Author: Writer Publisher

เนื่องในวันคริสมาสต์ NASA ได้เผยภาพ “The Christmas Tree Cluster” เป็นของขวัญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ NASA เคยเปิดภาพ The Christmas Tree Cluster หรือ NGC 2264 ให้ผู้คนทั่วโลกได้ตื่นตามาก่อนเมื่อคริสมาสต์ปีที่แล้ว ซึ่ง “The Christmas Tree Cluster” นี้ อยู่ห่างจากโลกกว่า 2,500 ปีแสง ประกอบด้วยดวงดาวที่มีอายุระหว่าง 1-5 ล้านปีแสงในทางช้างเผือก ล่องลอยกระจัดกระจายอยู่ในอวกาศ แต่ภาพที่เห็นเป็นภาพการรวมตัวของกลุ่มก้อนเมฆสีเขียว ห้อมล้อมด้วยดวงดาวเล็กใหญ่หลากหลายสีสัน ทำให้กลุ่มเมฆที่ระยิบระยับถูกประดับประดาไปด้วยกระจุกดาว กลายเป็นภาพของต้นคริสมาสต์อันสดใสในจักรวาล

Read More

ย้อนดูการจัดงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองโพย พบว่า มีการจัดงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอย่างมีนัยยะสำคัญ เริ่มจากปีงบประมาณ 2567 ขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2568 ขาดดุล 8.7 แสนล้านบาท และปีงบประมาณ 2569 วางแผนขาดดุลอีก 8.6 แสนล้านบาท บวกดูแล้วพบว่าการจัดงบประมาณ 3 ปีของรัฐบาลเพื่อไทยรวมขาดดุลแล้วกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีเสียงเตือนจากหลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ สภาพัฒน์ฯ เตือนมาตั้งแต่การทำงบประมาณปี 2567 ว่า ต้องลดการขาดดุลลงให้ต่ำกว่า 3 % ของจีดีพี แต่การจัดงบประมาณของรัฐบาลเพื่อไทย สวนทางมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ขาดดุลเกิน 4 % ของจีดีพีไปแล้ว แน่นอนว่าหนี้สาธารณะจะพุ่งเป็นเงาตามตัว หากภาวะขาดดุลยังดำรงอยู่เช่นนี้ ไม่มีการแก้ไข คาดการณ์ว่าภายในปี 2572 ยอดหนี้สาธารณะจะแตะที่เพดาน 70 % ขณะที่การหารายได้เพิ่มยังไม่มีหนทางที่ชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นความพยายามสร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ทั้งพันธบัตรดิจิทัล ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างเงินสกุลใหม่มาแข่งกับสกุลเงินบาท ไปจนถึงการล็อกเป้าเล็งล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศมากระตุ้นเศรษฐกิจ นี่คือทัศนคติที่น่าห่วง เป็นกับดักและความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย ถ้ายังเดินตามรอยนี้ ไม่เพียงไม่ได้ตามเป้า เศรษฐกิจโต 4-5 % อาจตามมาด้วยการถูกลดเครดิตจากภาระหนี้ที่เกิดขึ้นด้วย

Read More

ปัญหาการตายอย่างโดดเดี่ยวในญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ หลังพบว่าประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปประมาณ 68,000 คน เสียชีวิตลำพังที่บ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น กระทั่งเริ่มมีกลิ่นเน่าโชยออกมา คนภายนอกจึงเริ่มรับรู้ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่ควรให้เกิดกับประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน เราสามารถเรียนรู้จากญี่ปุ่นและนำมาปรับใช้ โดยเน้นการสร้างระบบ โครงสร้างพื้นฐาน และปลูกฝังค่านิยมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ มีคำถามว่าเราเตรียมระบบเพื่อรับมือปัญหาเหล่านี้หรือยัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่คนเดียว เพื่อติดตามและให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อาจใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น แอปพลิเคชันสำหรับผู้สูงอายุ ระบบแจ้งเตือน สร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ เช่น อาสาสมัครเยี่ยมบ้าน จัดกิจกรรมในชุมชน สร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ที่สำคัญคือการสร้างโอกาสทางสังคมให้กับผู้สูงอายุ ได้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ไม่โดดเดี่ยว รวมถึงการลดช่องว่างของวัยด้วยการให้คนรุ่นใหม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สูงอายุมากขึ้น เคยถามตัวเองกันบ้างหรือไม่ว่า เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ลูก” คนเป็นพ่อแม่ทุ่มเทเต็มที่ เสียเท่าไหร่ก็ยอมควัก แต่พอเป็นเรื่องพ่อ แม่ ปู่ ยา ตา ยาย กว่าจะควักเงินออกมาแต่ละบาทคิดแล้วคิดอีก คนสูงอายุถูกมองเป็นภาระ และมีแนวโน้มจะถูกทอดทิ้งมากขึ้น การแก้ไขปัญหาการตายอย่างโดดเดี่ยว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และครอบครัว เพื่อสร้างสังคมที่ผู้สูงอายุได้รับการดูแล มีคุณภาพชีวิตที่ดี และไม่ถูกทอดทิ้งจนจบที่ “ตายอย่างโดดเดี่ยว”

Read More

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์หลังนายทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียงนายก อบจ. เชียงใหม่ พาดพิงคนที่เคลื่อนไหวต่อต้านว่าเป็นพวกไม่มีอาชีพ แต่มีที่ดินริมทะเล รวมถึงลำเลิกบุญคุณในทำนองเคยเลี้ยงข้าว โดยบอกเรื่องที่ดินริมทะเลไม่ใช่ตนเองแน่นอน ส่วนคนไม่มีอาชีพก็ยังดีกว่าคนมีอาชีพโกงกินบ้านเมือง การที่นายทักษิณแสดงอารมณ์กราดเกรี้ยว เป็นอาการของคนมีความอึดอัดคับแน่นอก จึงตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ต้องการแก้แค้น ดังนั้น การอ้างกลับไทยมาเลี้ยงหลานจึงสวนทางกับพฤติกรรม นายจตุพรบอกถ้าทักษิณมาเลี้ยงหลานตามการขออนุญาตกลับบ้าน และรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติสุข คงไม่มีเหตุผลที่วิจารณ์ทักษิณ แต่พฤติกรรมกลับไม่ใช่ ซ้ำยังพาบ้านเมืองลามไปสู่ปัญหาต่างๆ ทั้ง MOU 44 การแบ่งผลประโยชน์กับกัมพูชา รวมถึงยังสับสนในสถานะตัวเอง เช่นเรื่องเสนอใช้กำลังทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ต้องเป็นนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เหมาะสมกว่า ทั้งที่ตัวเองเป็นบุคคลต้องห้ามทางการเมืองและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต นายจตุพร มองว่าการแสดงท่าทีของนายทักษิณเช่นนี้สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในสถานะตัวเอง เช่นล้มแผนการไปเกาะลังกาวี หรือ กรณีความจริงบนชั้น 14 ซึ่ง ป.ป.ช.และแพทยสภาอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งกรณีของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีคุณสมบัติต้องห้ามเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ทำให้ทักษิณมีความกังวลภายใต้เวลาจำกัด หากคิดจะมีการเปลี่ยนผลให้เป็นคุณต่อตัวนายทักษิณเอง ซึ่งคงไม่ใช่จะทำกันได้ง่าย ๆ นายจตุพร เชื่อว่าต้นปี 68 จะมีหลากหลายปัญหาที่ทักษิณและรัฐบาลเพื่อไทยหวั่นไหวจนเกิดความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเรื่องบ่อนคาสิโนต้องผ่านมติ ครม.และออกเป็นกฎหมาย ทั้งการตั้งคณะกรรมการ เจทีซี ไปเจรจา MOU 44 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มกับกัมพูชา และอีกหลายๆ นโยบาย ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ล้วนทำให้ทักษิณกับพรรคเพื่อไทยเกิดหวั่นไหวในความไม่มั่นใจทั้งสิ้น

Read More

จุดเริ่มต้นการโกงภาษีครั้งมโหฬารนี้เกิดขึ้น เมื่อนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ทำหนังสือสอบถามกรมสรรพากรเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ว่า บริษัทแอมเพิลริช จดทะเบียนที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ซื้อหุ้นชินคอร์ป ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 จำนวน 32.92 ล้านหุ้นในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท และในระหว่างที่บริษัทแอมเพิลริชถือหุ้น บริษัทชินคอร์ปฯ ได้ทำการลดราคาพาร์เหลือ 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นชินคอร์ปที่บริษัทแอมเพิลริชถือครองเพิ่มเป็น 329.2 ล้านหุ้น ต่อมาบริษัทแอมเพิลริช ตกลงขายหุ้นดังกล่าวให้นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ราคาพาร์ 1 บาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทาจะต้องเสียภาษีหรือไม่ ต่อมาในวันที่ 21 กันยายน 2548 นางเบญจา หลุยเจริญ ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (ขรก.ซี 10)ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ได้ลงนามในหนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0706/7896 ตอบข้อหารือนางสาวปรานีว่า กรณีนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา เป็นการซื้อต่ำกว่าราคาตลาด ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน อีกทั้งการที่บริษัทแอมเเพิลริชขายหุ้นให้นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ก็ไม่เข้าข่ายพนักงาน หรือกรรมการได้รับแจกหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 เพราะหุ้นชินคอร์ปฯ ที่บริษัทแอมเพิลริชซื้อไว้ถือเป็นทรัพย์สินหรือสินค้าของบริษัท ไม่ใช่หุ้นที่บริษัทแอมเพิลริชเป็นผู้ออกเอง ทำให้บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ไม่ต้องเสียภาษีจากการซื้อหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้รัฐขาดรายได้เกือบ 16,000 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 20 มกราคม 2549 พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้ เปิดทางให้กลุ่มทุนต่างประเทศ สามารถเข้าถือหุ้นในธุรกิจโทรคมนาคมไทยได้ 49 % จากเดิมกำหนดไม่เกิน 25 % หลังจากนั้นเพียงสามวัน ในวันที่ 23 มกราคม 2549 นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา นำหุ้นชินคอร์ปฯ ไปขายให้กับกองทุนเทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท โดยที่ไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นายทักษิณ ถูกพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท…

Read More

เป็นปฏิบัติการเมื่อเย็นวานนี้ หลังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (สบอ.2) ศรีราชา พบช้างฝูงจำนวนประมาณ 60 ตัว แต่ลูกช้างป่าบาดเจ็บบริเวณขาหน้าขวาเนื่องจากถูกบ่วงรัดข้อเท้า ลักษณะเดินกะเผลกไม่ลงน้ำหนักขาหน้าขวา หากินอยู่กับแม่ช้าง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 หน่วยพิทักษ์ป่าแก่งหางแมว และทีมสัตวแพทย์ จึงจัดทีมวางแผนเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยเริ่มจากให้ยาซึมเข้ากล้ามเนื้อให้พร้อมกันทั้งสองตัว แม่ช้าง 2 เข็ม และ ลูกช้าง 1 เข็ม จากนั้นช้างป่าทั้งฝูงหนีเข้าป่าไประยะประมาณ 100 เมตร ทีมผลักดันช้างป่าจึงผลักดันเข้าป่าโดยมีทีมสัตวแพทย์ตามเข้าไป และพบว่าแม่ช้างยืนซึมคร่อมลูกช้างที่นอนหลับพร้อมกับช้างพี่เลี้ยงอีก 2 ตัว ทีมสัตวแพทย์จึงเข้าไป เพื่อทำการตัดบ่วงไนลอนที่รัดบริเวณข้อเท้า ตรวจสอบบาดแผลรอบข้อเท้าลึกประมาณ 15 เซนติเมตร มีหนอนไชแผล และเน่าหลายจุด รวมถึงพบว่ามีบาดแผลเดิมที่หายในบางจุดด้วยเช่นกัน จึงได้ทำการล้างแผล ขัดแผล ฉีดยาฆ่าเชื้อ วัคซีนบาดทะยัก เข้ากล้ามเนื้อและใต้ชั้นผิวหนัง แล้วให้ยาต้านฤทธิ์ซึม เข้ากล้ามเนื้อลูกช้างและแม่ช้าง เสร็จสิ้นภารกิจรักษาลูกช้างป่าบาดเจ็บได้สำเร็จ ขอบคุณข้อมูล-ภาพ FB:กรมอุทยานแห่งชาติฯ

Read More

โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคเตรียมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ทวงถามความยุติธรรมเรื่องพลังงานไทย พร้อมแถลงท่าทีของอนุกรรมการด้านพลังงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ในบ่ายวันนี้ (25 ธ.ค.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตึกจามจุรีสแควร์ ทั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวหลังเห็นว่าผู้บริโภคไทยกำลังเผชิญกับภาระ ค่าไฟฟ้าที่สูงเกินความจำเป็น เนื่องจากการตัดสินใจเปิดรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนจากเอกชนโดยไม่มีการประมูล ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงท่าทีของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ที่เดินหน้าซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งที่ไฟฟ้าล้นเศรษฐกิจ ที่เป็นแผนสืบเนื่องจากการซื้อไฟฟ้า 5,200 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ต้องขึ้นค่าไฟฟ้าเอื้อกลุ่มทุนพลังาน แต่เป็นการเพิ่มภาระค่าครองชีพกับประชาชน อีกทั้งยังมีคำถามกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ไปตีกอล์ฟกับผู้บริหารกลุ่มทุนพลังงานอีกด้วย โดยเมื่อวานนี้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะประธาน กพช.ยกเลิกรับซื้อไฟฟ้าอีก 3,600 เมกะวัตต์ ที่มีการกำหนดวิธีรับซื้อโดยวิธีคัดเลือกการรับซื้อล็อกล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2565-2573 โดยไม่มีการแข่งขัน ทำให้คนไทยจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นในอีก 25 ปีข้างหน้า หลังนายกฯ และรัฐบาลมีท่าทีปัดความรับผิดชอบอ้างไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ ทั้งที่มีอำนาจยับยั้งได้ในฐานะเป็นประธาน กพช. ก่อนเส้นตายภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้

Read More

สลดใจ ตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบซากช้างป่ามีบาดแผลเป็นรูคล้ายถูกยิง ล้มคาสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประสาน สบอ.2 ศรีราชา ส่งทีมสัตว์แพทย์ตรวจพิสูจน์ซากหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบตามตัวช้างป่าพลายหนุ่มมีบาดแผลเป็นรู คล้ายถูกยิงด้วยกระสุนเข้าที่ใบหูข้างขวาทะลุเข้าที่ขมับฝังในจำนวน 2 แห่ง ที่ขาซ้ายหน้าช่วงข้อพับ 1 แห่งและที่ ขาหลังด้านขวาช่วงส้นเท้าอีก 1 แห่ง นอกจากนี้ยังพบปลอกเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตรตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพและตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานงานส่งซากช้างป่าให้ทางทีมสัตว์แพทย์เพื่อผ่าชันสูตรและหาสาเหตุ โดยชาวสวนยางในพื้นที่ได้เล่าว่า เดิมทีพื้นที่ตรงนี้ยังมีช้างป่าไม่มากนัก แต่ปัจจุบันประชากรช้างป่ามีจำนวนมากขึ้น และเริ่มมีการรุกล้ำเข้ามาหากินในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน จนมีชาวบ้านถูกช้างป่าทำร้ายเสียชีวิต ขณะเดียวกันช้างป่าก็ถูกทำร้ายจากน้ำมือมนุษย์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังช้างป่า แต่ก็ไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มกำลังคนและมาตรการ ในการเฝ้าดูแลและผลักดันช้างให้มากกว่านี้ ตลอดจนการควบคุมประชากรช้าง เพื่อจะใด้ลดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย

Read More

ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว หลังคณะกรรมการคัดเลือกที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน ได้เคาะชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 67ท่ามกลางเสียงคัดค้านคุณสมบัติว่า นายกิตติรัตน์ มีคุณสมบัติต้องห้าม เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาของนายกฯ และประธานคกก.แก้หนี้นอกระบบ ในรัฐบาลเศรษฐา ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และพ้นตำแหน่งไม่ถึงหนึ่งปี เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามระเบียบที่กำหนดไว้ ทำให้ยังไม่มีการนำเรื่องเข้าครม. เพื่อนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า การนำรายชื่อนายกิตติรัตน์ เข้าครม. หน่วยงานต้นสังกัดที่เสนอต้องตรวจคุณสมบัติก่อน จะเหลือเพียงในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะส่งความเห็นไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ก็คงทราบว่าความเห็นเป็นอย่างไร หากกฤษฎีกาชี้ว่าไม่ผ่าน ก็ต้องรีบเสนอชื่ออื่น เพราะยังเหลือรายชื่อจากแบง์ชาติอยู่ เพราะเหลือเพียงตำแหน่งเดียว เชื่อว่าคณะกรรมการคัดเลือกเตรียมพร้อมอยู่แล้ว สำหรับรายชื่อที่แบงก์ชาติเสนอให้คัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มี 2 คน ประกอบด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์

Read More

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ออกมาตอบโต้คำปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างการหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 พาดพิงพรรคประชาชนในทำนองว่า พูดเก่งแต่ทำไม่เป็น โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง “พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น” เป็นข้อกล่าวหาที่คุณทักษิณควรสื่อสารกับใคร? พร้อมตั้งคำถามว่าหมายถึงรัฐบาลเศรษฐาและแพทองธารใช่หรือไม่ โดยยกสามตัวอย่างที่สะท้อนถึงพูดเก่งแต่ทำไม่เป็นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนี้ตัวอย่าง #1 : ค่าแรง สิ่งที่พูด: ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทุกอาชีพ ทั่วประเทศ เริ่ม 1 ตุลาคม 2567 โดยจะประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่พร้อม ให้พร้อมภายในกรอบเวลาดังกล่าว (พูดไว้เมื่อ 2 พ.ค. 67).สิ่งที่ทำ: ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 337-400 บาทต่อวัน โดยจะขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันเฉพาะ 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ เริ่ม 1 มกราคม 2568 (ตามมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการค่าจ้างในวันที่ 23 ธ.ค. 67) ตัวอย่าง #2 : ค่าไฟ สิ่งที่พูด: นายกฯ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยดูเรื่องราคาพลังงานและค่าไฟ เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและเป็นต้นทุนในหลายด้านของครัวเรือน (พูดในที่ประชุม กพช. ในวันที่ 26 พ.ย. 67) สิ่งที่ทำ: นายกฯ ปล่อยปละละเลย ไม่ขอมติจากที่ประชุม กพช. เพื่อเป็นแนวทางให้ กกพ. ระงับการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 MW (ที่มีปัญหาเรื่องการกีดกันการแข่งขัน ความไม่โปร่งใสของหลักเกณฑ์ และความซ้ำซ้อนกับนโยบาย Direct PPA) ทั้งๆที่การปล่อยให้สัญญาดังกล่าวเดินหน้าต่อไป จะทำให้ค่าไฟประชาชนแพงกว่าที่ควรจะเป็น (ถ้าจะอ้างว่านายกเป็นประธาน กพช. ที่มีแค่ 1 เสียงใน กพช. ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะประมาณ…

Read More