Browsing: News

ปปช.ภาค 4 ร่วมตำรวจ บุกจับอดีตนายก อบต. จังหวัดหนองบัวลำภู บุกรุกที่ดินรัฐกว่า 86 ไร่ อ้างสิทธิ์ถือครองโดยมิชอบ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายฐานบุกรุกที่ดินของรัฐโดยทุจริต จับคาหนังคาเขา! อดีตนายก อบต. บุกรุกที่ดินรัฐ อ้างสิทธิ์ครอบครองโดยมิชอบ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังเข้าจับกุมอดีตนายก อบต. จังหวัดหนองบัวลำภู ฐานบุกรุกและอ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที่กว่า 86 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ป.ป.ช. ระบุว่า การตรวจสอบพบความผิดปกติในการครอบครองที่ดินของรัฐในพื้นที่หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นที่ดินที่ควรจะอยู่ในความดูแลของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ แต่กลับถูกบุคคลอ้างกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ เปิดพฤติการณ์ทุจริต อ้างเป็นที่ดินส่วนบุคคล – มีเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ จากการตรวจสอบพบว่า อดีตนายก อบต. รายนี้ได้พยายามออกเอกสารสิทธิ์โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย และมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อหน่วยงานราชการ โดยพบว่า ที่ดินดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 151 ล้านบาท โดยการบุกรุกดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนสถานะที่ดินรัฐเป็นที่ดินส่วนบุคคลเพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งในการตรวจสอบพื้นที่จริง เจ้าหน้าที่พบการปลูกพืชเชิงพาณิชย์และมีหลักฐานการครอบครองที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ลั่น! ต้องดำเนินคดีถึงที่สุด – ไม่ให้ที่ดินรัฐตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจ สำนักงาน ป.ป.ช. ยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และจะมีการขยายผลสืบสวนไปยัง บุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ดินของรัฐในลักษณะเดียวกัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเส้นทางการได้มาของที่ดิน และจะดำเนินคดีอาญากับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันไม่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจใช้ช่องโหว่กฎหมายฮุบที่ดินของรัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และเตือนว่า ทุกกรณีการบุกรุกจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ที่ดินรัฐต้องเป็นของประชาชน #ปปชจัดการเด็ดขาด #หยุดโกงชาติ

Read More

สำนักงานศาลปกครองออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ยืนยันว่ามี ผู้สมัครสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นลักลอบนำเอกสารเข้าสอบ ณ ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ศาลปกครอง ชี้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงตัวบทกฎหมายทั่วไป ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยหรือคำตอบข้อสอบ แถลงการณ์ระบุว่า ระบบการออกข้อสอบของศาลปกครองมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูง ข้อสอบจะถูกจัดทำในวันสอบ ผู้ออกข้อสอบและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถูกตัดการสื่อสารทุกช่องทางจนกว่าการสอบจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อสอบรั่วไหล แฟนเพจดังแฉ! พ.ต.อ. ถูกจับได้คาห้องสอบ โพยเพียบ ก่อนหน้านี้ แฟนเพจ “บิ๊กเกรียน” ได้เผยแพร่คลิปและข้อความอ้างว่า ผู้สมัครสอบที่ถูกจับได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “พ.ต.อ.” และถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบตรวจพบโพยในห้องสอบ ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็น “หากมีตุลาการที่โกงข้อสอบตั้งแต่ต้น จะยังน่าเชื่อถือได้หรือไม่?” ข่าวนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการกฎหมาย เนื่องจาก ตำแหน่งตุลาการศาลปกครองเป็นหนึ่งในตำแหน่งสำคัญสูงสุดของกระบวนการยุติธรรม การที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกกล่าวหาว่าโกงสอบ ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของกระบวนการคัดเลือกบุคลากรในศาลปกครอง โซเชียลเดือด! เรียกร้องให้เปิดชื่อ – ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด หลังข่าวแพร่กระจาย ชาวเน็ตจำนวนมากเรียกร้องให้ ศาลปกครองเปิดเผยรายชื่อผู้กระทำผิด และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยแสดงความคิดเห็นว่า• “ถ้าตุลาการยังโกงตั้งแต่สอบ ประเทศนี้จะเหลืออะไรให้เชื่อถือ?”• “ตำรวจก็โกง ศาลก็โกง แล้วประชาชนจะไปพึ่งใคร?”• “ไม่ใช่แค่ตัดสิทธิ์สอบ แต่ต้องดำเนินคดีอาญาด้วย” อนาคต พ.ต.อ. ผู้ถูกกล่าวหา – เสี่ยงวินัยร้ายแรง! แม้ศาลปกครองยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้กระทำผิด แต่หากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง ผู้สมัครสอบรายนี้อาจถูกตัดสิทธิ์สอบทันที และหากเป็นตำรวจจริง อาจเผชิญโทษวินัยร้ายแรง ซึ่งอาจรวมถึงการปลดออกจากราชการ ประชาชนจับตา: ศาลปกครองจะจริงจังหรือปล่อยเงียบ? สิ่งที่สังคมรอจับตาคือ ศาลปกครองจะดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่? หรือสุดท้ายเรื่องนี้จะเงียบหาย เพราะผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ งานนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการทุจริตสอบ แต่เป็นบทพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยยังสามารถรักษาความยุติธรรมได้จริงหรือไม่

Read More

“ไม่ห่วงสักนิด!” – นี่คือคำยืนยันหนักแน่นจาก นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ในการให้สัมภาษณ์กับ The Publisher ผ่านรายการ ”เที่ยงเปรี้ยงปร้าง“ ดำเนินรายการโดย ”สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ โดยระบุอย่างมั่นใจว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ จะผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แน่นอน แม้จะดำรงตำแหน่งเพียง 6 เดือน “ท่านเกิดในครอบครัวนายกฯ โตมาในบ้านนักการเมือง! ครอบครัวมีนายกฯ หลายคน มีประสบการณ์ รู้ทันเกม ไม่ใช่เด็กใหม่ในวงการนี้!” กรอบเวลาอภิปรายยังวุ่น! “รัฐบาลให้สุดแล้ว – ฝ่ายค้านอยากได้มากไป!” ส่วนการเจรจาเรื่อง กรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังคงเป็นปมร้อน ฝ่ายค้านต้องการ 30 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลมองว่ามากเกินไป จึงเสนอ 20 ชั่วโมงสำหรับฝ่ายค้าน + 10 ชั่วโมงสำหรับรัฐบาล ซึ่งสุดท้าย ตัดสินใจเพิ่มให้เป็น 23 ชั่วโมง สำหรับฝ่ายค้าน และ 7 ชั่วโมง สำหรับรัฐบาล “เราถอยให้สุดกระดานแล้ว! 23:7 ชั่วโมงนี้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด! ฝ่ายค้านได้อภิปรายเต็มที่ ส่วนรัฐบาลก็ยังมีเวลาชี้แจง เพราะต้องรวมเวลาประท้วงเข้าไปด้วย!” “อย่าบิดเบือน” นายกฯ คนอื่นเคยถูกซักฟอกเวลาน้อยกว่านี้ นายวิสุทธิ์ยังโต้กลับข้อกล่าวหาว่า “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ที่ได้รับเวลาซักฟอกน้อยที่สุด ว่า “อย่าบิดเบือน!” พร้อมยกตัวอย่างว่า “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” เคยถูกอภิปรายแค่วันเดียว! “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายค้านหยิบแต่ประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมาพูด! นายกฯ ที่ถูกอภิปรายแค่วันเดียวมีมาแล้ว สองวันก็มีหลายคน! ถ้าสื่อสงสัย ผมส่งเอกสารจากสภาฯ ให้ดูได้!” ฟันธง! ทักษิณไม่มีสิทธิ์เข้าชี้แจงในสภาฯ อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือ ข้อเสนอของวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ที่แนะนำให้ประธานสภาฯ ทำหนังสืออนุญาตให้ “ทักษิณ” มาชี้แจงในสภาฯ โดยวิสุทธิ์ ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “เป็นไปไม่ได้!” “รัฐธรรมนูญมาตรา 151 เขียนชัด! อภิปรายได้แค่ ‘นายกฯ และรัฐมนตรี’…

Read More

“ถ้าคุณมั่นใจว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง คุณต้องกล้าเผชิญหน้ากับการตรวจสอบ” – อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดใจในรายการของ WATCHDOG กับ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกฯ ในระบบรัฐสภาของไทย จึงไม่เห็นความสำคัญของการตรวจสอบจากสภาเท่าที่ควร “ผมแปลกใจมาก เราใช้ระบบรัฐสภามากว่า 50 ปี แต่ทำไมยังไม่เข้าใจว่า นายกฯ ต้องมาสภาทุกสัปดาห์เพื่อตอบกระทู้จากตัวแทนของประชาชน มันคือกลไกสำคัญที่ทำให้คนมีอำนาจไม่ลุแก่อำนาจ เพื่อนชาวอังกฤษบอกกับผมว่า นายกฯ ต้องไปให้ตัวแทนประชาชน ‘จิกหัวด่า’ ทุกสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในไทย กลายเป็นว่านายกฯ มาตอบกระทู้สด กลับกลายเป็นข่าวฮือฮา” อภิปรายฯ ครั้งแรกหลังเลือกตั้ง ฝ่ายค้านต้องพิสูจน์ ไม่ใช่แค่พูดลอย ๆ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ชี้ว่า ฝ่ายค้านมีภาระหนักในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา เพราะญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมักเริ่มต้นด้วยข้อกล่าวหารุนแรง เช่น “ไร้ประสิทธิภาพ” หรือ “ขาดภาวะผู้นำ” แต่หากไม่มีข้อมูลและเหตุผลที่ชัดเจน ก็กลายเป็นแค่การกล่าวหาโดยไร้น้ำหนัก “ฝ่ายค้านต้องชี้ให้เห็นว่า นายกฯ บริหารผิดพลาดอย่างไร ล้มเหลวตรงไหน ถ้าจั่วหัวแรง ก็ต้องมีหลักฐานให้หนักแน่นกว่าเดิม ไม่ใช่พูดลอย ๆ เพราะจะทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายค้านเอง” โดยเฉพาะประเด็นที่ฝ่ายค้านชูว่า นายกฯ อยู่ภายใต้บงการของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ชี้ว่า ฝ่ายค้านต้องมีหลักฐานว่าทักษิณมีบทบาทต่อการตัดสินใจของนายกฯ จริง “การพูดถึงทักษิณอภิปรายได้ แต่ไม่ใช่การอภิปรายทักษิณ ต้องอภิปรายว่านายกฯ ทำผิดอย่างไร ถ้าความผิดนั้นเกี่ยวข้องกับทักษิณ ก็ต้องบรรยายข้อเท็จจริง แต่ไม่ใช่ทำให้ทักษิณกลายเป็นเป้าหมายหลักของการอภิปราย” นายกฯ ต้องตอบเอง ไม่ใช่แค่ ‘อ่านโพย’ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ย้ำว่า นายกฯ ควรอยู่ในที่ประชุมตลอดการอภิปราย เพราะหากใช้วิธี “อ่านโพย” หรือให้รัฐมนตรีคนอื่นตอบแทนโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน จะสะท้อนถึงการขาดความสามารถในการรับมือกับการตรวจสอบ “ถ้าคุณเป็นนายกฯ ที่ศึกษาและเอาใจใส่งานของรัฐบาลโดยรวม คุณต้องสามารถตอบข้อซักถามได้ ไม่ใช่แค่อ่านโพย หรือโยนให้คนอื่นพูดแทน” อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า บางประเด็นอาจให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นผู้ตอบได้ แต่ต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ว่า นายกฯ ไม่สามารถรู้ลึกทุกเรื่อง…

Read More

ฝ่ายค้านเดินหน้าซักฟอกรัฐบาล แม้ถูกบีบให้ ถอดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ยังมุ่งเป้าไปที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง พร้อมยืนยันว่า “ไม่มีมวยล้ม” และมีข้อมูลทุจริตที่อาจทำให้ นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง! พร้อมเชิญชวนประชาชนรอดูศึกซักฟอกครั้งนี้ “ข้อมูลเด็ดมีแน่นอน รอฟังได้เลย” เป็นคำยืนยันของ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์กับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ โดยย้ำว่าฝ่ายค้านไม่มีทางล้มญัตติของตัวเอง และ เตรียมข้อมูลสำคัญที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน “เราก็พร้อมถอย เพื่อให้การอภิปรายเกิดขึ้น แต่เราจะเดินหน้าเรียกร้องให้ตรวจสอบว่าการใช้อำนาจของประธานสภาฯ เป็นไปโดยชอบหรือไม่” ศิริกัญญากล่าว พร้อมระบุว่า พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากเห็นว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อการเมืองกลายเป็นเกมภาษาประชาชน หลังจากที่ชื่อของ “ทักษิณ” ถูกถอดออกจากญัตติ กลายเป็นกระแสบนโซเชียลว่าควรใช้คำว่าอะไรแทน บ้างเสนอ “ชายคนนั้น” “พี่คนนั้น” “ลุงคนนั้น” หรือแม้แต่ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นเรื่องน่าสนใจที่ประชาชนร่วมกันเล่นเกมคำแทนชื่อของทักษิณ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเด็นนี้เป็นที่จับตาของสังคม ท้าพิสูจน์ ไม่มีดีล-ไม่มีมวยล้ม เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าฝ่ายค้านอาจ “ล้มญัตติอภิปรายเอง เพราะไม่มีข้อมูลเด็ด” ศิริกัญญาปฏิเสธทันที พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายค้านรอคอยโอกาสนี้มานานกว่าหนึ่งปี และมีข้อมูลสำคัญที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน “เราไม่ได้พูดถึง ‘ทักษิณ’ ขนาดนั้น แต่เน้นไปที่ นายกรัฐมนตรีที่ปล่อยให้ทักษิณบงการ ทำให้เราสงสัยว่าทำไมรัฐบาลถึงกลัวการอภิปรายครั้งนี้นัก” เมื่อถูกถามว่าการอภิปรายครั้งนี้อาจเป็นแค่ “มวยล้มต้มคนดู” หรือไม่ ศิริกัญญา ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีทาง! “ดิฉันทำงานหนักมาตลอด สามเดือนที่ผ่านมา ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถ้ามีมวยล้ม ดิฉันจะเป็นคนแรกที่ออกมาโวยวายพรรคตัวเอง!” รอฟังได้เลย ซักฟอกเดือด ปลายมีนา หรือ ต้นเม.ย.นี้ เมื่อถูกถามว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะมีข้อมูลที่ “ปิดเกม” ได้เลยหรือไม่ ศิริกัญญาเปิดเผยว่า ข้อมูลที่มีอาจทำให้ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง เพียงแต่ กระบวนการโหวตในสภา อาจไม่ได้สะท้อนความจริงทางการเมือง เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอาจยังเจรจาผลประโยชน์กันอยู่ “ถึงแม้โหวตในสภาอาจไม่ทำให้นายกฯ หลุดจากตำแหน่งทันที แต่เราจะยื่นเรื่องให้…

Read More

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 โดยมี 3 แนวทางหลัก ซึ่งอาจส่งผลให้ ค่าไฟพุ่งแตะ 5.16 บาทต่อหน่วย หรือคงที่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ตามแต่ละกรณี “ปรับขึ้น หรือ คงที่?” – 3 แนวทางค่าไฟที่ประชาชนต้องจับตา กรณีที่ 1: ค่าไฟสูงสุด 5.16 บาท/หน่วย (+24%)• ปรับค่าเอฟที 137.39 สตางค์/หน่วย• ชดเชยต้นทุนคงค้างของ กฟผ. และ รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน คืนทั้งหมด• ค่าไฟเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจาก 4.15 → 5.16 บาท/หน่วย กรณีที่ 2: ค่าไฟ 4.95 บาท/หน่วย (+19%)• ปรับค่าเอฟที 116.37 สตางค์/หน่วย• ชดเชยต้นทุนคงค้าง กฟผ. ทั้งหมด แต่ไม่รวมส่วนต่างราคาก๊าซ• ค่าไฟเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจาก 4.15 → 4.95 บาท/หน่วย กรณีที่ 3: ตรึงค่าไฟเท่าเดิม 4.15 บาท/หน่วย• ค่าเอฟทีคงที่ 36.72 สตางค์/หน่วย• ทยอยชำระคืนหนี้ กฟผ. แทนการจ่ายทั้งหมดในครั้งเดียว• ประชาชนไม่ต้องแบกรับภาระเพิ่มในทันที ต้นทุนค่าไฟพุ่งเพราะอะไร?ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ กกพ. ระบุว่าปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้น มาจาก หนี้ค่าเชื้อเพลิงที่สะสมกว่า 3 ปี จากช่วงพลังงานแพง,ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ,ต้นทุนพลังงานที่ยังสูงขึ้นจากก๊าซ LNG และถ่านหินนำเข้า และฤดูแล้งทำให้พลังงานน้ำผลิตได้น้อยลง ยังไม่มีข้อสรุป ต้องฟังเสียงประชาชนกกพ. เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปรับค่าไฟฟ้า ตั้งแต่ 11-24 มีนาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ก่อนสรุปและประกาศอัตราค่าไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ประชาชนสามารถช่วยลดค่าไฟได้ด้วย 5…

Read More

กรุงเทพฯ, 11 มีนาคม 2568 – เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อ นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งรัฐบาลกำลังผลักดัน พร้อมชี้ว่าเป็น “หายนะของประเทศ” ที่จะทำให้สังคมไทยอ่อนแอ และเปิดทางให้ธุรกิจสีเทาเติบโต “กาสิโน-พนันออนไลน์” ถูกมองว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ในแถลงการณ์ คปท. ระบุว่า “กาสิโนและพนันออนไลน์” เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่สวนทางกับปัญหาปากท้องของประชาชน แทนที่รัฐบาลจะมุ่งเน้นการสร้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิต กลับเลือกส่งเสริมธุรกิจพนันที่เอื้อประโยชน์แก่นายทุนและอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมร้ายแรง “แม้แต่เยาวชน นิสิต นักศึกษา และนักการศาสนาต่างๆ ก็ออกมาแสดงความห่วงใยต่อรัฐบาลที่กำลังมอมเมาประชาชนให้หันพึ่งอบายมุข มากกว่าการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน” คปท. กล่าวในแถลงการณ์ บทเรียนจากต่างประเทศ: กาสิโนไม่ได้ทำให้ประชาชนรวย แถลงการณ์ยังชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่เปิดกาสิโนมักไม่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตรงกันข้าม ธุรกิจนี้อาจ สร้างผลกำไรเฉพาะให้กับนายทุน แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศที่มี ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันสูง หรือขาดกลไกบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง มักกลายเป็นแหล่งรวมของธุรกิจใต้ดิน เช่น ค้ามนุษย์ มาเฟีย ยาเสพติด และการฟอกเงิน ซึ่งสามารถแฝงตัวเข้ามาใช้ผลประโยชน์จากกาสิโนได้ “รัฐบาลต้องหยุดหายนะที่มองเห็นได้” คปท. เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีทบทวนนโยบายดังกล่าว และยุติแผนการเปิดกาสิโนและพนันออนไลน์ทันที เพราะมองว่าเป็น “การนำพาประเทศไปสู่รัฐล้มเหลว” “หากรัฐบาลยังเดินหน้านโยบายนี้ เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ห่วงใยประเทศชาติและประชาชนจริงๆ คิดเพียงแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ซึ่งมีแต่จะทำให้ประเทศอ่อนแอ” “ถ้ารัฐบาลยังดื้อ คปท. พร้อมลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ยังทิ้งท้ายด้วยคำเตือนว่า หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป ประชาชนก็ไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้อีกต่อไป พร้อมประกาศจุดยืนว่า “หยุดกาสิโน หยุดพนันออนไลน์ หยุดรัฐบาลนอมินี” การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนกลุ่มใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และอาจเป็นชนวนสำคัญของกระแสต่อต้านที่กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย

Read More

วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เปิดปฏิบัติการ “ม้าโทรจัน” (CIB Trojan Horse) แฝงตัวเป็นบัญชีม้า ทลายเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดนส่งแก๊งคอลเซนเตอร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ประกอบด้วย: นายสันติภาพฯ อายุ 28 ปีนายนพดลฯ อายุ 31 ปีนายรุ่งเรืองฯ อายุ 46 ปีนายชำนาญฯ อายุ 39 ปีผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมในพื้นที่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่าหรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจสอบพบการชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย โดยเสนอค่าตอบแทน 3,000-5,000 บาทต่อบัญชี และมีเงื่อนไขให้เดินทางไปที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว เพื่อสแกนใบหน้าก่อนใช้งานบัญชี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแฝงตัวเป็นบัญชีม้า และพบว่ามีการเสนอค่าตอบแทนสูงถึง 20,000 บาท สำหรับการเปิด 5 บัญชี เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายสันติภาพฯ ได้ขับรถมารับบัญชีม้า และพาไปเปิดบัญชีธนาคารใน จ.ชลบุรี ก่อนจะส่งต่อให้นายนพดลฯ ที่ จ.จันทบุรี จากนั้น นายนพดลฯ ได้ส่งต่อให้นายรุ่งเรืองฯ และนายชำนาญฯ เพื่อพาบัญชีม้าข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพาบัญชีม้าข้ามแดน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมได้ทั้งหมด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยนายนพดลฯ รับว่าเป็นผู้สั่งการ และมีการติดต่อกับนายหน้าบัญชีม้าฝั่งกัมพูชา ส่วนนายรุ่งเรืองฯ และนายชำนาญฯ รับว่าเป็นผู้พาบัญชีม้าข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ทั้งนี้ การสืบสวนพบว่าขบวนการนี้ลักลอบขนย้ายบัญชีม้าผ่านบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยมีช่องทางธรรมชาติเป็นที่ตั้ง โดยเครือข่ายของคนร้ายได้มีการทำมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งถูกจับกุมในครั้งนี้

Read More

วันที่ 11 มีนาคม 2568 – รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและสื่อมวลชนอาวุโส ได้เผยแพร่ หนังสือเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี ผ่านช่องทางออนไลน์ เรียกร้องให้รัฐบาลยุติแนวคิด “เปิดบ่อนการพนันและการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย” โดยระบุว่าเป็นนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างร้ายแรง 8 เหตุผลที่ไม่ควรเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมาย ในหนังสือเปิดผนึก ดร.เจิมศักดิ์ เริ่มต้นด้วยการระบุว่า ในฐานะคนไทยใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีสิทธิ์นอกรัฐธรรมนูญเหมือน “พ่อนายกฯ” ที่ครอบงำและครอบครองรัฐบาล ขอเรียกร้องให้ ครม.มีมติไม่อนุมัติร่างพ.ร.บ.เพื่อเปิดบ่อนการพนัน ซุกไว้ภายใต้ชื่อสถานบันเทิงครบวงจร และที่เลวร้ายกว่านั้นคือการพนันออนไลน์ โดยให้เหตุผลถึง 8 ประเด็นสำคัญ ที่ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบด้านลบของการเปิดบ่อนการพนันและกาสิโนออนไลน์ในประเทศไทย ได้แก่ การพนันเป็นการชิงทรัพย์ประชาชน – การเปิดบ่อนและพนันออนไลน์ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่แท้จริงแก่ประเทศ แต่เป็นการ “ล้วงเงิน” จากประชาชนไปสู่กลุ่มนายทุน เป็นนโยบายที่ไม่เคยหาเสียงไว้ – พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เคยสัญญากับประชาชน ว่าจะเปิดบ่อนการพนัน จึงถือเป็นการดำเนินนโยบายโดยพลการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ส่งเสริมค่านิยมผิดๆ – ทำให้คนไทยหมกมุ่นกับการพนัน สูญเสียโอกาสในการทำงาน และละเลยคุณค่าของความขยันหมั่นเพียร ก่อให้เกิดปัญหาสังคม – ส่งผลให้ประชาชนเป็นหนี้สิน หมดตัว ทะเลาะวิวาทในครอบครัว และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย การพนันเป็น “โรคติดพนัน” – เป็นโรคทางจิตที่ต้องใช้ทรัพยากรของรัฐในการรักษา และกระทบต่อเศรษฐกิจและครอบครัวของผู้ติดพนัน บ่อนกาสิโนอาจเป็นศูนย์กลางอาชญากรรม – ทั้งการฟอกเงิน การฉ้อโกง คอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมอื่นๆ อาจแพร่ระบาดมากขึ้น เป็นการรวบอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง – กฎหมายเปิดช่องให้รัฐบาลและกลุ่มทุนมีอำนาจกำหนดนโยบายกาสิโน ทำให้เกิดการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ รัฐบาลอาจถูกกล่าวหาว่า “ทรยศประชาชน” – หากดำเนินนโยบายนี้ อาจถูกมองว่าเป็นรัฐบาลที่บกพร่องทางจริยธรรม และมุ่งแต่สร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนแทนที่จะดูแลประชาชน ข้อเรียกร้องต่อคณะรัฐมนตรี ในตอนท้ายของหนังสือเปิดผนึก ดร.เจิมศักดิ์ ขอให้คณะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลยับยั้งการอนุมัติพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้บ่อนกาสิโนถูกกฎหมายเกิดขึ้น โดยเน้นย้ำว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการนี้ อาจถูกประชาชนมองว่า “ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน” และเป็นการทำลายคุณธรรมในสังคมไทย โดย กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านกาสิโนและพนันออนไลน์ ที่ปักหลักอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลได้นำจดหมายเปิดผนึกนี้ไปอ่านบนเวทีปราศรัยด้วย

Read More

ในโลกแห่งแสงและเงาที่ถูกร้อยเรียงเป็นเรื่องราว คุณเกรซ มหาดำรงค์กุล บุตรีได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงคุณค่าของบิดา ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล ศิลปินผู้รังสรรค์โลกแห่งภาพถ่าย ผู้ซึ่งก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งศิลปะ จนได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสิบช่างภาพยอดเยี่ยมของโลก จากความทรงจำอันแจ่มชัดของคุณเกรซนั้น คุณชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล มิใช่เพียงช่างภาพผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ แต่เป็นศิลปินผู้มีหัวใจรักในศิลปะการถ่ายภาพ สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นดั่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าไว้กับสังคมไทย ด้วยความรักอันลึกซึ้งในการถ่ายภาพ คุณชัยโรจน์ได้บันทึกทุกห้วงเวลาแห่งชีวิตผ่านเลนส์กล้องคู่ใจ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์อันงดงามแห่งธรรมชาติ วิถีชีวิตอันเรียบง่ายของผู้คน หรือสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว จนภาพถ่ายเหล่านั้นกลายเป็นดั่งส่วนหนึ่งของชีวิต “ท่านเป็นผู้ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างยิ่ง” คุณเกรซกล่าว “ท่านจะใช้เวลาอยู่กับกล้องคู่ใจเสมอ คอยดูแลรักษา สอนการวัดแสง และถ่ายทอดเทคนิคการถ่ายภาพให้แก่ลูกๆ ท่านมักจะย้ำเสมอว่า ‘ภาพหนึ่งภาพ สามารถเล่าเรื่องราวได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องมีคำบรรยาย’ และนี่คือแนวทางในการถ่ายภาพของท่าน” จากแนวคิดนี้เองที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบ “Pictorial Art” ที่ทุกภาพสื่อถึงเรื่องราวในตัวมันเอง ภาพถ่ายของชัยโรจน์ส่วนใหญ่เป็นการบันทึกวัฒนธรรม ผู้คนในอิริยาบถต่างๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่กำลังจะเลือนหายไป เช่น การบวชลูกแก้ว การแข่งเกวียน หนังตะลุง และศิลปะการแสดงต่างๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้ต่อไป ซึ่งทุกภาพ ทุกแสงเงา จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวและความหมาย เป็นที่มาของรางวัลมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบช่างภาพยอดเยี่ยมของโลก คุณชัยโรจน์ยังได้รับโอกาสอันทรงเกียรติในการบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทย เช่น งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และภาพเรือสุพรรณหงส์ในงานประชุมเอเปค 2003 รวมถึงการได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเวลา 2 ปี เพื่อจัดทำหนังสือภาพ 72 พรรษา “ภาพชุดสมเด็จพระพันปีหลวงนี้ คุณชัยโรจน์บอกว่า สักวันหนึ่งเราจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานชุดนี้” คุณเกรซกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ภาพชุดนี้เป็นภาพที่พ่อภูมิใจที่สุด”ด้วยผลงานภาพถ่ายนับหมื่นภาพ รวมถึงภาพที่ได้รับรางวัลมากมาย คุณชัยโรจน์จึงมีความปรารถนาที่จะมอบผลงานทั้งหมดให้แก่หอสมุดแห่งชาติ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชมศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตในแง่มุมต่างๆ ผ่านภาพถ่ายของท่าน

Read More