Browsing: News

Special ส่งท้ายปี เปิดมุมคิด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มองทิศทางการเมือง-เศรษฐกิจ ปี 68 The Publisher: คุณอภิสิทธิ์มีมุมมองเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจอย่างไรในปี 2568 ? คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: การวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยในบริบทปัจจุบันเริ่มจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นการขึ้นภาษีสินค้าผ่านการใช้ภาษีเป็นอาวุธเศรษฐกิจ ซึ่งอาจกระทบกับไทยที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับจีนหรือเม็กซิโก แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยเฉพาะในด้านการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ เศรษฐกิจไทยที่เปิดรับการค้าระหว่างประเทศสูงมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และจากมาตรการภาษีต่างๆ ซึ่งอาจทำให้สินค้าจากจีนเข้ามาในภูมิภาคนี้ได้ง่ายขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทย รวมถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลไทยพยายามดึงการลงทุนจากต่างประเทศ แม้จะมีความพยายามจากรัฐบาล แต่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำกว่าที่ควร ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาทางโครงสร้าง เช่น การขาดนโยบายที่ชัดเจนในการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลง ในด้านการบริหารเศรษฐกิจภายในประเทศ รัฐบาลได้พยายามจัดการเรื่องเงิน 10,000 บาทและค่าแรง 400 บาท ซึ่งแม้จะได้ผลบางส่วน แต่ก็เสียเวลาและทรัพยากรในการแก้ปัญหาดังกล่าว การดึงการลงทุนจากต่างประเทศยังไม่ชัดเจนและผลตอบรับยังน้อย ในมุมของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การปรับระบบกฎหมายและการพัฒนาทักษะของบุคลากร เพื่อตอบสนองต่อการลงทุนจากต่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี หากไม่ปรับตัวในด้านนี้ เศรษฐกิจไทยก็จะยังคงมีปัญหาต่อไป นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี โดยเฉพาะการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม และการปรับระบบภาษีในด้านอื่นๆ เช่น ภาษีที่ดิน มรดก และภาษีจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว The Publisher: ระบบภาษียังไม่ไปตามช่องทางที่ควรจะทำ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มควรจะเป็นทางสุดท้ายที่จะเลือก? คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นั้นมีข้อควรระวังหลายอย่าง เนื่องจากการเพิ่มภาษีนี้อาจส่งผลให้สินค้าแพงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในด้านเงินเฟ้อและลดกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน การเพิ่มภาษีในอัตราเดียวกันจะกระทบทั้งคนรวยและคนจนในระดับเดียวกัน ซึ่งทำให้เป็นภาระหนักกับผู้มีรายได้น้อย หากรัฐบาลเสนอการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 15% จะยิ่งเป็นเรื่องที่ยากต่อการได้รับการยอมรับจากประชาชน เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระทางการเงินให้กับประชาชนในทุกกลุ่ม ทำให้การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มในระดับนี้อาจไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ตั้งใจไว้ The Publisher: การเตรียมความพร้อมของทางรัฐบาล การรับมือกับโดนัลด์ ทรัมป์ รัฐบาลมีความพร้อมแค่ไหน และมีวิธีคิดในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจอย่างไร? คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ: ในการมองสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย พรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะได้รับความนิยมจากผลงานจริง ๆ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เนื่องจากในอดีตเคยบริหารประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต แต่ปัญหาคือหากพรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผลลัพธ์อาจกลับสู่สภาพเดิม และเพิ่มภาระหนี้สินให้กับรัฐบาลเหมือนกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยกระดับเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้ ในทางกลับกัน หากพรรคเพื่อไทยสามารถทำมาตรการเชิงโครงสร้าง เช่น ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่ส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานได้…

Read More

“มาร์ก” ชำแหละ เกือบ 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทย ติดกับดัก “นโยบายหาเสียง-มุ่งคะแนนนิยม” เมินปรับโครงสร้าง คิดปฏิรูปภาษีผิดทาง เดินตามก้น “ทักษิณ” มอง 3 เดือน “อุ๊งอิ๊งค์” เร็วเกินไปที่จะพูดถึงผลงาน แนะนำในฐานะนายกฯ รุ่นพี่ “ขยันเรียนรู้ มีความสุจริตในการบริหาร” แต่ที่ผ่านมายังมองไม่เห็นในตัว นายกฯ มองฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” ได้มาเพราะพฤติกรรม เตือน อตร. ไม่ให้ลูกโตด้วยตัวเอง จับตา 4 กับดัก MOU 44-กาสิโน-นิรโทษกรรม-แก้ รธน.-ชั้น 14 – การกลับมาของยิ่งลักษณ์แบบไม่ปกติ ย้ำ ไม่ปิดประตูตายกลับสู่ถนนการเมือง อยู่ที่เงื่อนไข ทำประโยชน์ให้ ปชช.ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ The Publisher ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองปี 2568 ว่า ในเรื่องเศรษฐกิจต้องติดตามการเจ้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ “ทรัมป์” เป็นสมัยที่ 2 โดยที่มีนโยบายค่อนข้างชัดเจน ว่าจะมีการขึ้นกำแพงภาษี ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้วย เพราะเราเกินดุลการค้าสหรัฐอยู่อันดับที่ 12 นอกจากนี้การที่จะตอบโต้กับจีน ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจ ก็มีผลกระทบที่ไทยต้องเตรียมรับมือ บางคนบอกมีข้อดีเพราะจีนก็อาจจะย้ายฐานการผลิตมาที่นี่ ก็ต้องระมัดระวัง เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้ ไทยก็เจอมาตรการภาษีจากสหรัฐอเมริกา เรื่องนำแผงโซล่าร์เพราะว่าเขามองว่าผู้ผลิตเป็นบริษัทของจีน เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่า ถ้าย้ายฐานการผลิตมาแล้วจะเลี่ยงมาตรการนี้ได้ “การทุ่มสินค้าราคาถูกเข้ามาในภูมิภาค รวมทั้งประเทศไอด้วย เป็นโจทย์ใหญ่ ที่เห็นชัดเจนสำหรับปีหน้า แต่การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงไปจากการมุ่งในแง่เรื่องเงิน 10,000 บาท รวมกับเรื่องของค่าแรง 400 บาท ซึ่งก็จนถึงทุกวันนี้ก็ถือว่าทำไปได้ ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เสียทั้งเวลาและทรัพยากรไปเยอะกับการเติมกำลังซื้อชั่วคราว และทำสงครามกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะเชิงนโยบายหรือการแต่งตั้งบุคลากรทั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ รวมถึงผู้ว่าฯ แบงก์ชาติในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย อีกทั้งยังมีแนวคิดจะใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศ รวมถึงเรื่องพันธบัตรดิจิทัลด้วย ซึ่งนโยบายส่วนใหญ่ก็ถูกโยนมาจากนายทักษิณ ถ้ายังวนเวียนอยู่อย่างนี้ สภาพเศรษฐกิจ ก็คงไม่หนีจาก ปี 67 เพราะไม่มีการปรับโครงสร้างที่เป็นหัวใจของปัญหาเลย อีกทั้งการปฏิรูปภาษีก็มีความจำเป็น…

Read More

ตามที่ รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกหน่วยงานจัดเตรียมของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อส่งความสุขให้ประชาชน ธนาคารออมสินจึงจัดของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่ลูกค้าธนาคาร ภายใต้โครงการ “วินัยดี มีเงิน” ด้วยการมอบเงินของขวัญพิเศษรายละ 1,000 บาท ให้แก่ลูกหนี้ที่ใช้บริการสินเชื่อวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท มีประวัติชำระหนี้ดีติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ปี ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้/ไม่มีประวัติการตัดหนี้สูญ และมีสถานะหนี้ปกติ (ค้างชำระไม่เกิน 30 วัน) ทั้งนี้ ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เฉพาะผู้ที่มีบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกที่เป็นชื่อตนเอง (ยกเว้นบัญชีเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ และบัญชีร่วม) ที่กดรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 และเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อมอบเป็นขวัญและกำลังใจแก่ลูกค้าที่มีวินัยในการผ่อนชำระหนี้ที่ดี นำไปใช้เป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่

Read More

กรุงเทพฯ – 26 ธันวาคม 2567 ตำรวจสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) สนธิกำลังกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 (ตม.3) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 8 จุด ทั่วกรุงเทพฯ หลังขยายผลจับกุมนาย Tan หรือ คุณหมิง อายุ 19 ปี สัญชาติจีน พร้อมอุปกรณ์ซิมบ๊อกซ์ (GSM Gateway) จำนวน 8 ตัว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา การเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตร./ผอ.PCT โดยมี พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้น เป้าหมายทั้ง 8 จุด ประกอบด้วย คอนโด ไอดีโอ้ O2 บางนาคอนโด TC Green Building ห้วยขวางคอนโด 28 ชิดลม ลุมพินีคอนโด The seed รัชดา-ห้วยขวางคอนโด ไลฟ์ อโศก-พระราม 9คอนโด แอชตัน อโศก-พระราม 9คอนโด ไอดีโอ O2 ตึกบี บางนาคอนโด ศุภาลัย รามคำแหงผลการตรวจค้นสามารถจับกุมชาวจีนได้ 4 ราย ประกอบด้วย Mr.Wang อายุ 32 ปีMr.Wang อายุ 29…

Read More

กิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากกระทรวงการคลังให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ดังนี้ 1 เคยดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย โดยพ้นตำแหน่ง 14 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 1 คณะที่ 2 และ คณะที่ 13 มีมติเสียงข้างมากว่า การดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ของนายกิตติรัตน์ ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย 2 พฤติการณ์ของนายกิตติรัตน์ก่อนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เคยเป็นรองประธานกรรมการในคกก.ด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย และภายหลังลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ยังคงปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย โดยการเยี่ยมชมภาคการเกษตรและโคนมในนามพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 3 การปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นาย ก. มิได้มีหน้าที่และอำนาจเฉพาะแต่การให้คำปรึกษาเสนอความเห็น หรือข้อเสนอแนะตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในลักษณะควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญด้วย เช่นการมอบให้ นายกิตติรัตน์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 316/2566 ประกอบด้วยข้าราชการประจำซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อนำนโยบายสำคัญเรื่องการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยไปปฏิบัติให้เกิดผลขึ้นจริง ซึ่งนโยบายการแก้ไขหนี้สินของประชาชนเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียง ตลอดจนเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นแถลงต่อรัฐสภาด้วย จึงถือเป็น “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” เพราะได้รับการแต่งตั้งมาโดยเหตุผลและความสัมพันธ์ทางการเมือง และมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของพรรคการเมืองและของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ จึงมีลักษณธต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

Read More

คลายปมจัดซื้อไฟฟ้าราคาแพง เร่งเดินหน้า กม.ไฟฟ้าราคาถูก พูดคุยกับ ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดีประธานที่คณะปรึกษาของรมว.อุตสาหกรรม ด้านยุทธศาสตร์ เหตุผลที่นำไปสู่การชะลอ แล้วก็ตั้งกรรมการเพื่อที่จะตรวจสอบกระบวนการรับซื้อ เกิดจากอะไร อย่างไร? ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี: คือ ตอนที่เอาเรื่องที่เรื่องก่อนเรื่องที่มีปัญหาว่า ฝ่ายค้านท้วงติงขึ้นมาว่า การรับซื้อพลังงานสะอาดนี้เป็นยังไง ก็คุณพีรพันธ์ก็พอฝ่ายค้านท้วง ก็เข้าไปตรวจตามธรรมชาตินะครับ เพราะว่าสิ่งที่มันถูก มันต้องไม่เคยผิด ท่านก็ตั้งกรรมการตรวจ และโดยเฉพาะในขณะนี้ ก็ได้ขอให้ท่านพลตำรวจโทเรวัต กลิ่นเกสร เนี่ยเข้ามาช่วยดูเรื่องพวกนี้ด้วยนะครับ ก็เรื่องไหนที่ฝ่ายค้านก็ท้วงติงมาเราก็ตอบโจทย์ไป แต่ว่าประเด็นคือที่สาระสำคัญก่อนคือ ยังไงเสียเนี่ย พลังงานสะอาดเนี่ย มันต้องมีมาในประเทศ สัดส่วนมันต้องมาเบียด ในส่วนของพลังงานสกปรกอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญคือใครเป็นผู้ได้ภายในโปรเจคเนี่ยต้องมีความโปร่งใส ก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติครับ ดีแล้วที่คุณพีรพันธ์แกเบรกเรื่องไว้ แล้วก็ตรวจสอบตามที่ฝ่ายค้าน เขาอยากจะ ตรวจนะครับ แต่ว่าเรื่องยังไงพลังงานสะอาดก็ต้องมี เรียนท่านผู้ชมทั้งฟังแบบนี้ครับว่าประเทศไทยเนี่ย สมัยก่อน สมัยปัจจุบัน เขาชอบบอกว่าประเทศเนี่ย ต้องเน้นเรื่องความมั่นคงทางพลังงานคือไฟไม่ดับ ปกติแล้วเวลาการตั้งสำรองไฟเนี่ย เค้าก็ยังตั้งกันอยู่ ช่วงนี้พีคที่สุดต้องการใช้ไฟเลยขึ้นไปอีก 15% แต่ประเทศนี้มันเลยขึ้นไปถึง 49% แล้ว มันมั่นคงเกินไปนะครับ แต่ว่าในนี้ก็มี 2 เหรียญ เหรียญ 1 ด้านนึง ก็คือว่า อย่างเวียดนามเหนือเวียดนามใต้ เขาไม่มีความมั่นคงทางด้านพลังงานเท่าเรา เพราะงั้นการลงทุน ก็กลัวเหมือนกัน หากไฟดับทำอย่างไร ลาวก็เหมือนกัน ถึงแม้ไฟถูกกว่าเรา แต่ก็ไม่มั่นคงทางพลังงาน อันนี้ของเราก็มั่นคงสูงเกินไป มันจะก็ไปแพงด้วยไง มันตามมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย คราวนี้ ประเด็นคือ แล้วเราจะต้องลดสำรอง จะลดยังไง คำตอบคือ สัญญาณไหนมันเซ็นไปแล้วอะ ส่วนมากมันเปลี่ยนยากนะครับ สัญญาเซ็นไปแล้วมันก็เซ็นไป แต่เดี๋ยวพอความต้องการของไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวเลขที่เคย 49% มันจะตกลงมาเรื่อยๆ คำตอบคือ เดี๋ยวนี้จะต้องทดแทนด้วยพลังงานสะอาดแล้ว เพราะเนื่องจากว่า ฝรั่งในสหภาพยุโรปก็มี 4 แบรนด์ พูดง่าย ๆ คือวิธีกีดกันทำการค้าแบบใหม่ของเขา เขาก็ต้องการจะให้โลกมันเขียวขึ้น อืม โลกมันเขียวขึ้น ก็เลยจะมาดูว่าแหล่งธรรมชาติ แหล่งไฟเป็นยังไง ไฟฟ้ามันก็เลยจะต้องเปลี่ยนสัดส่วนโควตาใหม่ที่เป็นโควตาพลังงานสะอาด นั้นถามว่าพลังงานสะอาดต้องเพิ่มขึ้นมั้ย คำตอบจะต้องเพิ่ม…

Read More

จากกรณีของ “น้องถุงเงิน” ลูกช้างน้อยวัย 8 ขวบ 8 เดือนผู้อาภัพ ถูกขายเร่เปลี่ยนมือเปลี่ยนเจ้าของและถูกเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยความฉลาดและแสนรู้ ทำให้ถุงเงินถูกฝึกตั้งแต่เล็ก และได้ลองทำงานสารพัด ทั้งรับนักท่องเที่ยว ขายผลไม้ออนไลน์ แห่งาน รับแขกสวนอาหาร กระทั่งมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นช้างขอทาน ไม่มีกิน จนปศุสัตว์เข้าตรวจสอบ ไม่นานก็ถูกขายต่อลงใต้ ต้องทำหน้าที่รับนักท่องเที่ยวและลากไม้ เป็นช้างน้อยที่ชะตาชีวิตน่าอดสู ไม่ได้ใช้ชีวิต ไม่ได้เล่นสนุกตามช่วงวัยของเขาอย่างที่ควรจะเป็น และเหตุนี้เอง “หนูนา” นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา แม่พระของบรรดาช้างน้อยจึงตัดสินใจไถ่ถุงเงินให้เป็นอิสระ พร้อมกับทำเรื่องย้ายช้างน้อยสู่อ้อมอกร่มแดนช้าง ตามที่ The Publisher เคยนำเสนอไปนั้น ในวันนี้ “น้องถุงเงิน” ได้ออกเดินทางจากบ้านหลังสุดท้าย ทิ้งอดีตชีวิตแสนลำเข็ญไว้ข้างหลัง พร้อมมีชีวิตใหม่ ไม่ต้องทำงานหนัก มีคนคอยให้ความรักและดูแลเอาใจใส่จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ณ ร่มแดนช้าง จ.เชียงใหม่ บ้านหลังใหญ่ปลายทางสุดท้ายของช้างไร้ที่พึ่ง.ขอบคุณ FB : NuNa Silpa-archa

Read More

เรียกว่าเป็นข่าวเศร้าของวัน เมื่อนายธนาคาร หรือ “แบงค์ เลสเตอร์” อินฟลูเอนเซอร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่โด่งดังจากการร้องแร๊ปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตเมื่อ 3.40 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากเพจหมอแล็บแพนดา ระบุสาเหตุจากถูกจ้างดื่มสุราให้หมดแลกเงิน 3 หมื่นบาท ทั้งที่การกระดกสุราปริมาณมากในเวลารวดเร็ว มีคนเสียชีวิตมาหลายกรณีแล้ว เพราะอาจเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษแบบเฉียบพลัน เมื่อแอลกอฮอล์ถูกเติมเข้าไป ไม่ปล่อยให้มีเวลาขับออกจากร่างกาย และยังเสี่ยงสำลัก อาเจียน หายใจไม่ออก หยุดหายใจและหมดสติ การเสียชีวิตของแบงค์ ติดเทรนต์ x อันดับหนึ่ง มีชาวเน็ตไว้อาลัย และเรียกร้องให้กลุ่มอินฟลูฯ ที่ทำคอนเทรนต์จ้างให้แบงค์ดื่มสุราจนหมดแบนแลกกับเงิน 3 หมื่นบาท จ้างให้กินเจลหล่อลื่น หรือกินของแปลกๆ เพื่อสร้างความสนุกสนานออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเท่ากับเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง พร้อมกับเรียกร้องว่ามีหน่วยงานใดบ้างที่เข้ามาดูแลการทำคอนเทรนต์ที่เสี่ยงต่อชีวิตและสวัสดิภาพ แบงค์เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ ผมยอมโดนแกล้ง …ยอมโดนดูถูก…เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว” โดยแบงค์ขายพวงมาลัยเลี้ยงดูยาย ขณะที่ กัน จอมพลัง โพสต์ระบุว่า น้องมันเอาศักดิ์ศรีมาแลกกับความเป็นอยู่ของครอบครัว แต่พอน้องมันยอมลดศักดิ์ศรีพวกเอ็งก็ยิ่งทำอะไรประหลาดๆ กับแบงค์จนเลยเถิด น้องมันตุยเพราะคอนเทนต์ขยะของพวกคุณ ไม่ได้แค่น้องที่ตุย แต่เหมือนตุยทั้งครอบครัว เพราะแบงค์เป็นเรี่ยวแรงหลักของบ้าน ผมจะคอยดูว่าพวกคุณจะดูแลครอบครัวน้องหรือรับผิดชอบยังไง ถ้าตอนทำคอนเทนต์แย่งกันทำสนุกสนาน แต่ตอนรับผิดชอบไม่เห็นหัวใครซักคน ฝากบอกญาติน้องด้วยถ้าพวกนี้เงียบแล้วต้องการเอาเรื่องบอกได้เลยผมพร้อมช่วย ทั้งนี้มีข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงปริมาณการดื่มเหล้าว่าตั้งแต่ 30 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่ทำให้สนุกสนานร่าเริง การยับยั้งชั่งใจลดลง แต่เมื่อถึง 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะควบคุมสติไม่ได้ หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดปกติ และเมื่อถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะหมดสติ อาจถึงขั้นเสียชีวิต อาจมีเคสแบบ แบงค์ เลสเตอร์ เกิดกับอีกหลายๆ คนที่ชีวิตถูกนำมาเป็นคอนเทรนต์ เพื่อให้อินฟลูฯหลายคนได้ยอดแชร์ ยอดไลท์ และยิ่งต้องการยอดมากเท่าไหร่ ก็จะมีคอนเทรนต์พิสดารมากขึ้นเท่านั้น และไม่เพียงอินฟูลฯ ที่ต้องรับผิดชอบ ผู้เสพสื่อฯ ก็ไม่ควรสนับสนุนคอนเทรนต์ที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นคน หรือเนื้อหาที่เสี่ยงให้เกิดอันตรายทุกกรณีด้วย The Publisher ขอร่วมไว้อาลัย แบงค์ เลสเตอร์ ไว้ ณ โอกาสนี้

Read More

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะที่เครื่องบินของสายการบิน United Airlines โบอิ้ง 787 เที่ยวบินที่ UA202 จากชิคาโก มุ่งสู่ เมาอิ ฮาวาย ลงจอดที่สนามบินคาฮูลุยนั้น ลูกเรือภาคพื้นดินค้นพบศพที่น่าสยดสยองในช่องเก็บล้อของเครื่องบินลำดังกล่าว โดยสายการบิน United Airlines กล่าวในแถลงการณ์ว่าช่องเก็บล้อนั้นสามารถเข้าถึงได้จากภายนอกเท่านั้น ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดอย่างแน่ชัดว่าศพเข้าไปได้อย่างไร และใครเป็นผู้กระทำ ทางสายการบินจะดำเนินการร่วมกับทีมกฎหมาย และตำรวจในพื้นที่ต่อไป

Read More