- Original
- Hero
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Interview
- Thai Treasure
- Homeland
- On this day
- News
- Goods
- Editor Picks
- Home
- Good Business
- Good Product
- Good Society
- Business
- Politics
- Lifestyle
- Home
- Technology
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Social
- Enviroment
- Sport
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: admin
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้าอันดับ 1 ของประเทศ – ที่ 3 ของอาเซียนมหาวิทยาลัยที่สร้างบัณฑิตมีคุณภาพสูง
สถาบันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสากล ประเทศอังกฤษ Quacquarelli Symonds (QS) ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ประจำปี 2022 (QS Graduated Employability Rankings 2022) อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา.พิจารณาจากคุณภาพบัณฑิตและการจ้างงาน ซึ่งพบว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ถูกจัดลำดับให้เป็นสถาบันการศึกษาอันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นที่ 1 ของประเทศไทย ควบคู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ส่วนในระดับโลก มธ. ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอันดับที่ 141-150 เลื่อนขึ้นมาสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในกลุ่มอันดับ 171-180.รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มธ. เปิดเผยว่า ในปี 2022 สถาบัน QS ได้จัดลำดับมหาวิทยาลัยจากทั่วโลก รวม 786 แห่ง โดย มธ. ได้รับการเลื่อนลำดับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากการบรรลุตัวชี้วัดทั้ง 5 ด้าน ได้แก่.1. ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจากผู้จ้างงาน (Employer Reputation)2. ความสำเร็จของศิษย์เก่า (Alumni Outcomes)3. บทบาทและความร่วมมือกับภาคธุรกิจ (Employers-student Connections)4. ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยกับนายจ้าง (Partnerships with Employers)5. อัตราการจ้างงานของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา (Graduate Employment Rate).รศ.เกศินี กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ มธ. ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย และอันดับ 3 ของอาเซียน คือความก้าวหน้าใน 3 ด้านสำคัญ ซึ่งสะท้อนผ่านคะแนนที่ได้รับเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ได้แก่.1. ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจากผู้จ้างงาน คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 23.1 ในปี 2020 เป็น 29.1 ในปี 20222. ความสำเร็จของศิษย์เก่า คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 75.7 ในปี 2020 เป็น 81 ในปี…
เมื่อวันที่ (30 ก.ย.) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โพสต์ภาพและข้อความ แสดงความยินดี ระบุว่า มีคนไทยคนแรกในรอบ 15 ปี ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรการฝึกทำลายใต้น้ำพื้นฐาน/หน่วยซีล ของสหรัฐอเมริกา คือ เรือโท อนิรุธ ทองสีมา มีระยะเวลาการฝึก 24 สัปดาห์ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือสหรัฐ ข้อความของเพจสถานทูต ระบุว่า.“ขอแสดงความยินดีกับเรือโท อนิรุธ ทองสีมา ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรการฝึกทำลายใต้น้ำพื้นฐาน/หน่วยซีล (BUD/S) ระยะเวลา 24 สัปดาห์ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือสหรัฐ ที่เมืองโคโรนาโด รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเร็ว ๆ นี้.โดยเป็นคนไทยคนแรกในรอบ 15 ปีที่ผ่านการฝึก หลักสูตรดังกล่าวมักเป็นที่รู้จักในฐานะการฝึกที่ท้าทายสำหรับสภาพร่างกายและจิตใจมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในแต่ละปีจะมีผู้ผ่านการฝึกหน่วยซีลเพียงประมาณ 200-250 คน จากประมาณ 1,000 คน ที่เริ่มการฝึก”..#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
เมื่อวันที่ (30 ก.ย.) จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมถีงจังหวัดสุโขทัย แต่ปรากฏว่ามีพื้นที่แห่งหนึ่งรอดพ้นอุทกภัย โดยสังคมออนไลน์ได้แชร์กระหน่ำเฟซบุ๊กชื่อ “หม่อมหลง” โพสต์รูปภาพโคกหนองนา สุโขทัย พร้อมข้อความว่า.ศาสตร์ของพระราชา โคกหนองนา สุโขทัย รอดพ้นมหาอุทกภัยได้อย่างน่าทึ่ง โคก-หนอง-นา โมเดล คือ การจัดการพื้นที่ซึ่งเหมาะกับพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่นั้น โคก-หนอง-นา โมเดล เป็นการที่ให้ธรรมชาติจัดการตัวมันเองโดยมี มนุษย์เป็นส่วนส่งเสริมให้มันสำเร็จเร็วขึ้น อย่างเป็นระบบ.โคก-หนอง-นา โมเดล ซึ่งเป็นแนวทางทำเกษตรอินทรีย์และการสร้างชีวิตที่ยั่งยืน มีองค์ประกอบดังนี้.1. โคก: พื้นที่สูง– ดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นให้นำมาทำโคก บนโคกปลูก “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ– ปลูกพืช ผัก สวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ทำบุญ ทำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย– ปลูกที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ.2. หนอง: หนองน้ำหรือแหล่งน้ำ– ขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจำเป็น และเป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม (หลุมขนมครก)– ขุด “คลองไส้ไก่” หรือคลองระบายน้ำรอบพื้นที่ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มชื้น ลดพลังงานในการรดน้ำต้นไม้– ทำ ฝายทดน้ำ เพื่อเก็บน้ำเข้าไว้ในพื้นที่ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่โดยรอบไม่มีการกักเก็บน้ำ น้ำจะหลากลงมายังหนองน้ำ และคลองไส้ไก่ ให้ทำฝายทดน้ำเก็บไว้ใช้ยามหน้าแล้ง– พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ทั้งการขุดลอก หนอง คู คลอง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง และเพิ่มการระบายน้ำยามน้ำหลาก.3. นา– พื้นที่นานั้นให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูดิน ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ยั่งยืน คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดินใช้การควบคุมปริมาณน้ำในนาเพื่อคุมหญ้า ทำให้ปลอดสารเคมีได้ ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกิน– ยกคันนาให้มีความสูงและกว้าง เพื่อใช้เป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม ปลูกพืชอาหารตามคันนาโดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้มีการขับเคลื่อนโครงการ ตามแนวทาง “โคก…
โควิดกรุงเทพฯ สถานการณ์ดีขึ้นหมอริท แจ้งยุติโครงการจิตอาสาช่วยโควิด หลังระบบ สธ.ดูแลทั่วถึง หวังไม่ต้องกลับมาทำอีก
หลังจากที่ทุ่มเท ทั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่กับโครงการ #หมอริทช่วยโควิด มาตลอดระยะเวลาการแพร่ของเชื้อไวรัสช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรอการรักษาและผู้ป่วยยากจน โดยเป็นการรักษาแบบ Home Isolation ส่งยาและติดต่อประสานเตียง พร้อมเปิดรับบริจาคอาหารแห้งและยาโดยไม่รับเงิน.ทว่า เมื่อถึงคราวที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศต่ำกว่าหมื่น อีกทั้งระบบสาธารณสุขในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรองรับและดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึงแล้ว วันนี้ หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิชจึงขอประกาศยุติโครงการ #หมอริทช่วยโควิด พร้อมขอบคุณบุคลากรทุกท่านที่ร่วมกันทำงานอย่างสุดความสามารถ.หมอริท เผยว่า และแล้ววันนี้ก็มาถึง…วันที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับมาต่ำกว่า 10,000 อีกครั้งเป็นวันแรก ซึ่งกินเวลาไป 2 เดือนกว่า ทางโครงการ #หมอริทช่วยโควิด ขอยุติบทบาทการดูแลผู้ป่วยแบบ home isolation ตามประกาศที่แจ้งนี้.“ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาช่วยกันทำโครงการนี้ ขอบคุณผู้บริจาคทุกท่านที่ช่วยเหลือให้โครงการเดินหน้าไปได้ และขอบคุณคนไข้ในการดูแลทุกท่านที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตัว เพื่อช่วยกันระงับการแพร่กระจายของเชื้อโรค ขอให้ไม่ต้องกลับมาทำอีก…สวัสดีครับ”.ทั้งนี้ The Publisher ขอขอบคุณจิตอาสาแพทย์ บุคลากรการแพทย์ แอดมิน ทีมแพคยา ส่งยา และผู้บริจาคทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน. #Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
เสียหายหลายล้าน !! Zuckerberg สูญชม. ละ 2 แสนล้านหลัง Facebook ล่มเมื่อคืน นานกว่า 6 ชั่วโมง.
กลางดึกเมื่อคืน (4 ค.ค.) เป็นเวลาเกือบ 6 ชั่วโมง ที่ระบบ Facebook ทั่วโลกล่ม และสามารถกลับมาใช้ได้อีกที่ในเวลาเกือบ 6 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย.ท่ามกลางการประเมินของ The Wall Street Journal (WSJ) ว่า Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook อาจสูญเงินจากการล่มครั้งนี้ เฉลี่ยชั่วโมงละมากถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 200,000 ล้านบาท).การล่มครั้งล่าสุดกระทบเป็นวงกว้าง เพราะนอกจากผู้ใช้ Facebook แล้ว Platform ในเครืออย่าง WhatsApp และ Instagram ก็ใช้งานไม่ได้ไปด้วย.แม้ทาง Facebook ไม่ได้แจ้งว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สำนักข่าวใหญ่ ๆ อย่าง Reuters, CNBC และ AP รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์และพนักงาน Facebook บางคนว่า อาจมาจากความผิดพลาดในระบบของ Facebook เอง หรืออาจเกิดจากอัพเดตการเชื่อมต่อ.การใช้งานไม่ได้ครั้งนี้ส่งผลต่อหุ้นของ Facebook พอสมควร โดยฉุดให้หุ้นที่ซื้อ-ขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐวานนี้ (4 ตุลาคม) ร่วงลงมาจนปิดลบ 5%.นอกจากนี้ Mike Schroepfer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Facebook กล่าวขอโทษในแถลงการณ์ที่โพสต์ลงในทวิตเตอร์.“ขออภัยอย่างจริงใจต่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการขัดข้องของบริการที่ขับเคลื่อนด้วย Facebook ในขณะนี้ เรากําลังประสบปัญหาด้านเครือข่ายและทีมต่าง ๆ กําลังทํางานให้เร็วที่สุดเพื่อดีบักและกู้คืนให้เร็วที่สุด”.การหยุดทํางานเป็นระยะเวลานานที่สุดสําหรับ Facebook เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปี 2008 เมื่อข้อผิดพลาดทําให้เว็บไซต์ออฟไลน์เป็นเวลานานเกือบหนึ่งวันส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ประมาณ 80 ล้านคน (ณ ตอนนั้น) ได้รับผลกระทบ แต่ในปัจจุบันแพล็ตฟอร์มนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 3 พันล้านคน #Technology#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
คนจะเรียน โควิดก็ห้ามไม่ได้ 3 มหาลัยเอกชนในไทยสุดเนื้อหอมนักศึกษาจีนแห่สมัครเรียนเพียบ เน้นย่ำความเชื่อมั่นระบบการศึกษาไทย
น.ศ.จีนแห่สมัครเรียน ป.ตรี-โท-เอก คึกคัก “ธุรกิจบัณฑิตย์-ม.รังสิต-กรุงเทพธนบุรี” ย้ำ น.ศ.จีนเชื่อมั่นระบบการศึกษาไทย พร้อมเตรียมแผนเปิดเทอมเป็นทางการ พ.ย.นี้ เพิ่มมาตรการพิเศษกำหนดจำนวนคนเข้าเรียนลดความเสี่ยง ด้าน ก.อว.เตรียมออกกฎดูแลคุณภาพเรียนออนไลน์.ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรม และการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ไม่ส่งผกระทบต่อนักศึกษาจีนที่มาเรียนที่ มธบ. เพราะมีการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ต่อเนื่อง ตั้งแต่ 100-1,000 คน และไม่พบนักศึกษาเดิมลาออกแต่อย่างใด เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในหลักสูตรการเรียนของมหาวิทยาลัย แม้จะเรียน และสอบผ่านออนไลน์ 100%.ในขณะนี้ ส่วนการเรียนภาคปฏิบัติใช้วิธี “โยก” ไปเรียนช่วงท้ายเทอมที่คาดว่าสถานการณ์การระบาดจะคลี่คลายลงแล้ว รวมถึงสอบรูปแบบออนไลน์ทั้งหมดสำหรับข้อกังวลด้านคุณภาพการเรียนต้องยอมรับว่าในภาวะที่ไม่ปกติกระทบแน่นอน ฉะนั้นอธิการบดี มธบ. (ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์).จึงมีนโยบายว่าอาจารย์ต้องมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น หากนักศึกษามีปัญหาด้านการเรียน หรือปัญหาอื่นช่วงที่เรียนในมหาวิทยาลัย อาจารย์ต้องแนะนำวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันที และที่ผ่านมา มธบ.เตรียมเปิดการเรียนการสอนตามปกติ (onsite).พร้อมผนวกมาตรการพิเศษด้วยการกำหนดจำนวนนักศึกษาต้องไม่เกิน 20-25 คนต่อคลาส อาจารย์แต่ละภาควิชาต้องตรวจเช็กการเข้าเรียนต่อเนื่อง จากมาตรการดังกล่าวทำให้นักศึกษาจีนและไทยยังสนใจสมัครเรียนเพิ่ม.โดยเฉพาะปีในปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน (เฉพาะนักศึกษาใหม่) เพิ่มขึ้นเทียบกับปี 2563 อยู่ที่ 800 คน และปี 2562 ที่ 700 คน.“ไม่เพียงแต่วิธีการเรียนการสอนที่ดีแล้ว มธบ.ยังพัฒนาหลักสูตรให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักศึกษาด้วยส่งผลให้ได้รับการยอมรับจากนักศึกษาต่างชาติเพิ่มขึ้น มีนักศึกษาจีนใน มธบ.สะสม ราว 3,000 คน.ด้วยคุณภาพการเรียนการสอน คุณภาพหลักสูตรที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรมมีการรับรองมาตรฐานแล้ว ทั้งการสร้างคน เราไม่ได้ให้แค่ความรู้เฉพาะทางแต่ให้ความรู้เพิ่มแบบที่ตลาดงานต้องการ เพื่อให้นักศึกษาเรียนจบแล้วมีงานทำทันที”.ด้าน ดร.กัญจน์นิตา สุเชาว์อิน คณบดีวิทยาลัยนานาชาติจีน และรองผู้อำนวยการสถาบันไทย-จีนมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า แม้จะสอนด้วยระบบออนไลน์ 100% อย่างเช่น เทอม 1 ปีการศึกษา 2564 ก็ยังมีนักศึกษาจีนเข้ามาสมัครเรียน.ประมาณ 250 คน และในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ จะเปิดการเรียนการสอนปกติ และมีการวางแผนจัดตารางสำหรับนักศึกษาภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะสาขาวิชาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยยึดตามมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสถาบันการศึกษา.ขณะที่ ดร.โอฬาร กาญจนากาศ…
เมื่อวันที่ (4 ต.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อการกุศล พร้อมคณะและกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ได้ร่วมกันลงพื้นที่แจกถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตเทศบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนลงเรือท้องแบนเข้าไปแจกถุงยังชีพพร้อมให้กำลังใจชาวบ้าน.เพจเฟซบุ๊ก ธรรมนัส พรหมเผ่า ระบุว่า “วันนี้ผมและทีมงานได้เดินนำสิ่งของช่วยเหลือเข้าไปมอบให้ชุมชนริมแม่น้ำที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.อยุธยา ซึ่งได้รับความเดือดในตอนนี้.ผมได้แนะนำตัวกับชาวบ้านว่าผมเป็นจิตอาสาและกำชับกับทีมงานว่าห้ามบอกกับชาวบ้านว่าผมคือใคร แค่นำสิ่งของมาช่วยเหลือและต้องการรับฟังปัญหาที่แท้จริงจากชาวบ้านเท่านั้น.โดยจุดประสงค์ของผมคือไม่ต้องการคำพูดเอาใจและต้องการรับรู้ความรู้สึกจริง ๆ ของชาวบ้านโดยไม่ต้องเกรงใจ เพื่อที่ผมจะนำไปบอกต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน และถ้าส่วนใดที่ตัวผมคนนี้สามารถทำให้กับพี่น้องประชาชนได้ทันที ผมก็จะทำให้ทุกท่านโดยไม่ลังเลครับ”.#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
ในหลวง โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้ง “มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์”เป้าหมายพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชน ในเขตพื้นที่ที่ดินของรัฐทุกประเภท
เมื่อวันที่ (28 ก.ย.) พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิภูบดินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์” เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ ที่ดินของรัฐทุกประเภท อาทิ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย.ทรงเล็งเห็นว่าพื้นที่โครงการเป็นชุมชนอยู่ติดชายแดน อันถือว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นพื้นที่มรดกโลกของประเทศไทย ที่ควรได้รับการพัฒนาและอนุรักษ์อย่างยั่งยืน เพื่อให้คนอยู่กับป่าอย่างสมดุล และรักษาต้นน้ำ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ.ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานที่ปรึกษาของมูลนิธิ.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา ทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานกรรมการของมูลนิธิ. #GoodSociety#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
ประเทศไทยต้องปรับตัวตามเทคโนโลยี “ชัยวุฒิ” รมต.ดิจิทัล เตรียมดันบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เผยอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง
วันที่ (5 ต.ค.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายว่า เครื่องยาสูบที่เป็นไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ 67 ประเทศทั่วโลกมีการยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยเฉพาะประเทศใหญ่ ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา จีน แม้แต่มาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นยาสูบที่มีความอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริงและมีสารพิษน้อยกว่า เพียงแต่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก เรื่องนี้ตนกำลังศึกษาข้อกฎหมายอยู่ว่าติดขัดเรื่องอะไร เพราะหากทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้ จะสามารถลดอันตรายให้กับผู้สูบและบุคคลรอบข้างได้ เพราะบางคนไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ แม้จะมีการรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่ก็ตาม แต่ปัจจุบันมีคนสูบบุหรี่ถึง 10 ล้านคน “หลายประเทศจึงยอมรับว่า หากเรามีบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถลดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนได้มากกว่า นอกจากนี้ปัจจุบันทราบว่า โรงงานยาสูบและผู้ปลูกยาสูบเองก็มีรายได้ลดลง เนื่องจากคนนิยมไปสูบบุหรี่นำเข้า หรือบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้ามา ดังนั้นถ้าเราสามารถเอายาสูบที่ปลูกในประเทศมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเองได้ จะสามารถแก้ปัญหาให้กับโรงงานยาสูบและเกษตรกรได้ รวมถึงการส่งออกได้ด้วย อยู่ที่ว่าเราจะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายถ้าเราไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีก็จะเกิดปัญหาภายในประเทศและเสียหายในอนาคตได้” นายชัยวุฒิ กล่าว ทั้งนี้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึงแม้จะไม่มีการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดาและดูอันตรายน้อยกว่า แต่จากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพนั้นได้ให้ข้อมูลไว้ว่า สารที่พบได้ในบุหรี่ไฟฟ้าก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีบางงานวิจัยที่ระบุว่า ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าสามารถถูกสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้มากกว่า และยากที่กลไกธรรมชาติของร่างกายจะขับออกมาได้#Social#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
Cute Star Flower หรือ “ดาราพิลาส” ชื่อไทยที่ตั้งตามลักษณะของดอกไม้ที่คล้ายดวงดาว ออกดอกในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว อ.เมือง จ.ระนอง ดาราพิลาส มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lasianthus ranongensis Sinbumroong & Napiroon คำระบุชนิดตั้งให้เป็นเกียรติแก่ จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งพันธุกรรมของพืชดังกล่าว และให้เกียรติแก้ผู้ค้นพบ การค้นพบครั้งนี้ถูกตอบรับตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพด้านชีววิทยาพืช PeerJ (Section Plant biology) ของสหรัฐอเมริกา โดยส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากความร่วมมือในโครงการ Flora of Thailand พืชชนิดนี้ทำการตั้งชื่อและเขียนคำบรรยายทางพฤกษศาสตร์ ตามกฎนานาชาติของการกำหนดชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช (ICN) โดย อ.ดร.ทิวธวัฒ นาพิรุณ อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีนายอรุณ สินบำรุง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฎร์ธานี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้สำรวจและเก็บตัวอย่างต้นแบบแรกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว และนายมานพ ผู้พัฒน์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ เป็นผู้ร่วมให้คำปรึกษาทางอนุกรมวิธาน ดาราพิลาส เป็นหนึ่งในสมาชิกพืชสกุลกำลังเจ็ดช้างสาร วงศ์เข็มหรือวงศ์กาแฟ (Rubiaceae) หลายชนิดในสกุลนี้เป็นพืชป่าสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารสำคัญทางพฤกษเคมีที่มีความโดดเด่น เช่น สารสโคโปเลตินที่พบในปริมาณสูง สำหรับชนิดที่พบเป็นชนิดใหม่นี้มีลักษณะดอกสวยงามคล้ายดวงดาวที่มี 6 หรือ 7 แฉกบานเปล่งประกายอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามันของไทย หากพิจารณาจากจำนวนกลีบดอกตามหลักชีววิทยาของพืชหรือพฤกษศาสตร์ พืชชนิดนี้อาจดูผิดแผกจากลักษณะของจำนวนกลีบดอกที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ 4-5 กลีบดอก หรือเป็นทวีคูณของจำนวนดังกล่าวตามลักษณะพืชใบเลี้ยงคู่ทั่วไป ที่อาจไม่พบอยู่ในหนังสือหรือตำรา แต่ปรากฏให้เห็นอยู่ในป่าเขตร้อนของไทย พืชชนิดใหม่นี้มีลักษณะของส่วนสืบพันธุ์ที่แตกต่างจากชนิดใกล้เคียงภายในสกุลเดียวกันอย่างชัดเจน รวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ ของพืช เช่น ลักษณะรูปใบ สิ่งปกคลุมพื้นผิวกลีบดอกแบบขนสายสร้อยลูกปัด กลีบเลี้ยง ลักษณะรูปทรงหูใบ เป็นต้น ลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะที่มีการควบคุมโดยพันธุกรรม และบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นชนิดได้เป็นอย่างดีในทางชีววิทยาวิวัฒนาการและพฤกษศาสตร์ ทั้งนี้ ผู้ศึกษาวิจัยมีแนวคิดร่วมมือกับผู้ดูแลพื้นที่ และหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในการพยายามช่วยเพิ่มจำนวน โดยอาจใช้เทคโนโลยีชีวภาพพืชเข้าไปส่งเสริม เนื่องจากพืชชนิดนี้มีขนาดกลุ่มประชากรขนาดเล็ก มีถิ่นอาศัยที่มีความจำเพาะ จึงอาจมีความเปราะบางหรือสุ่มเสี่ยงต่อการลดลงของจำนวนประชากรได้ #Environment#ThePublisher #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม