุดมีกลุ่มสนับสนุนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่ามีความรู้ความสามารถ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติผุดขึ้นมาล่ารายชื่อสู้ ผ่านไลน์กรุ๊ปของกลุ่มที่เรียนหลักสูตรต่าง ๆ ในวิทยาการตลาดทุน ขณะที่นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ สวตท. ได้ออกคำชี้แจงว่า วตท.หรือ สวตท. อยู่ในสถานะดำรีงตนเป็นกลาง เพื่อความภราดรภาพในหมู่สมาชิก จะไม่มีทาง มีหนังสือหรือข้อความดังกล่าว ออกจาก สวตท. เข้าใจว่า เป็นข้อความชักชวนกันผ่านทางไลน์ น่าจะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะรุ่นมากกว่า ซึ่ง สวตท.ไม่ก้าวล่วง สำหรับการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 11 พ.ย.67 หลังเลื่อนมาแล้วสองครั้ง มีชื่อที่ถูกเสนอให้เป็นประธานบอร์แบงก์ชาติ 3 คน คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จากกระทรวงการคลัง นายสุรพล นิติไกรพจน์ และนายกุลิศ สมบัติศิริ จากแบงก์ชาติ

Read More

2 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดประเด็นสะเทือนไปถึงรัฐบาลทันที เมื่อ “คนครอบครอง” รัฐบาลและนายกฯ แพทองธาร คือนายทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นนักโทษที่ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ ให้อยู่โรงพยาบาลตำรวจแบบที่มีหลายหน่วยงานเข้าด้วยช่วยเหลือ จากผลสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. โดยพบประเด็นปัญหาดังนี้ 1.เรือนจำพิเศษส่งตัวนายทักษิณไปรักษาที่ รพ.ตำรวจแบบเลือกปฏิบัติ2.การพักรักษาตัวนาน 181 วัน ขาดความโปร่งใสในการรายงานอาการป่วย3.ทักษิณหายป่วยเร็ว หลังได้รับการพักโทษ ทั้งที่เคยอ้างอาการวิกฤต4.กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถตรวจสอบการใช้ห้องพิเศษของผู้ต้องขังได้5.การกระทำของเรือนจำและรพ.ตำรวจ เข้าข่ายเลือกปฏิบัติ6.ละเมิดหลักความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชน7.ใช้ช่องโหว่กฎกระทรวงยุติธรรม เอื้อต่อการเลือกปฏิบัติ ผลจากข้อสรุปดังกล่าว กสม.ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของ รพ.ตำรวจและเรือนจำพิเศษ รวมถึงส่งแพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ และแนะนำให้มีการทบทวนแก้ไขกฎกระทรวงฯ เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานข้อมูลผู้ต้องขัง ขณะที่ความพยายามที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ของกรรมาธิการความมั่นคงฯ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานฯ ก็พบความผิดปกติ และพิรุธที่ไม่แตกต่างจากผลสรุปของ กสม. โดยนายรังสิมันต์ ถึงกับออกปากว่า นับตั้งแต่เขาประชุมกมธ.มา 53 ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานฯ น้อยขนาดนี้ แต่จะยังแสวงหาความจริงต่อไป ซึ่งการให้ความร่วมมือน้อยเช่นนี้ยิ่งเป็นพิรุธ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้ประชาชนต่อไป ไม่เป็นผลดีต่อระบบยุติธรรมไทย

Read More

ผ่านไปสามวันแล้วกับเส้นทางชีวิตใหม่ของ “พลายขุนเดช” ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จ.ลำปาง บ้านใหม่ที่จะให้ทั้งร่มเงาและการดูแลรักษา “คุณหมอต้อม” นายสัตวแพทย์ ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จ.ลำปาง เปิดเผยกับ The Publisher ว่า อยู่ระหว่างการปรับตัวแบบเสต็ปบายเสต็ป มีควาญกินนอนด้วยกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ พัฒนาการเป็นไปในทางบวก มีการทำแผลทุกวัน พาจากจุดนอน จุดกิน ดำรงชีวิตตามปกติ โดยมีการจัดควาญที่จะดูแลไว้แล้วแต่ยังไม่ได้เปิดตัว ถ้าเราสื่อสารกับน้องรู้เรื่องจะเริ่มวินิจฉัยดูการเดิน ตรวจมวลกล้ามเนื้อ กระดูก โครงสร้างของแผล โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาดู เมื่อวินิจฉัยแล้วจะเริ่มกระบวนการรักษาเริ่มจากแผลที่เจ็บและความสมดุลของร่างกาย ส่วนอารมณ์ของ “พลายขุนเดช” ที่เคยถูกระบุว่า ดุร้ายนั้น ”คุณหมอต้อม“ บอกว่า เท่าที่สังเกตจะมีบางช่วงที่ไม่ถูกใจก็จะแสดงอาการกระฟัดกระเฟียด แต่พอควาญปลอบเขาก็สงบลง เป็นการแสดงสัญชาติญาณของ “ช้างป่า” มากกว่า ไม่ได้เกิดจากความดุร้าย ซึ่งความจริงการแสดงออกของ “พลายขุนเดช” เป็นสัญญาณที่ดี การต่อต้านกับสิ่งแปลกใหม่ หรือสัญชาติญาณสัตว์ป่าแบบนี้ถ้าเข้ามภูเขาไปได้ เราจะเจอแหล่งน้ำใหญ่ เขาจะยอมรับควาญแบบสุดใจ “ที่กังวลคือเรื่องสุขภาพ ขาซ้ายที่บาดเจ็บซึ่งยาวกว่าขาขวา เพราะมีผลต่อการใช้ชีวิตที่ทำให้สันหลังผิดรูป ถ้าสั้นต่อได้ ยาวตัดเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับต้องตัดขาซ้าย ซึ่งคงต้องระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดการรักษาต่อไป อีกประเด็นที่เป็นห่วงคือเรื่องการตกมัน เพราะจากประวัติ “พลายขุนเดช” จะตกมันในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม แต่ในความเป็นจริงถึงจะตกมัน ก็เชื่อว่าด้วยการดูแลของเราจะเน้นที่ความปลอดภัยและความสบายใจของตัวช้างเป็นหลัก ให้ช้างได้อยู่แบบผ่อนคลายเป็นหลัก”

Read More

ช่วงเช้าที่ผ่านมามีการประกอบพิธีทางศาสนา ส่ง “กันยา” ลูกสาวแห่งชาติกลับดาวช้าง หลังน้องจากไปด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้างช่วงกลางดึกของวันที่ 5 พ.ย.67 คุณภัทร ธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย เจ้าของปางช้างภัทร เล่าถึงความประทับใจในช่วงที่ดูแล “กันยา” ว่า น้องเป็นสิ่งที่เหนือสิ่งมีชีวิตทั่วไป มีความตระหนักรู้ว่าต้องทำแค่ไหนให้มีชีวิตรอด ถึงแม้ไม่มีความสมบูรณ์ในด้านร่างกาย แต่ด้านจิตใจเขารู้ข้อจำกัดของตัวเอง ดูได้จากการแบ่งนมจากน้องธารินที่มีแม่เป็นของตัวเอง กันยา จะเลือกกินนมเฉพาะเต้าเดียวไม่กินทั้งสองเต้า เหมือนไม่อยากรบกวนธาริน จนได้แม่โมมา กันยาถึงได้กินนมทั้งซ้ายและขวา เป็นตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก และนักสู้ที่สู้จนถึงวาระสุดท้าย กันยาเป็นช้างที่มีบุญ เพราะทุกนาทีของการมีชีวิตของเขา เปี่ยมไปด้วยความรักของคนทั้งประเทศ ไม่มีนาทีไหนเลยที่กันยาไม่ได้รับความรัก เป็นช้างที่ดีของควาญ แม้มีช่วงเวลาอยู่ด้วยกันสั้น ถือว่าเกิดมาไม่ครบแต่โตมาครบด้วยความรักและการเติมเต็มของคนไทยทั้งประเทศ คุณภัทร ยังแสดงความเป็นห่วงคนที่รักกันยาว่าจะทำใจไม่ได้ โดยขอให้ทำใจเดินไปข้างหน้า วางแนวทางการลงทุนวิจัยเรื่องวัคซีนที่มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะทำด้วยตัวเอง และยังมีความคิดที่จะทำพิธีผ่าจ้าน ซึ่งเป็นพิธีดั้งเดิมของชาวล้านนาเพื่อตัดความสัมพันธ์ให้เดินไปข้างหน้า หลังจากยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา พิธีผ่าจ้านถูกสื่อสารในทางที่ผิด จนเกิดความเข้าใจผิดต่อพิธีนี้ว่าเป็นการทารุณสัตว์ ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เป็นพิธีกรรมตามความเชื่อของลานนาว่า กรณีสามี ภรรยา รักกันมาก จากไปทำใจไม่ได้ต้องทำพิธีตัดสัมพันธ์ กรณีกันยามีหลายคนตัดใจไม่ได้ ทั้งพี่เลี้ยงและควาญ ก็ต้องดูว่า ทำพิธีผ่าจ้านตัดสัมพันธ์เพื่อเดินหน้าต่อไม่คิดทำร้ายตัวเอง อยากให้สังคมตระหนักรู้ให้ถูกต้องเกี่ยวกับพิธีผ่าจ้านด้วย ขณะที่หนูนา กัญจนา ศิลปอาชา เข้ามาแสดงความเห็นในไลฟ์ของศูนย์อนุรักช้างไทย จ.ลำปางว่า “สู่สุคตินะกันยา ป้ารักหนูมากเหลือเกิน”

Read More

เป็นกำหนดการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สดๆ ร้อนๆ ที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดน ที่ อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งมีปลัดกระทรวงกลาโหม และเสนาธิการทหารเรือร่วมคณะ ด้านหนึ่งเพื่อไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กองทัพเรือ ที่อยู่เฝ้าชายแดนไทย -กัมพูชา บริเวณเกาะกูด และเพื่อยืนยันให้ชัดเจนว่าไทยเป็นเจ้าของเกาะกูด ประเทศไทยเป็นเจ้าของเกาะกูด และบนเกาะกูดเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย มีหน่วยราชการและประชาชนอาศัยอยู่ เพื่อให้ประชาชนมีความสบายใจและมั่นใจขึ้น และกำลังทหารก็มั่นใจทำหน้าที่รักษาดินแดนและอธิปไตยของไทย ไม่ให้ใครมารุกล้ำ ทั้งนี้นายภูมิธรรมบอกว่า หลังรัฐบาลและฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็ช่วยลดความสับสนลงไปบ้าง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกุข่าว เป็นการพูดที่เลื่อนลอย ไม่ได้อยู่บนฐานของความเป็นจริง เกาะกูดเป็นของไทยมานานแล้ว คนไทยใช้ชีวิตที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ หน่วยราชการไทยก็ตั้งอยู่ จึงไม่เคยเป็นปัญหา เพียงแต่หยิบยกขึ้นมาเพื่อมาใช้สร้างประเด็นทางการเมืองเท่านั้น นอกจากนี้รัฐบาลต่าง ๆ ก็พยายามสนับสนุนให้ MOU 44 ดำเนินการต่อไป เพราะเป็นกลไก และเป็นเครื่องมือในการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล และประกาศไหล่ทวีปในขอบเขตของน่านน้ำ ซึ่งต่างคนต่างประกาศ จึงจะต้องใช้เอ็มโอยู 44 มาเจรจากันในเรื่องที่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน สิ่งสำคัญเป็นเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ที่สุดคืออยู่บนความพึงพอใจใน 2 ประเทศ และจะยืนยันว่ารักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยและรักษาทุกๆอย่างที่คิดว่าจะอำนวยประโยชน์ให้กับคนไทยให้ได้มากที่สุด

Read More

บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก “The iCon Group” แจ้งว่า บัญชีบริษัทถูกอายัด ทำให้ไม่สามารถคืนเงินลูกค้าที่ยกเลิกทริปท่องเที่ยว รวมถึงยอดเงินคืนอื่น ๆ ตามเงื่อนไขบริษัทประจำเดือนตุลาคม 2567 ได้ ประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับสำนวนการสอบสวนกรณีฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย DSI เห็นว่าคดีนี้เข้าข่ายความผิดต่อเนื่อง อาจเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน จึงรับเป็นคดีพิเศษ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ชี้แจงว่า การอายัดบัญชีเป็นเหตุสุดวิสัย ทำให้ต้องเลื่อนการคืนเงินออกไปก่อน จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ พร้อมทั้งขออภัยในความไม่สะดวก ใครสะดวกทำคลิปกันยาหน่อยค่ะ ย้อนตั้งแต่วันที่เจอไม่หายใจ ฝนตกหนักน้องรู้สึกตัว ช่วยเหลือจนไปอยู่ร่มแดนช้าง

Read More

เป็นคำถามจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ที่โพสต์ไว้หลังนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร บอกMOU44 ยกเลิกไม่ได้ หวั่นว่าจะถูกฟ้อง จึงต้องเดินหน้าเจรจาต่อ โดยนายสมชัยบอกการแถลงด้วยสีหน้าจริงจังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกแปลกๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จริงหรือ ใครสอนวิชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ได้ตั้งใจเรียน นายสมชัยอธิบายเหตุผลเป็นข้อ ๆ ว่า หนึ่ง เกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทย-ฝรั่งเศสปี 2450 สอง MOU ก็แค่บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญาที่มีผลบังคับผูกพันตามกฎหมาย และสนธิสัญญาหากฝ่ายใดละเมิดอีกฝ่ายสามารถฟ้องได้ แต่ MOU แค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือผ่าน ครม. ผ่านรัฐสภา จากนั้นก็แจ้งอีกฝ่ายว่าขอยกเลิก MOU เท่านั้น นายสมชัยบอกถึงข้อสามด้วยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU ก็ไม่ผิดอะไร แต่นายกฯ ไม่ได้พูดชัดสักคำว่าจะเดินหน้าเจรจาเรื่องเขตแดนควบคู่กับแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่บอกว่าขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยกันไปไม่จบ เสียเวลาคุย ก่อนที่นายสมชัยจะจบที่ข้อสี่ โดยยกตัวอย่างว่า วันหนึ่งเพื่อนบ้านคุณขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านแล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมุติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ

Read More

.ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด….กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ.และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !.“กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”.วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972.จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี.สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น.วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย.(1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958.(2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ….(3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง….(4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000.กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง.โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”.โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้.จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง.จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย.มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ”…

Read More

กลายเป็นประเด็นร้อนทันทีเมื่อกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม พร้อมด้วย 4 อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ร่วมลงชื่อคัดค้านการเมืองครอบงำแบงก์ชาติ โดยแสดงความกังวลต่อการเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิบอร์ดแบงก์ชาติ ที่จะคัดเลือกในวันที่ 4 พ.ย.67 เนื่องจากฝ่ายการเมืองมีความพยายามจะส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อการเมืองระยะสั้น แต่เสี่ยงกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว ที่เมื่อเสียหายแล้วยากที่จะแก้ไข ที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไร “รายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ได้สัมภาษณ์ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ เล่าให้ฟังถึงความกังวลของกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมว่า อำนาจของบอร์ดแบงก์ชาติที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ สามารถอนุมัติให้ใช้เงินสำรองระหว่างประเทศได้ด้วย “มีความเป็นห่วงว่าอาจมีความพยายามผ่านฝ่ายการเมืองล้วงเงินสำรองระหว่างประเทศมาใช้ในโครงการประชานิยมของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาเห็นการส่งสัญญาณหบายครั้งจากคนในรัฐบาลที่ต้องการจะนำเงินสำรองระหว่างประเทศมาใช้” รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ยังหวังว่าคณะกรรมการคัดเลือกจะใช้ดุลพินิจที่ถูกต้องในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม ไม่ใช่คนของฝ่ายการเมือง และแนะนำให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงการคลัง ให้คัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ถอนตัวจากการเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกับชวนคิดว่า น่าจะต้องมีการแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับองค์ประกอบคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งปัจจุบันมาจากอดีตข้าราชการระดับสูง โดยรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะมีการเลือกคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าแบงก์ชาติด้วย กติกาที่ให้กระทรวงการคลังเสนอหนึ่งชื่อ แบงก์ชาติเสนอสองเท่า ความจริงแบงก์ชาติเสียเปรียบเพราะคะแนนเสียงอาจแตก จึงน่าจะมีการปรับปรุงกฎหมายใหม่ด้วย ติดตามสัมภาษณ์ฉบับเต็มในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง

Read More