Browsing: News

ผศ.ประสาท มีแต้ม อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภคออกโรงท้วงติงกระทรวงพลังงาน กรณีการลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) จำนวน 5,200 เมกะวัตต์ โดยไม่มีการประมูลและไม่มีการเปิดเผยเกณฑ์การพิจารณาใด ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่สูงเกินความจำเป็น อาจารย์ประสาท อ้างถึงหนังสือร้องเรียนที่สภาฯ ส่งถึงกระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีคำชี้แจงใด ๆ กลับมา ทั้งที่ข้อเรียกร้องหลักมีสาระสำคัญ 2 ประเด็นใหญ่ และกลายมาเป็นปัญหาในปัจจุบันที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขคือ… ราคารับซื้อไฟฟ้าแพงเกินจริง:กระทรวงพลังงานชี้แจงว่าราคา 2.18 บาทต่อหน่วยไม่แพงจะส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าถูกลง เพราะกฟผ.รับซื้อทั้งระบบในราคา 3 บาทต่อหน่วย เมื่อซื้อใหม่ในราคา 2.17 บาทต่อหน่วย ค่าไฟก็จะถูกลง แต่อาจารย์ประสาท ชี้ว่าอัตรารับซื้อที่ 2.17 บาทต่อหน่วยนั้นสูงเกินไป หากเทียบกับราคาที่ประเทศอื่นสามารถทำได้ เช่น อินเดียประมูลได้เพียง 1 บาทต่อหน่วย และยังมีกรณี 1.44 บาทที่รวมแบตเตอรี่ซึ่งจ่ายไฟได้ 24 ชั่วโมง ส่วนเยอรมันที่มีศักยภาพแสงอาทิตย์ต่ำกว่าประเทศไทย ยังสามารถประมูลได้ในราคาต่ำกว่าคือ 1.83 บาทต่อหน่วย ขณะที่ประเทศแถบทะเลทรายฮารา ราคาประมาณ 0.5 บาทต่อหน่วยเท่านั้น “การประมูลของทั้ง 3 ประเทศที่อ้างาถึงนั้น เกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2567 แต่ของไทยเรากว่าจะได้ขายไฟฟ้ากันจริงก็ประมาณปี 2569-2570 ในขณะที่ต้นทุนการติดตั้งแผงโซลาร์จะมีราคาลดลงประมาณ 8-9% 9 ต่อปี ทำไมเรื่องแค่นี้ กระทรวงพลังงานและ สนพ.ไม่เข้าใจ ไปกินยาอะไรมาถึงได้โคตรวิบัตได้ขนาดนี้?” กระทรวงพลังงานอ้างตรรกะบิดเบี้ยว:อาจารย์ประสาท ตั้งคำถามว่า “เหตุใดจึงไม่เปิดประมูล” และ “ทำไมจึงซื้อแพงกว่าประเทศที่มีศักยภาพแสงอาทิตย์น้อยกว่า” อีกทั้งไม่มีการเปิดเผยเกณฑ์การพิจารณาด้วย ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า หากยังเดินหน้าในราคานี้ ประชาชนจะต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่แพงเกินจริงกว่า 65,000 ล้านบาทตลอดอายุสัญญา 25 ปี

Read More

วันนี้ (23 เม.ย. 2568) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผลตรวจสอบเหล็กเส้นจากพื้นที่อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยระบุว่า จากการตรวจสอบของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่า เหล็กเส้นข้ออ้อยขนาด 20 มม. SD40T ที่ผลิตโดยบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด (ยี่ห้อ SKY) ซึ่งใช้กรรมวิธีผลิตแบบ IF “ตกค่ามวลต่อเมตร” ซ้ำเป็นรอบที่ 2 หรือที่เรียกกันว่า “เหล็กเบา” เช่นเดียวกับผลทดสอบก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนเมษายน โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมย้ำว่า การตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามเกณฑ์ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อย่างเคร่งครัด “ตกก็คือตก ผ่านคือผ่าน” โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือบิดเบือนผลแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เหล็กข้ออ้อยขนาด 32 มม. ที่เคยไม่ผ่านค่าการยืดตัว (Yield Strength) ในการทดสอบครั้งก่อน รอบนี้กลับผ่านการตรวจสอบได้ แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในกระบวนการตรวจมาตรฐานของรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมส่งผลตรวจล่าสุดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีอาคาร สตง.ถล่ม โดยย้ำว่า การส่งผลตรวจนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการสืบสวน ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินคดีต่อผู้ผลิตเหล็กที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วจากผลตรวจรอบแรกเมื่อ 31 มีนาคมที่ผ่านมา. หมายเหตุ: เหล็กเส้นที่ “ตกค่ามวลต่อเมตร” หมายถึงเหล็กที่น้ำหนักไม่ถึงตามที่มาตรฐานกำหนดต่อความยาวหนึ่งเมตร ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความแข็งแรงที่ไม่เพียงพอในการใช้งานโครงสร้างขนาดใหญ่

Read More

“เรากำลังดำเนินการยุติกิจการ – ขอขอบพระคุณสำหรับวันเวลาดี ๆ ที่ได้สร้างร่วมกัน” คือข้อความที่ปรากฏบนหน้าเพจของ Foodpanda ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ซึ่งสะท้อนจุดสิ้นสุดของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อาหารสีชมพูที่เคยครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนานถึง 13ปี ยุติกิจการ 23 พฤษภาคม 2568 — จากขาดทุนสะสม สู่การถอนตัว บริษัทแม่จากเยอรมนี Delivery Hero ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Foodpanda จะ ยุติการให้บริการในประเทศไทยวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 โดยให้เหตุผลว่า เป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นตลาดอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีกว่า เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ คือ ตัวเลขขาดทุนสะสมกว่า 13,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในไทย แม้ปี 2566 จะทำรายได้ 3.84 พันล้านบาท แต่ยังคงขาดทุนอีก 522 ล้านบาท แพ้สมรภูมิแข่งขัน — ขายกิจการไม่สำเร็จ แม้เคยเป็นเบอร์ต้นในวงการเดลิเวอรี่อาหาร แต่ในช่วงหลัง Foodpanda เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 15% เทียบกับคู่แข่งอย่าง LINE MAN Wongnai (44%) และ GrabFood (39.4%) ทั้งยังพยายามขายกิจการให้กับ Grab หรือ Meituan แต่การเจรจาล้มเหลว กระทบทั้งลูกค้า–ไรเดอร์–ร้านค้า หลังประกาศปิดกิจการ ลูกค้าจะสามารถใช้แอปฯ ได้ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม เท่านั้น ส่วนพนักงานและไรเดอร์บางส่วนอาจได้รับการชดเชยหรือโอนย้ายหน้าที่ในภูมิภาคที่ยังดำเนินงานต่อ Delivery Hero ยืนยันว่า ทีมระดับภูมิภาคประจำประเทศไทยจะยังคงทำงานต่อในบทบาทอื่น เช่น วิเคราะห์ข้อมูลหรือสนับสนุนตลาดเพื่อนบ้าน โอกาสใหม่ของ Grab และ LINE MAN การถอนตัวของ Foodpanda คือโอกาสทองของคู่แข่งรายใหญ่ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะในตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 86,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังกลายเป็นศึกสองเส้าเต็มรูปแบบระหว่าง LINE MAN Wongnai และ GrabFood ⸻…

Read More

โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาสู่เก้าอี้ผู้นำพร้อมคำสัญญาเดิมว่าเขาจะ “กอบกู้เศรษฐกิจอเมริกา”แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก CNBC กลับสะท้อนความจริงอีกด้าน… ประชาชน 51% ไม่เห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจของทรัมป์และ 49% มองว่าเศรษฐกิจปีหน้า “จะแย่ลง”นี่คือตัวเลขความไม่เชื่อมั่น สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2023แม้ฐานเสียงเดิมยังภักดี แต่ในกลุ่มคนไม่สังกัดพรรคความนิยมของทรัมป์ “ร่วงลงอย่างชัดเจน” นโยบายภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เคยยืนกรานเริ่ม “ลดท่าที” หลังคะแนนนิยมร่วงพร้อมกับเสียงสะท้อนจากภาคแรงงานที่เริ่มเปลี่ยนกลุ่มคนที่เคยเลือกเขา…เริ่มตั้งคำถามมากขึ้นมาถูกทางแล้วจริงหรือ? ผู้จัดทำผลสำรวจจากทั้งฝั่งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างเห็นพ้องว่า “สังคมอยู่ในภาวะไม่แน่นอน”และ “ประชาชนไม่มั่นใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น” แม้ “ทรัมป์” จะยังไม่แพ้ในสนามเลือกตั้งแต่ “ทรัมป์” กำลังเผชิญความเสี่ยง…ที่จะแพ้ในใจของคนอเมริกา ส่วนทั้งโลกยังคงปั่นป่วนต่อตราบใดที่ “ทรัมป์” ยังไม่เลิกนโยบาย “ทรัมป์ เฟิร์ส“

Read More

เป็นกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านใน ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี หลังองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้โค่นป่าตะเคียนทองอายุเกือบ 20 ปี เพื่อปลูกยูคาลิปตัส จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนัก รวมถึงอาจเชื่อมโยงนักลงทุนต่างชาติ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยนายวัชระพบว่าป่าตะเคียนทองที่ปลูกเพื่อเศรษฐกิจและทดแทนป่านับร้อยนับพันต้น ซึ่งปลูกมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย พอมีนโยบายให้ปลูกยูคาลิปตัส ก็ถูกโค่นหมดหลายพันไร่ แปลงนี้ร้อยกว่าไร่ และยังมีอีกหลายแปลงที่ถูกตัดเช่นกันถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ ทั้งหมดนี้ถูกทำลายเพื่อปลูกต้นยูคาลิปตัส เมื่อถามชาวบ้านที่ร้องเรียนเขายืนยันว่าต้นตะเคียนทองราคาดี และมีค่ากว่าแน่นอน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าต้นกล้ายูคาฯ และปุ๋ยที่ใช้ ล้วนเป็นภาษาจีน จึงมีคำถามว่าทำไมต้องให้ทุนต่างชาติเข้ามาแสวงประโยชน์? ยูคาลิปตัสเป็นพืชทำลายดิน สุดท้ายพื้นที่นี้จะแห้งแล้ง และชาวบ้านจะเดือดร้อน ทั้งนี้นายวัชระเตรียมยื่นหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรฯ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้สิทธิทำกินในที่ดินเหล่านี้กับประชาชน หลังมีข้อกังวลทั้งเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และสิทธิ์ของชาวบ้าน” ว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นธรรมหรือไม่

Read More

เพจเฟซบุ๊กของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้โพสต์ภาพวงหารือที่ระบุเป็นช่วงเย็นวานนี้ที่กรุงเทพมหานคร ที่เขาบอกได้ประชุมกับกลุ่มที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นประธานที่ปรึกษา ซึ่งเป็นการหารือเชิงลึกเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงกระบวนการสันติภาพในเมียนมา โดยเฉพาะการเข้าถึงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเมืองเมียนมา นายอันวาร์บอกด้วยว่า จากนั้นเช้าวันนี้ได้ประชุมกับ พลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ได้หารือเรื่องความช่วยเหลือของมาเลเซีย ไทย และเพื่อนบ้านในการฟื้นฟูบูรณะ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาที่เสียหายหนักหลังแผ่นดินไหว พร้อมขอให้เมียนมา สร้างหลักประกันสันติภาพ หยุดความขัดแย้งใหม่ ๆ หรือการใช้กำลังทหาร เพื่อทำให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้ผล ทั้งนี้นายอันวาร์ตั้งข้อสังเกตว่าการอภัยโทษนักโทษการเมือง 4,800 คนเป็นสัญญาณความปรารถนาอันดียิ่ง จึงได้บอกกับพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ถึงความสำคัญของการหยุดยิง ความสำคัญของการเปิดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครอบคลุมทุกภาคส่วนของเมียนมา โดยไม่คำนึงถึงจุดยืนทางการเมือง ซึ่งพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ก็ให้การรับรอง นายอันวาร์ ยังเปิดเผยว่า ได้ปรึกษาผู้นำอาเซียนแล้วว่า จะติดต่อทั้งพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ เอ็นยูจี โดยหารือทางโทรศัพท์กับนายมานวิน ข่ายตาน (Mahn Win Khaing Than) นายกรัฐมนตรีของเอ็นยูจี รวมถึงตัวแทนยูเอ็นในนิวยอร์ก เพื่อสร้างหลักประกันว่า จะยุติความรุนแรง และอาเซียน จะติดต่อทั้งรัฐบาลเมียนมา และเอ็นยูจี มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับทุกฝ่าย และอาเซียนจะเปิดช่องทางให้ชาวเมียนเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตของเมียนมา “และเพื่อเคารพต่อคำมั่นสัญญาที่ให้กันไว้ ก็ต้องหยุดยิง ไม่ยั่วยุโดยไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้นแล้ว ความพยายามด้านมนุษยธรรมทั้งหลายย่อมล้มเหลว” นายอันวาร์กล่าว

Read More

เป็นเรื่องราวที่ทำเอาใครหลาย ๆ คนช็อกไปตาม ๆ กัน หลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก “อา เฉินนน.” โพสต์เรื่องราวสุดสะเทือนใจแต่สะท้อนอีกแง่มุมของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ที่ความจนมันบีบให้ “คนบางกลุ่ม” ต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อปากท้องของตัวเอง โดยไม่ได้คิดเลยว่าการกระทำนั้นมันจะสร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นและส่งผลเสียต่อตนเองมากแค่ไหน ผลพวงเหล่านั้นก็มาจากการขาดคนอบรมบ่มนิสัยและปลูกฝังไปในทิศทางที่ถูกที่ควร โดยระบุข้อความว่า “มีพ่อแม่และมีลูกเมื่อพร้อม #สมัยนี้โลกมันไปไวมาก สำหรับการมีลูกทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังอายุน้อยหรือยังไม่พร้อมที่จะมี ขนาดที่ตัวเองยังเป็นลูกของพ่อแม่ยังไม่ดีเลย จะมีวุฒิภาวะสอนลูกได้ยังไง การมีลูกทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่พร้อม ผลสุดท้ายคือ พ่อแม่ปู่ย่าตายายต้องมาเลี้ยงดูแทน เพราะตัวเองต้องทำงาน หรือปล่อยให้ญาติเลี้ยงแล้วตัวเองไม่สนใจ ยังใช้ชีวิตสนุกและยังคิดไม่ได้ในวัยที่ยังไม่พร้อมที่จะมีและยังไม่บรรลุนิติภาวะอันควร #ถ้าผมบอกว่าน้อง ๆ เหล่านี้รวมตัวกันตั้งกลุ่มไล่งัดรถมอไซค์ตาม BTS และ MRT เพื่อเอาทรัพย์สินที่อยู่ในรถ คุณจะเชื่อไหม อายุของน้อง พึ่งจะ 5 ขวบเองเรียกได้ว่า เป็นวัยที่อายุน้อยกว่าเยาวชนอีก ตอนที่ผมไปสอบถามตำรวจคุณเชื่อไหม ว่าผมตกใจมาก กับสิ่งที่ตำรวจพูด น้องยังอายุน้อยมาก แต่รวมตัวกันทำเรื่องแบบนี้แล้ว คือโลกสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด น้องพึ่งเรียนอยู่อนุบาล แต่มีความคิดริที่จะทำเรื่องแบบนี้แล้ว เรียกง่ายๆว่ารุ่นลูกผมอีก ผมก็ตกใจและใจหายอยู่พอสมควร เพราะน้อง ๆ เหล่านี้ผมเจอบ่อย และได้กล่าวตักเตือน ว่าอย่ามาเล่นใกล้น้ำนะลูก เดี๋ยวจะตกน้ำเป็นอะไรไปแล้วไม่มีคนช่วยหรือช่วยไม่ทัน โดยที่คิดว่าน้อง ๆ ยังเด็กและอาจจะมาเล่นกันตามภาษาเด็ก ไม่คิดว่าน้องจะทำแบบนี้ สงสารน้อง ๆ มาก ไม่คิดว่าน้องจะเกิดมาโดยมีครอบครัวแบบนี้ เพราะเด็กคือผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ส่วนใครที่มีลูกเมื่อยังไม่พร้อม การมีลูกมันดีไหม สำหรับผมมันดีกว่าการไปทำแท้งแน่นอน แต่การที่มีแล้วคุณควรเอาใจใส่เค้าสักนิด น้อง ๆ มันก็คือลูกของคุณ หมามันยังรักลูกของมัน ถ้าคุณไม่สอนไม่ดูแลและใครจะมาสอนมาดูแลลูกของคุณ ลูกมันคืออนาคตของคุณเมื่อคุณแก่ตัวไป ถ้าน้อง ๆ ไม่ได้รับคำสอนและการปลูกฝังที่ดีน้อง ๆอาจจะก้าวขาไปในทางที่ผิด และที่สำคัญพ่อแม่ของน้องอาจจะเป็นคนสอนให้ทำเพราะเอาเงินไปซื้อยาเสพติด ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ส.ภ บางขุนเทียน ที่มาดูแลครับ ผมก็ฝากแชร์ด้วยนะครับถ้าไม่อยากให้โลกเราโหดร้ายไปมากกว่านี้”

Read More

กระบี่ – การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลคลองพนพัฒนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กำลังเผชิญคำถามร้อนแรง หลังผู้สมัครหมายเลข 1 นายสันติสุข เกกินะ มีชื่อปรากฏใน สำนวนคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ร่วมกับ “กำนันจุก” หรือ นายมนูญ เกกินะ พี่ชายของเขา ซึ่งถูกจับกุมในข้อหาบุกรุกและแผ้วถางป่าคลองพนและป่าบากันรวมกว่า 21 ไร่ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 สำนวนคดีของหน่วยงานด้านป่าไม้ระบุถึง การสนับสนุนทางธุรการและภาคสนาม จากบุคคลใกล้ชิดของกำนันมนูญ โดยพบชื่อของ นายสันติสุข ในฐานะผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการดำเนินการบางส่วน ก่อนที่พื้นที่จะถูกใช้ประโยชน์ในลักษณะผิดกฎหมาย ⸻ โครงสร้างเครือญาติ–อำนาจท้องถิ่น: ช่องว่างที่ควรถูกตรวจสอบ ข้อมูลจากแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า ตระกูล “เกกินะ” มีบทบาทสำคัญในการเมืองท้องถิ่นมายาวนาน โดยนายมนูญดำรงตำแหน่ง “กำนัน” หลายสมัย มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับชาติ และมีบทบาทในข้อพิพาทด้านที่ดินหลายกรณีที่ผ่านมา ขณะที่นายสันติสุขเป็นอดีตข้าราชการท้องถิ่นซึ่งตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แม้ยังไม่มีหมายเรียกหรือคำสั่งฟ้องนายสันติสุขโดยตรง แต่ การปรากฏชื่อในสำนวนสอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าของพี่ชาย ทำให้เกิดคำถามถึง ความเหมาะสมในการรับตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมีอำนาจบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรในพื้นที่ ⸻กฎหมายเปิดช่อง…แต่ประชาชนควรรู้ก่อนใช้สิทธิ ตามกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้สมัครจะขาดคุณสมบัติต่อเมื่อมี คำพิพากษาถึงที่สุด เท่านั้นและนั่นคือปัญหา—เพราะหากมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดว่าผิด ระหว่างที่ผู้สมัครได้รับเลือกและดำรงตำแหน่งแล้ว ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ทำให้เกิด ความสูญเปล่าทางงบประมาณ ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัด ๆ จากกรณีล่าสุดของ สมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งภายหลังถูกศาลฎีกาพิพากษาว่าทุจริตเลือกตั้ง แม้ไม่ต้องจัดเลือกตั้งใหม่เพราะระบบ ส.ว. มีรายชื่อสำรอง แต่ในระดับท้องถิ่น “ไม่มีสำรอง” — หากถูกพิพากษาระหว่างดำรงตำแหน่ง เทศบาลต้องจัดเลือกตั้งใหม่โดยอัตโนมัติ ⸻ การเลือกตั้งไม่ใช่แค่ “ชนะตามกฎหมาย” แต่ต้อง “ชนะใจประชาชนด้วยจริยธรรม” ในพื้นที่ที่มีปัญหาบุกรุกป่าเรื้อรังอย่างคลองพนพัฒนา การมีผู้สมัครที่อยู่ในเครือญาติกับจำเลยคดีบุกรุกป่า และยังปรากฏชื่อในสำนวนสอบสวน แม้ไม่มีคำตัดสินทางกฎหมาย ก็อาจ เป็นสัญญาณอันตรายต่อความโปร่งใสในการบริหารงานท้องถิ่น บางครั้งสังคมเราก็อ้าง “กฎหมาย” จนลืม “สำนึก”แต่ที่ควรตกผลึกคือ “ประชาชนมีสิทธิรู้ข้อมูลให้ครบ”ก่อนลงคะแนนเสียง อ้างอิงข้อมูลการจับกุมคดีจากข่าว ไทยรัฐออนไลน์ ชุดสืบกระบี่บุกจับ กำนันจุก จ้างแบ็กโฮไถรุกที่ป่าโกงกาง 21 ไร่ (24 ก.ค.67)

Read More

เปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ถอดมาจากแบบแปลนในตึก สตง.2 พ้นล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน พร้อมข้อสงสัยว่าใช้งบประมาณ เพื่อจัดซื้อจัดจ้างสิ่งของ เครื่องใช้หรูหราเกินความจำเป็น และแพงเกินจริงหรือไม่ หลังถูกขุดคุ้ยเรื่องเก้าอี้นั่งตัวละเกือบ 1 แสนบาท รวมถึงห้องจัดเลี้ยงและเครื่องเสียง 100 ล้านบาทมาแล้ว เพจ CSI LA เปิดข้อมูลเพิ่มมีทั้ง “โรงหนังส่วนตัว” 200 ที่นั่ง โดยบอกจากแปลนตึก สตง.มีห้องและเก้าอี้เรียงแถวคล้ายโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ รองรับผู้ชมกว่า 200 ที่นั่ง พร้อมคำถามนี่คืองบประมาณเพื่อประชาชน หรือเพื่อความสบายของผู้มีอำนาจ? มีหน้าที่ตรวจสอบความโปร่งใสแต่กลับมี “ความฟุ่มเฟือย” ซ่อนอยู่ในงบของตัวเอง? นอกจากนี้ยังเจาะการจัดซื้อ ที่ตั้งข้อสังเกตุว่าแพงเกินจริงหรือไม่ อย่างเครื่องปั่นไฟ 1600 kVA เครื่องละ 7.25 ล้านบาทรวม 2 เครื่อง 14.5 ล้านบาท และคิดค่าติดตั้งอีก 200,000 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 5.3 – 6 ล้านบาท หรือแพงเกินจริง 1.26 ล้านบาทต่อเครื่อง และการจัดซื้อ “โทรศัพท์แบบ Analog” 2,000 เครื่อง? เครื่องละ 6,800 บาท รวม 13.6 ล้านบาท ราคาจริง 1,659 บาท ส่วนต่างรวม 10.2 ล้านบาท ยังบวกระบบควบคุมโทรศัพท์สำหรับ Staff อีก 1 ชุด ราคา 11.8 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 25.4 ล้านบาท ทั้งหมดปิดท้ายด้วยคำถามถึงความจำเป็น ความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณของหน่วยงานที่ตรวจสอบความโปร่งใสการใช้เงินภาครัฐ แต่กลับใช้เงินประชาชนเช่นนี้ ทั้งที่สามารถตรวจสอบราคาจัดซื้อจัดจ้างได้

Read More

 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการ สปป.ลาวเตรียมเปิดตัวโครงการเพาะปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ในแขวงอัตตะปือทางตอนใต้ บนพื้นที่กว่า 1,700 ไร่) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายผลักดันการเพาะปลูกผลไม้เชิงพาณิชย์ รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนของเอกชนในภาคเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ป่าไม้ ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีน โดยเป้าหมายของลาวคือการเป็นซัพพลายเออร์ทุเรียนให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน นอกจากนี้ รัฐบาลลาวกำลังสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ผลิตจัดหาสินค้าเข้าสู่ตลาดในประเทศมากขึ้น และผลิตเพื่อการส่งออกมากขึ้นเพื่อนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ลาว รัฐบาลลาวตั้งเป้าการเติบโตของภาคเกษตรกรรมไว้ที่ร้อยละ 4.3 ในปี 2025 โดยมุ่งผลักดันให้ภาคการเกษตรมีส่วนสนับสนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มเป็นร้อยละ 22.4 ก่อนหน้านี้เวียดนามกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ในตลาดทุเรียนจีนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนาม โดยปี 2567 เวียดนามส่งออกทุเรียนไปจีนมูลค่ากว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปี 2568 เพราะได้เปรียบไทยที่ต้นทุนการผลิต และการขนส่งที่ต่ำกว่าไทย ขณะที่ สปป.ลาว เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เริ่มให้ความสำคัญกับการปลูกทุเรียนเพื่อส่งออกไปยังตลาดจีน ด้วยการสนับสนุนเกษตรกรปลูกทุเรียนเพื่อส่งออกไปยังจีน และมีนักลงทุนจีนเข้าไปสัมปทานพื้นที่ปลูกทั้งใน สปป.ลาว อีกทั้งได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่งที่ถูกกว่า เพราะมีพรมแดนติดกับจีนและมีเส้นทางรถไฟลาว-จีน คาด 5-6 ปีจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกทุเรียนของไทย ทั้งนี้ถึงประเทศไทยจะได้เปรียบด้านชื่อเสียงและคุณภาพทุจริต โดยเฉพาะหมอนทอง ซึ่งเป็นที่นิยมของคนจีน แต่เมื่อส่วนแบ่งตลาดลดลง ไทยต้องเร่งพัฒนาคุณภาพ และรักษามาตรฐาน สร้างความแตกต่างของสินค้าเพื่อรักษาตลาดจีน และส่งเสริมทุเรียนพรีเมียม หรือสร้างกลยุทธ์ในการแข่งขัน รวมถึงสร้างระบบเพื่อลดต้นทุนการผลิตและการขนส่ง

Read More