Browsing: News

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) จับกุม นายสำเริงฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 628/2568 ลงวันที่ 30 มกราคม 2568 ในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, ส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้เผยแพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน” การจับกุมมีขึ้นหลังจากตำรวจสืบสวนคดีค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และพบว่าผู้ต้องหาซึ่งเป็นชายวัยกลางคนอาศัยอยู่ใกล้บ้านของเด็กชายวัย 11 ขวบ ได้ล่อลวงเด็กไปกระทำชำเราหลายครั้ง พร้อมทั้งบันทึกภาพและคลิปวิดีโอขณะก่อเหตุ ก่อนนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีการโฆษณาขายคลิปวิดีโอลามกอนาจารเด็กผ่านกลุ่มลับ ซึ่งผู้ต้องหาจะเสนอขายคลิปแลกกับเงิน โดยใช้คำพูดหลอกล่อว่าเป็น “ค่าขนมให้น้องไปโรงเรียน” หรือ “แล้วแต่จะให้” เพื่ออำพรางพฤติกรรม จากการสืบสวนขยายผล พบว่า ผู้ต้องหามีการผลิตสื่อลามกอนาจารเด็กด้วยตัวเองนับสิบครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติขอหมายจับ และเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหา พบพยานหลักฐานสำคัญหลายรายการที่สามารถเชื่อมโยงกับการกระทำความผิด ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, กล้องวงจรปิด และเอกสารทางการเงิน ซึ่งเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก และพบอาวุธปืนยาว ขนาด .22 ไม่มีหมายเลขทะเบียนจำนวน 1 กระบอกผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Read More

รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว หรือ EDL เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเพจทางการ ชี้แจงเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยนพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามกรอบความร่วมมือ และเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าอาเซียน พร้อมระบุได้ขายไฟฟ้าให้เมียนมามีปริมาณไม่มาก และส่งไฟฟ้าให้เฉพาะกับเมืองท่าขี้เหล็กตรงข้ามแขวงบ่อแก้ว เพื่อสนองความต้องการใช้ของประชาชน หน่วยงานรัฐ โรงเรียน โรงพยาบาล และภาคธุรกิจเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ปี 2565 ในปริมาณไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ ที่ระดับแรงดัน 115kV แต่ 2 วันที่ผ่านมาเมืองท่าขี้เหล็กรับไฟฟ้าจากลาวเพิ่มเป็น 27 เมกะวัตต์ เพราะประเทศไทยยุติการส่งไฟฟ้า อย่างไรก็ตามรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวได้ลดปริมาณการส่งไฟฟ้าให้แก่เมืองท่าขี้เหล็กเหลือไม่เกิน 13 เมกะวัตต์เท่าเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าไฟฟ้าบางส่วนได้ถูกใช้ในกิจการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมกันนี้ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว กำลังประสานข้อมูลกับทางการเมียนมา เพื่อให้ความร่วมมือปราบปรามหรือสกัดกั้นการนำไฟฟ้าไปใช้ในกิจการที่ผิดกฎหมาย รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และร่วมมือกับทางการเมียนมาในการตัดไฟให้ตรงจุด เพื่อลดผ่อนการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในวงกว้างพร้อมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลลาว รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว จะไม่ส่งไฟฟ้าหรือขายไฟฟ้าให้กับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ ทางการลาวส่งหนังสือถึงบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและการสื่อสารทุกบริษัท ให้ยุติการเชื่อมต่อระบบสายส่งโทรคมนาคมระหว่างประเทศทันที เพื่อตรวจสอบ และปรับปรุงการเชื่อมต่อการสื่อสารให้ถูกต้อง ก่อนพิจารณาอนุญาตเปิดการเชื่อมต่อเป็นรายๆ ต่อไป พร้อมแจ้งผู้ให้บริการทุกราย ดูแลการเชื่อมต่อระบบโทรคมนาคมกับต่างประเทศ ให้ทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย

Read More

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณี “พิรงรอง รามสูต” กรรมการ กสทช. ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์ม True ID โดยศาลชี้ว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายกลั่นแกล้งและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 120,000 บาท พร้อมเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ครป. แสดงจุดยืน คำพิพากษาเอื้อประโยชน์ทุนใหญ่-กระทบการทำงานของ กสทช. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนปกป้องกระบวนการทำงานขององค์กรกำกับดูแลอย่าง กสทช. โดยมีประเด็นหลักดังนี้ คำพิพากษาอาจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด ครป. แสดงความเห็นว่า คำพิพากษาดังกล่าว เป็นคุณต่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ด้านโทรคมนาคม แต่กลับเป็นโทษต่อสังคมและผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะกรรมการ กสทช. ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมและสื่อสารมวลชน พิรงรองปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย กสทช. แถลงการณ์ระบุว่า พิรงรองดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในมาตรา 27 ของกฎหมาย กสทช. ซึ่งรวมถึงการ กำกับดูแล ตรวจสอบ และออกมาตรการที่เกี่ยวข้อง การที่สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเกี่ยวกับโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์ม True ID เป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคและสาธารณะ ประเด็นเรื่องโฆษณาแทรกบน True ID แถลงการณ์ของ ครป. อธิบายว่า การแจ้งเตือนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเกี่ยวกับโฆษณาแทรกในแพลตฟอร์ม True ID เป็นการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของประชาชน โดยแพลตฟอร์ม True ID นำช่องรายการของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. มาเผยแพร่ พร้อมแทรกโฆษณา ซึ่งขัดต่อหลัก Must Carry ของ กสทช. สำนักงาน กสทช. จึงออกหนังสือให้ ผู้ประกอบการตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดย ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติหรือมุ่งโจมตีผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งเป็นพิเศษ คดีนี้อาจเป็นตัวอย่างของ “การฟ้องปิดปาก” ที่กระทบต่อเสรีภาพและความเป็นธรรม ครป. กังวลว่าคำตัดสินของศาลครั้งนี้ อาจกลายเป็นแบบอย่างของ “SLAPP” หรือ “การฟ้องปิดปาก” เพื่อขัดขวางการทำงานของหน่วยงานรัฐและบุคคลที่ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ “การดำเนินคดีต่อกรรมการ กสทช. อาจเป็นเครื่องมือที่ใช้โดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เพื่อขัดขวางการทำงานขององค์กรกำกับดูแล…

Read More

เป็นผลพวงหลังบริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้อง ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา โดยคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ย้ำทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ยึดมั่นในหลักการและปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของสาธารณะ โดยระบุได้ตระหนักดีว่าไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล แต่ในฐานะสถาบันการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ก็ไม่อาจนิ่งเฉย เนื่องจากประเทศไทยได้ต่อสู้ขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูปสื่อมาอย่างยาวนาน กระทั่งมีองค์กรอิสระกำกับดูแลสื่ออย่าง กสทช. ซึ่งสังคมคาดหวังให้มีความเป็นอิสระจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน เพื่อกำกับดูแลสื่อให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ มีความรับผิดชอบต่อสังคม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริโภคสื่อ พร้อมเห็นว่าสภาพการณ์ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ไม่สามารถรองรับได้ทัน จนเกิดปัญหาต่อระบบอุตสาหกรรมสื่อและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิผู้บริโภคสื่อ โดยอาศัยความได้เปรียบที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของ กสทช. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อและประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ และวันนี้คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ก็จัดกิจกรรมด่วนทั้งกากตอกย้ำแถลงการณ์ และจัดเสวนา นำโดยคณบดี คณะนิเทศศาสตร์ นายธงทอง จันทรางศุ และอดีต กสทช.นักกฎหมาย และคนในวงการสื่อฯ ขณะที่คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนสนับสนุน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรองเช่นกัน โดยเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ควรเป็นไปตามหลักนิติธรรม และมีความเป็นอิสระ เพื่อปกป้องสิทธิการสื่อสารขั้นพื้นฐาน เสริมสร้างระบบการสื่อสารที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ นอกจากนี้เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นหลักประกันสำคัญในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต และสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนต่อไป.

Read More

จากกรณีตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ติดต่อประสานขอความร่วมมือรับตัวทหารกองประจำการในสังกัดกองทัพบก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ทบ.เผยกรณีพลทหาร(อนุวัติ ตันใจ) เกี่ยวข้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเป็นการกระทำผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ก่อนเข้าเป็นทหาร โดยผู้กระทำก่อเหตุ ในช่วงเดือน ก.ค. 2566 และต่อมาในวันที่ 1 พ.ค.2567 ผู้ต้องหาถูกเรียกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร ณ มณฑลทหารบกที่ 37 สังกัด กองร้อย มณฑลทหารบกที่ 37 จนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งวันที่ 5 ก.พ.2568 จนท.ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Read More

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นำทีมโดย พ.ต.ท.ณัฐพล แต่เจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้เข้าจับกุม นายณัฏฐชัย อายุ 32 ปี ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.10 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นายณัฏฐชัย เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายช่างชื่อดัง เจ้าของช่องยูทูบที่มีผู้ติดตามกว่า 1.1 ล้านคน มีชื่อเสียงจากการทำคลิปวิดีโอเกี่ยวกับงานช่าง การประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ แต่กลับใช้ช่องทางออนไลน์ของตนเองโพสต์ชักชวนให้ผู้อื่นเล่นพนันออนไลน์ จากการสืบสวนพบว่า นายณัฏฐชัยได้โพสต์ข้อความชักชวนเล่นพนันออนไลน์หลายครั้ง จึงได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นบ้านพัก และตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคาร ที่ใช้ในการกระทำความผิด เบื้องต้น นายณัฏฐชัย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างจากเว็บพนันออนไลน์ให้โพสต์ชักชวนคนมาเล่นพนันจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นผู้ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (พนันฟุตบอลออนไลน์) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Read More

เป็นการเปิดเผยของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสมาเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ โดยระหว่างเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย – จีน ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 50 ปีก่อน พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างกันนางสาวแพทองธารบอก ได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในอนาคต โดยเสนอให้คำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง จะต้องทำให้ประชาชน (1) มีกินมีใช้ (2) มีความปลอดภัย และ (3) มีความพร้อมต่ออนาคตและความเข้าใจอันดีต่อกัน ทั้งนี้ ไทยกับจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พร้อมชื่นชมรัฐบาลไทย ตัดน้ำไฟเพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันจีนพร้อมให้การร่วมมือปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบระหว่างกัน รวมทั้งเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย – จีน

Read More

จากกรณี พิรงรอง รามสูต อดีต กสทช. ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา สะท้อนปัญหาสำคัญว่าด้วยกฎหมายที่ยังไม่เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) ที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง ศาลฯ ระบุว่า บริษัท ทรูดิจิทัลเป็นกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) ไม่มีใบอนุญาต จาก กสทช. และ กสทช. ยังไม่ออกแนวปฏิบัติ ว่า แพลตฟอร์ม OTT ต้องขอใบอนุญาต จาก กสทช. แตกต่างจากจาก ผู้ประกอบการ IPTV , ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี ที่ประกอบกิจการแบบใช้โครงข่าย ที่ต้องขอใบอนุญาต จาก กสทช. และมีแนวปฏิบัติ แต่การประชุม คณะอนุกรรมการฯ ทีมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง เป็นประธานได้แจ้งตรวจสอบ ทรูไอดี ที่เป็นแอปพลิเคชันบริการของเอกชน เพื่อตรวจสอบโฆษณาและเนื้อหาที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบเข้าข่ายจงใจกลั่นแกล้ง เกิดคำถาม “ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค แต่กฎหมายไม่คุ้มครองคนปฏิบัติหน้าที่ ?” ที่สำคัญคือกฎหมายไม่เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป จนกลายเป็นเหตุให้คนทำงานอยู่บนความเสี่ยง และผู้บริโภคไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างที่ควรจะเป็น ข้อมูลจากรายงาน Digital Stat 2021 โดย We Are Social ระบุว่า คนไทยร้อยละ 99 ชอบดูวิดีโอออนไลน์ และร้อยละ 69 อยู่บนโลกออนไลน์ โดยมีพฤติกรรมการใช้งานเพื่อความบันเทิงต่าง ๆ เช่น การฟังเพลง การใช้งานโซเชียลมีเดีย เล่นเกม และอัดคลิปวิดีโอ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เองที่กลายเป็นความท้าทายของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฎหมายเดิมที่มีอยู่ อาจไม่สามารถครอบคลุมถึงรูปแบบการให้บริการและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย และอาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เช่น การละเมิดลิขสิทธิ์ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หรือการหลอกลวงผู้บริโภค กรณีพิพาท พิรงรอง รามสูต: บทเรียนราคาแพงกรณีของพิรงรอง รามสูต กสทช. ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความซับซ้อนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ…

Read More

จากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สั่งจำคุก ศ.เกียรติคุณพิรงรอง รามสูต เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ถูกบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องปมออกหนังสือเตือนมีโฆษณาแทรก ผิดกฎ “มัสต์แครี่” (Must Carry) ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย โดยศาลฯ เห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 157 มีเจตนากลั่นแกล้งให้บ.ฯ ได้รับความเสียหาย ตามที่เราได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า การฟ้องร้องคดีในลักษณะนี้เข้าข่ายคดีประเภทที่เรียกว่า การฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) “การฟ้องร้องคดี SLAPP เป็นวิธีการที่จะปิดปากไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ โดยปกติจะเป็นการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ในกรณีนี้ เป็นการฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่เป็น regulator ว่าประพฤติมิชอบ ใช้อำนาจโดยมีอคติและไม่เป็นกลาง” นางสาวศิริกัญญา เห็นว่า เพื่อให้กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีกลไกการคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยขณะนี้ ปปช. กำลังร่างกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปาก หรือ anti-slapp ที่จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ และขณะนี้กฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมกับแสดงความกังวลว่า กว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ภาคเอกชนก็อาจจะสามารถใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ยับยั้งไม่ให้องค์กรอิสระสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็งได้สำเร็จไปแล้ว

Read More

จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต” กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ จากการออกหนังสือเตือนกรณีโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์มทรูไอดี เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงนักวิชาการ ผู้บริโภค และในโลกออนไลน์ ลำดับเหตุการณ์สำคัญ ปี 2566: ผู้บริโภคร้องเรียนกรณีทรูไอดีแทรกโฆษณาในช่องรายการทีวีดิจิทัล กสทช. โดยคณะอนุกรรมการที่มี “พิรงรอง รามสูต” เป็นประธาน มีมติให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ให้ทำตามกฎ Must Carry อย่างเคร่งครัด บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด มองว่าหนังสือเตือนดังกล่าวสร้างความเสียหาย จึงยื่นฟ้อง “พิรงรอง รามสูต” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 6 กุมภาพันธ์ 2568: ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต” กระแสสังคมและการเคลื่อนไหวก่อนหน้าวันตัดสิน มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มนักวิชาการและผู้บริโภค ที่มองว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างของการที่ กสทช. ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคแล้วถูกฟ้องร้อง จึงมีการรณรงค์ให้กำลังใจ “พิรงรอง รามสูต” ผ่านแฮชแท็ก #saveพิรงรอง #freeกสทชหลังศาลมีคำพิพากษา นักวิชาการและผู้บริโภคยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการตัดสิน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการทำหน้าที่ของ กสทช. ในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม อนาคตของคดีและผลกระทบ “พิรงรอง รามสูต” ยังมีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คดี แต่หากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์​ จะสิ้นสภาพการเป็น กสทช. คดีนี้อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการตีความกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลในอนาคตประเด็นที่ต้องจับตา ท่าทีของ กสทช. ต่อคดีนี้ และแนวทางการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมในอนาคต การเคลื่อนไหวของนักวิชาการและผู้บริโภคต่อผลคำพิพากษา ผลกระทบของคดีนี้ต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานภาครัฐ คดีนี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความซับซ้อนของการทำหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการสนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด การตัดสินใจของศาลในคดีนี้ จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

Read More