Browsing: News

โดยพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ได้ส่งสำนวนคดีทนายตั้ม 9,317 แผ่น ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งมีส่วนคดีนอกราชอาณาจักร ประกอบด้วย เรื่องเงิน 71 ล้านบาท เงิน 39 ล้านบาท และเรื่องรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท กับส่วนคดีในราชอาณาจักร คือเรื่องออกแบบก่อสร้างโรงแรม มีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 7 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกรายทุกข้อกล่าวหา ทั้งในเรื่องข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่ดำเนินคดีกับทนายตั้ม ภรรยา ดาวพี่สาวภรรยาทนายตั้ม นุ และสา นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาใหม่ที่แจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีก 2 ราย ในส่วนคดีรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท คือบุคคลที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จรับเงิน ฐานทำเอกสารเท็จ ซึ่งผู้ต้องหาใหม่ทั้ง 2 รายต้องมารายงานตัวกับพนักงานอัยการด้วยในวันนี้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ทางสำนักงานอัยการ จะส่งมอบสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งในสำนวนคดีนอกราชอาณาจักร จะเรียนอัยการสูงสุด ส่วนคดีในราชอาณาจักร พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษสามารถมีคำสั่งได้เลย โดยจะเร่งดำเนินการพิจารณาสำนวนคดีให้แล้วเสร็จก่อนครบผัดฝากขังผู้ต้องหา คือวันที่ 30 มกราคมนี้

Read More

เป็นโครงการตามนโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” ที่หวังลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ที่รัฐบาล โดยนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะเปิดตัวบ่าย 2 วันนี้ ที่สถานีกลางอภิวัฒน์ (ประตูที่ 1) ซึ่งเป็นโครงการสร้างที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ มุ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพียง 20 บาทตลอดสาย และเสนอราคาผ่อนชำระบ้านเริ่มต้นที่ 4,000 บาทต่อเดือน พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมบ้านตัวอย่าง ทั้งแบบห้องชุดและบ้านเดี่ยว บ้านเพื่อคนไทย จะมีทั้งคอนโดมิเนียม ขนาดห้องพัก 30-51 ตารางเมตร ระยะแรกสร้างอาคารสูง 8 ชั้น และวางแผนขยายเป็น 45 ชั้นในอนาคต เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการที่คาดว่าจะมีจำนวนมาก บ้านเดี่ยว 50 ตารางเมตร บนที่ดินขนาด 50 ตารางวา โดยคุณสมบัติผู้มีสิทธิต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ รายได้ต่อเดือนไม่เกิน 50,000 บาท ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่พักอาศัยใด ๆ มาก่อน ไม่เคยได้รับสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย เงื่อนไขคือ 1 คนจองได้ 1 หน่วยต่อโครงการ ห้ามโอนสิทธิภายใน 5 ปี ห้ามให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์เพื่อการตอบแทนใด ๆ ยกเว้นสมาชิกในครอบครัว สำหรับพื้นที่นำร่อง 4 ทำเลสำคัญ ย่านกิโลเมตรที่ 11 ใกล้สำนักงานใหญ่ ปตท. (เนื้อที่ 15 ไร่)บริเวณตลาดศาลาน้ำร้อน (เนื้อที่ 23 ไร่) ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทองและสีส้ม ใกล้สถานีรถไฟเชียงราก และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต (เนื้อที่ 18 ไร่) ที่ดินเปล่าตรงข้ามสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถนนเจริญเมือง (เนื้อที่ 15 ไร่) โดยผู้ที่สนใจลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย ตั้งแต่วันนี้ จากนั้นธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศผลผู้ที่ได้รับสิทธิ เพื่อเข้าสู่กระบวนการจับสลากรับสิทธิต่อไป

Read More

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) จับกุม นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิออก หลังพบว่ามีการออกใบกำกับภาษีปลอมให้กับบริษัทที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 46 ล้านบาท การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบความผิดปกติของใบกำกับภาษีที่ออกโดยบริษัทจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายสมศักดิ์ เป็นกรรมการบริษัท โดยพบว่าใบกำกับภาษีดังกล่าวออกให้กับบริษัทที่ไม่มีการดำเนินกิจการจริง จึงเข้าแจ้งความกับ บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ CIB ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนเข้าจับกุมนายสมศักดิ์ได้ที่หน้าอาคารพานิชย์แห่งหนึ่งในอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ CIB เตือนภัย บริษัทห้างร้านหรือผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ให้ใช้เอกสารที่ถูกต้องในการยื่นภาษี การออกใบกำกับภาษีเพื่อนำไปใช้ในการเครดิตภาษีจะต้องมีการซื้อขายกันจริงเท่านั้น มิฉะนั้นอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้. ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

หลังจาก สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) เสนอแนวทางปรับลดค่าไฟฟ้า 6 ข้อ รวมถึงการยกเลิกนโยบายมาตรการสนับสนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ล่าสุด คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมเสนอ นายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนนโยบายดังกล่าวโดย กกพ. ระบุว่า การให้เงินส่วนเพิ่มไฟฟ้าพลังงานทดแทน หรือ แอดเดอร์ (Adder) ทำให้ราคารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้ามีราคาสูงกว่าความเป็นจริง หากมีการทบทวนราคารับซื้อตามต้นทุนที่แท้จริง จะสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้ 17 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 3.98 บาท และคาดว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 3.3 หมื่นล้านบาทต่อปีนั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า แม้ กกพ. จะนำข้อเสนอของสภาผู้บริโภคไปพิจารณาช้า แต่ก็ถือว่า “มาช้าดีกว่าไม่มา” พร้อมทั้งชื่นชม กกพ. ที่ตัดสินใจเสนอเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี โดยมองว่า ปัจจุบันราคาพลังงานหมุนเวียนลดลงมาก บริษัทต่าง ๆ ได้ทุนคืนและมีกำไรมานานแล้ว ควรยกเลิกการต่อสัญญาอัตโนมัติ และเสนอให้ กกพ. ชงนายกรัฐมนตรี พิจารณา “ลดค่าความพร้อมจ่าย” สำหรับโรงไฟฟ้าที่คืนทุนและมีกำไรแล้ว ซึ่งจากเอกสารของ กกพ. งวด มกราคม-เมษายน 2568 ค่าความพร้อมจ่ายสูงถึง 19,875 ล้านบาท หากคำนวณทั้งปี จะเป็นเงิน 59,625 ล้านบาท ซึ่งหากนำมาเฉลี่ยกับหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ทั้งประเทศ จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้อีก 29-30 สตางค์ต่อหน่วย น.ส.รสนา มองว่า รัฐบาลสามารถใช้ประเด็น “เหตุสุดวิสัย” ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อลดค่าไฟฟ้า โดยเปิดให้มีการเจรจาลดค่าความพร้อมจ่ายในโรงไฟฟ้าที่คืนทุนแล้ว หรือไม่มีการผลิตไฟฟ้า แต่ยังได้รับค่าความพร้อมจ่าย โดยอาจแลกกับการขยายสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่ออีก 1-2 ปี และโรงไฟฟ้าใหม่ไม่ควรมีค่าความพร้อมจ่ายอีกต่อไป และอยากให้ กกพ. พิจารณารายการอื่น ๆ ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อลดภาระของประชาชน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย พร้อมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาล คิดนโยบายประชานิยมเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน

Read More

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยกับ The Publisher ถึงความคืบหน้าในการฟ้องกลุ่มรวมผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณี OPPO – Realme ฝังแอปฯ เงินกู้เถื่อนไว้ในระบบปฏิบัติการ ว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะรวมกลุ่มผู้เสียหายไปดำเนินคดีอาญา โดยจะไปทั้งที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และ สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ สคส. เพราะตามกฎหมาย สคส.จะดำเนินการได้ต้องมีผู้ร้องเรียน โดยแบ่งเป็นสองส่วน เกี่ยวกับเรื่องละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไปที่ สคส. ส่วนการปล่อยกู้เกินกฎหมายกำหนดไปที่ ปคบ. ผู้เสียหายมีจำนวนมากเราอยากดันให้เป็นกระบวนการพิเศษ เพราะผู้กระทำผิดอยู่นอกประเทศด้วย ถ้าดีเอสไอเข้ามาก็จะทำแบบรวมศูนย์เบ็ดเสร็จได้ไม่กระจัดกระจาย แต่ก็คงต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขที่จะเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ส่วนคดีแพ่งสภาองค์กรของผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้เต็มร้อยอยู่แล้ว “กรณี OPPO – Realme ฝังแอปฯ เงินกู้เถื่อน ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ทั้งปล่อยกู้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด และติดตามทวงถามหนี้ผิดกฎหมาย ที่เหลือคือการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เป็นหน้าที่ สคส.ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งสภาองค์กรของผู้บริโภค คาดหวังให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสาวไปให้ถึงต้นตอ เพราะจากข้อมูลที่ได้พบว่า เมื่อมีแอปฯ นำร่องติดไปกับมือถือ ยังมีแอปฯ เงินกู้ไหลเข้ามาอีกจำนวนมาก เมื่อมีการโอนชำระคืนหนี้ปรากฏว่าบัญชีแอปฯ เหล่านี้มีความเชื่อมโยงเพราะใช้บัญชีเดียวกัน แสดงว่าแอปฯ ที่ดูเหมือนมีจำนวนมากก็อาจจะเหมือนร้านไอทีในพันธุ์ทิพย์ที่ทำหน้าร้านหลาย ๆ ร้าน แต่เส้นเงินเดียวกัน ใช้บัญชีม้าเดียวกัน จึงต้องสาวให้ลึกถึงผู้ประกอบธุรกิจทั้งหมดที่สร้างผลกระทบกับผู้บริโภค และการประกอบการจากต่างแดนกฎหมายกำหนดชัดว่าต้องมีตัวแทนมาทำหน้าที่ในประเทศไทยด้วยแต่กลับไม่มี ดังนั้น สคส.ต้องพิจารณาปรับทางปกครองกับบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยเพื่อให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย ให้ประชาชนมีความศรัทธาเชื่อมั่นต่อระบบการคุ้มครองประชาชนตามกฎหมาย” นายอิฐบูรณ์ กล่าว

Read More

ยังคงร่วมลงชื่อคัดค้านการอย่างต่อเนื่อง หลัง ครม.ไฟเขียวผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ทำให้เกิดกระแสความกังวล และไม่เห็นด้วยจนเกิดการรณรงค์ “เราไม่เอากาสิโน” ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงวันนี้ (17 ม.ค.68) มีผู้ร่วมลงชื่อทะลุ 42,000 รายชื่อแล้ว ซึ่งหากคุณไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย สามารถลงชื่อแสดงจุดยืนว่า “เราไม่เอากาสิโน” ได้ที่ https://forms.gle/PBBBYki6Lbcb4HZh9 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

หลังจากนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล ออกมาระบุว่า มีกลุ่มทุนเจ้าของบ่อนในและนอกประเทศ ต้องล้มร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เพราะโครงการนี้กระทบกับพนันใต้ดิน ล่าสุดนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผลสำรวจของสถาบันทางวิชาการหลายสำนัก ล้วนสอดคล้องกันว่า คนไทยราว 55% ขึ้นไป ไม่ต้องการให้รัฐบาลเปิดกาสิโน อีกประมาณ 17-18% อยู่ตรงกลาง และราว 25-28% ที่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ประชาชนส่งเสียงมานานนับ 10 ปี ไม่ใช่เพียงแค่วันสองวันนี้ แถมผลสำรวจบางชิ้นเคยปรากฎอยู่ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรที่ศึกษาเรื่องนี้โดยตรง แต่รัฐบาลไม่เคยใส่ใจรับฟัง ถึงวันนี้โฆษกรัฐบาลกลับด้อยค่าความเห็นของประชาชนอีกต่างหากว่า “คนพวกนี้รับเงินจากทุนสีเทาเพื่อมาล้มโครงการของรัฐบาล”… คนไทยว่ายังไงกันครับ เงียบ = ยอมรับ ได้เวลาส่งเสียง “เราไม่เอากาสิโน” ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/

Read More

จากกรณี ครม.ไฟเขียวเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยมีกาสิโนรวมอยู่ด้วยนั้น สร้างความกังวลให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยอาจเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “ฮับสีเทา” หรือไม่ ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูสู่เส้นทางการเป็นพื้นที่บ่อเกิดอาชญากรรมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบน รวมไปถึงธุรกิจมืดหลากระดับ จนสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหู ด้านเพจ ‘เข็นเด็กขึ้นภูเขา’ ก็ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน โดยคุณหมอได้ออกมาเล่าประสบการณ์ว่ามีโอกาสเคยไปดูงานที่สิงคโปร์และมาเลเซีย พบว่า สองประเทศนี้มีปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดจากการพนันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น และเขามีบ่อนพนันแบบถูกกฎหมาย อีกทั้งยังมีวอร์ดเฉพาะสำหรับบำบัดเรื่องการเสพติดการพนันแบบชัดเจน เนื่องจากการที่เด็กเติบโตมาในพื้นที่ที่มีการเข้าบ่อนแบบถูกกฎหมาย การพนันนั้นทำให้เสพติดได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก แต่เด็กจะมีแนวโน้มเกิดปัญหามากกว่าผู้ใหญ่ เพราะการตัดสินใจ การควบคุมตัวเอง ยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะ เด็กที่มีปัญหาเครียด เบื่อ เซ็ง ซึมเศร้า วิตกกังวล จะทำให้เสพติดได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป พร้อมย้ำว่ารู้สึกเป็นห่วงเด็กและวัยรุ่นไทยในฐานะจิตแพทย์เด็ก แม้การมีบ่อนถูกกฎหมายจะมีข้อดีในบางจุด เช่น เรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ แต่ก็ยังหวั่นเกรงว่าอาจนำมาซึ่งปัญหาหนักกว่าในอนาคต โดยระบุข้อความ ในเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา ใจความว่า ในช่วงนี้มีการพูดถึงเรื่องบ่อนพนันหรือกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย และมีความเห็นที่หลายหลายแตกต่าง แต่มีแนวโน้มว่าบ่อนพนันถูกกฎหมายน่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ มีหลายคนถามว่าหมอมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างในเรื่องนี้.หมออยากเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์สมัยก่อนที่ตัวเองเคยไปดูงานที่สิงคโปร์และมาเลเซีย สองประเทศนี้มีปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดจากการพนันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น และเขามีบ่อนพนันแบบถูกกฎหมายปัญหาเขาเป็นอย่างไร พูดให้เห็นภาพ คือเขามีวอร์ดเฉพาะสำหรับบำบัดเรื่องการเสพติดการพนันแบบชัดเจนไปนั่งอ่านสมุดบันทึกตอนไปดูงาน ได้จดข้อมูลของประเทศสิงค์โปร์เอาไว้ตามนี้.ข้อมูลกระทรวงพัฒนาสังคมและครอบครัวสิงคโปร์ในปี 2011 มีข้อมูลว่า อายุคนที่เล่นการพนันอย่างเป็นกิจวัตรนั้น มีถึง 37% ที่เริ่มเล่นก่อนอายุ 24 ปี และเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปีเริ่มเล่นการพนันเป็นครั้งแรกคิดเป็น 14% ของทั้งหมดแม้ว่าในบ่อนถูกกฏหมายของประเทศเขาจะมีการกำหนดอายุคนเล่น แต่ท่ามกลางสังคมที่เปิดกว้างในเรื่องการพนัน เมื่อผู้ใหญ่เล่น พ่อแม่เล่น เด็กๆรับรู้ อยู่ในสังคมที่ยอมรับในเรื่องนี้ตั้งแต่เล็ก จึงทำให้ซึมซับ และเปิดรับการพนันได้ง่าย.เริ่มแรกตอนเป็นเด็กอาจเริ่มด้วยการพนันออนไลน์ แต่เมื่อโตขึ้นก็เริ่มเข้าบ่อนซึ่งเข้าได้แบบถูกกฎหมายการพนันนั้นทำให้เสพติดได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก แต่เด็กจะมีแนวโน้มเกิดปัญหามากกว่าผู้ใหญ่ เพราะการตัดสินใจ การควบคุมตัวเอง ยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะ เด็กที่มีปัญหาเครียด เบื่อ เซ็ง ซึมเศร้า วิตกกังวล จะทำให้เสพติดได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไปผู้ใหญ่รวมถึงเด็กหรือวัยรุ่นอาจใช้การพนันเป็นเครื่องผ่อนคลาย เพราะเล่นแล้วสนุก ตื่นเต้น แถมเล่นแล้วมีผลตอบแทนเป็นเงิน แต่การพนันก็ทำให้เกิดผลเสียมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตจิตเวชตามมา เช่น…

Read More

เรียกว่าร้อนฉ่าบนเพจ FB ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพราะเพียง 1 ชั่วโมงที่กรมอุทยานฯ คลอดรายงานเรื่อง สถานการณ์และการแก้ไขปัญหาช้างป่า “การคุมกำเนิดเพื่อลดอัตราการเพิ่มของประชากรช้างในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก” ซึ่งระบุจำนวนช้างป่าที่เพิ่มขึ้น สร้างปัญหาในพื้นที่อนุรักษ์ป่า 71 แห่ง ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ จำนวนครั้ง และจำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จากช้างป่า ความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร ทรัพย์สิน และชุมชน นอกจากนี้ยังคลอดมาตรการแก้ปัญหา โดยข้อที่มีปัญหามากที่สุดคือการคุมกำเนิดช้างป่าด้วยการฉีดวัคซีน ทันทีที่มีรายงานดังกล่าวก็เกิดกระแสความไม่พอใจ และไม่เห็นด้วยกับรายงาน และมาตรการดังกล่าวขึ้นทันที โดยต่างเข้าไปแสดงความไม่เห็นด้วยใน FB ของกรมอุทยานฯ จำนวนมาก นำโดยคุณกัญจนา ศิลปอาชา ผู้มีบทบาทช่วยเหลือช้างป่าช้างบ้านมาตลอดที่เปิดวอร์ด้วยการระบุว่า ทำไมไม่รายงานบ้างว่าช้างป่าเสียชีวิตเพราะคนกี่ราย ไม่ว่าจะด้วยการถูกยิง การถูกปล่อยกระแสไฟฟ้าดูด การใส่สารพิษลงในพืชผล ตัวเลขสถิติที่บอกมาเชื่อถือได้แค่ไหน คุณกัญจนาระบุด้วยว่าเข้าใจว่าต้องแก้ไขปัญหา แต่ข้อมูลต้องถูกต้อง และไม่ใช่เอียงไปข้างหนึ่งข้างใดเป็นหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่สองด้าน คือดูแลป่า สัตว์ป่า และแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่ Page โพสต์ข้อมูลข้างเดียว ไม่รู้จะโพสต์ทำไม สื่อสารทางเดียวยิ่งดูแย่ นอกจากนี้ยังพูดถึงการฉีดยาคุมเพื่อชะลอการเกิด ซึ่งเป็นนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พยายามขายไอเดียนี้ทั้งต่อสาธารณะ และตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ โดยต่างไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เพราะช้างอยู่ในป่าไม่สามารถเข้าไปดูแลหากเกิดปัญหาจากการฉีดยาคุมกำเนิดได้ เช่นเดียวกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุก่อนหน้านี้ว่า รู้จักช้างดีแล้วหรือยัง? ก่อนจะเลือกวิธีคุมกำเนิดช้าง ..ขอถามว่าทำทุกอย่างเต็มที่ เรียนรู้วิถีช้างดีพอแล้วหรือยัง ขณะที่วันนี้กรมอุทยานฯ จัดประชุมชี้แจงสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาช้างป่า และรับฟังความคิดเห็นการควบคุมกำเนิดช้างป่า ที่กรมป่าไม้ ซึ่งขณะถ่ายทอดสดผ่าน FB ก็มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์คู่ขนาดด้วย

Read More

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) ออกโรงแฉกลโกงเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2568 พบ อบจ. 20 จังหวัด ทุ่มงบประมาณจ้างบุคลากรเกินกว่ากฎหมายกำหนด สงสัยจ้างลูกหลานหวังผลคะแนนเสียง นายมานะ นิมิตมงคล ประธาน ACT เผย อบจ. 20 จังหวัด มีสัดส่วนงบบุคลากรปี 2568 เกินร้อยละ 40 ขัดต่อ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลท้องถิ่น ประกอบด้วย ศรีสะเกษ นราธิวาส มหาสารคาม (เพิ่มเท่ากัน ร้อยละ 57) มุกดาหาร (ร้อยละ 55) พิจิตร (ร้อยละ 54) ชัยภูมิ (ร้อยละ 51) กาฬสินธุ์ (ร้อยละ 50) สกลนคร (ร้อยละ 49)หนองบัวลำภู (ร้อยละ 48) พัทลุง นครราชสีมา (ร้อยละ 47) ยะลา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น (ร้อยละ 46) อำนาจเจริญ น่าน (ร้อยละ 45) แพร่ อุตรดิตถ์ (ร้อยละ 43) สระแก้ว พะเยา (ร้อยละ 42) ในจำนวนนี้ อบจ.ที่มีงบบุคลากรปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2567 สูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ขอนแก่น 650 ลบ. 2)ร้อยเอ็ด 433 ลบ. 3)นราธิวาส 360 ลบ. 4)มหาสารคาม 355 ลบ.และ 5)ชลบุรี 335 ลบ. “ถ้าข้อสงสัยนี้เป็นจริงเท่ากับว่า มีการใช้เงินหลวงสร้างเครือข่ายพวกพ้องมหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ส่วนใหญ่เน้นจ้างลูกหลานคนในพื้นที่เป็นลูกจ้างหรือพนักงานชั่วคราว…

Read More