Author: Writer Publisher

การที่รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสสาม โดยแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนอายุ 16-20 ปี กำลังเป็นประเด็นร้อนว่า “เม็ดเงินที่อัดฉีดลงไปจะสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจริง หรือเป็นเพียงนโยบายประชานิยมที่ทำให้รัฐขาดทุนเพิ่ม?” วัยรุ่นได้เงินหมื่น… ใช้ทำอะไร? หากดูจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของวัยรุ่นอายุ 16-20 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงเรียนมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัย เงินหมื่นที่ได้รับ อาจถูกนำไปใช้ใน 4 รูปแบบหลัก ได้แก่ แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง? ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด รัฐบาลหวังว่าเงินนี้จะช่วย ลดภาระครอบครัว โดยใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น เช่น• ค่าเล่าเรียน ค่าเทอม ค่าติว• ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง แต่ในความเป็นจริง วัยรุ่นจำนวนมากอาจไม่ได้ใช้เงินทั้งหมดไปกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เนื่องจากผู้ปกครองบางคนยังคงเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหลักอยู่ ใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ – กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง พฤติกรรมของวัยรุ่นในยุคนี้ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์” มากกว่าสินค้า ทำให้เงินหมื่นอาจถูกใช้ไปกับ:• การท่องเที่ยวและความบันเทิง เช่น ไปคาเฟ่ ดูคอนเสิร์ต ท่องเที่ยวในประเทศ• ช้อปปิ้งออนไลน์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แกดเจ็ตใหม่ ๆ• อาหารและเครื่องดื่มพรีเมียม เช่น ร้านกาแฟแฟรนไชส์ ร้านอาหารแบรนด์ดัง ลงทุนจริงหรือแค่ลองเล่น? วัยรุ่นบางกลุ่มอาจนำเงินไปลงทุน เช่น ซื้อหุ้น, เทรดคริปโต, ลงทุนในธุรกิจเล็ก ๆ หรือทำคอนเทนต์ออนไลน์ แต่ส่วนใหญ่ยังขาดประสบการณ์และความรู้ทางการเงิน ทำให้มีโอกาสเสียเงินมากกว่าทำกำไร การพนันและสิ่งมอมเมา – ความเสี่ยงที่ต้องจับตา อีกหนึ่งข้อกังวลสำคัญคือ เงินที่ไหลเข้าสู่การพนันออนไลน์และสิ่งเสพติด ปัจจุบันแพลตฟอร์มพนันออนไลน์เข้าถึงง่าย และวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยอาจมองว่า “ได้เงินเปล่า ก็ลองเสี่ยงดู” นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เงินบางส่วนจะถูกใช้ไปกับ แอลกอฮอล์ บุหรี่ไฟฟ้า หรือสินค้าแฟชั่นที่ไม่จำเป็น อย่าบอกว่าเป็นเงินดิจิทัลเอาไปทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าไม่แน่ใจอย่างที่สุดว่า เงินดิจิทัลจะไม่ถูกเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นเงินสด ระหว่างการซื้อของในร้านค้า เฟสสาม ลงทุนเท่าไหร่? คุ้มค่าจริงหรือไม่? โครงการแจกเงินดิจิทัลเฟสสามนี้ ต้องใช้งบประมาณมหาศาล รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ที่แน่ชัด แต่หากอิงจากกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอายุ 16-20 ปี ซึ่งมีประมาณ 2.7 ล้านคน การแจกเงินคนละ…

Read More

โลกใบเดิม…แต่ทำไมรู้สึกไม่เหมือนเดิม? สิ่งที่เคยเป็นเรื่องธรรมดา กลับกลายเป็นเรื่องผิดแปลก สิ่งที่เคยมั่นคง กลับไร้หลักประกัน สิ่งที่เคยถูกต้อง กลับถูกตั้งคำถาม นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า โลกมันเปลี่ยนไป หรือเราแค่ปรับตัวไม่ทัน? จากการมีลูกเป็นเรื่องปกติ…สู่ยุคที่ผู้คนกลัวการมีลูก จากที่เคยเห็นพ่อแม่พาลูกเดินห้าง กลับกลายเป็นคนวัยทำงานเลือกที่จะไม่มีลูกเพราะ…ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น การเลี้ยงลูกต้องมีต้นทุนสูง ไม่ใช่แค่เงิน แต่รวมถึงเวลาและความมั่นคง โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้คนลังเลที่จะพาอีกหนึ่งชีวิตเข้ามาเสี่ยง การมีลูกเคยเป็นเรื่องปกติของครอบครัว แต่วันนี้ การไม่มีลูกกลับเป็นทางเลือกที่หลายคนคิดว่า “คุ้มค่ากว่า” จาก “ผู้ชายตามจีบผู้หญิง” สู่ “ผู้หญิงตามจีบผู้ชาย” สังคมไทยเคยยึดติดกับแนวคิดว่า “ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายรุก” แต่ปัจจุบัน อำนาจทางเศรษฐกิจและความคิดที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้หญิงไม่ต้องรอให้ใครมาเลือก แต่สามารถเป็นฝ่ายเลือกเองได้ ผู้หญิงมีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้น มีอิสระในการตัดสินใจ แนวคิดเรื่องความรักเปลี่ยนไป จาก “รักแท้ต้องไล่ล่า” เป็น “รักแท้ต้องเท่าเทียม” ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเลือกและถูกเลือกได้เท่า ๆ กัน แต่ขณะเดียวกัน “ความรัก” ก็ดูจะเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้น เพราะความสัมพันธ์ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยกรอบสังคมอีกต่อไป จาก “เรียนจบทำงานแบงก์ = มั่นคง” สู่ “การตกงาน” “เป็นมนุษย์เงินเดือนมั่นคงกว่า” เคยเป็นคำที่พ่อแม่บอกลูก แต่ปัจจุบัน งานที่เคยมั่นคงที่สุดอย่างงานธนาคาร กลับกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติแทนที่งานมนุษย์ ต้นทุนชีวิตสูงขึ้น ทำให้เงินเดือนที่เคยเพียงพอ กลับกลายเป็นแค่ค่าผ่อนหนี้ “จบสูง = งานดี” ไม่ใช่หลักประกันของชีวิตอีกต่อไป จาก “บ้านใหม่คือหลักสำคัญของชีวิต” สู่ “บ้านใหม่คือหนี้ก้อนโต” บ้านเคยเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จ แต่ปัจจุบัน บ้านคือภาระหนี้ที่ต้องแบกรับไปหลายสิบปี ราคาที่ดินสูงขึ้น แต่รายได้คนเพิ่มตามไม่ทัน การกู้เงินซื้อบ้าน กลายเป็นภาระที่อาจต้องจ่ายจนเกษียณ คนรุ่นใหม่จึงเลือก “เช่า” แทน “ซื้อ” เพราะมีอิสระและความยืดหยุ่นทางการเงิน สำคัญกว่าการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ บ้านที่เคยเป็น “ฝันของทุกคน” กลายเป็น “ฝันที่ไกลเกินเอื้อม” โลกปรับ-เราเปลี่ยน ถ้าเรามองการเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหา เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างยากขึ้น แต่ถ้าเรามองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส เราจะเห็นว่ามันคือ “ก้าวใหม่” ที่เราต้องเดินไปให้ได้ เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องความมั่นคง เพราะความมั่นคงในชีวิต…

Read More

อดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ รศ.ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ในรายการ WATCHDOG ถึงคดีที่ TRUEID ฟ้องร้อง ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. หลัง กสทช. ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบการโทรทัศน์ 127 ราย โดยระบุชื่อ TRUEID ว่า ละเมิดกฎ “มัสต์แครี” ซึ่งกลายเป็นศึกทางกฎหมายที่สะเทือนวงการสื่อ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ลำดับเหตุการณ์ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ มาจากคำร้องเรียนของผู้บริโภคที่พบว่า TRUEID นำรายการจากทีวีดิจิทัลไปเผยแพร่ พร้อมแทรกโฆษณาเพิ่ม ซึ่งเข้าข่ายเป็นการ ดัดแปลงเนื้อหา ผิดหลักมัสต์แครี ขณะที่ TRUEID อ้างว่าตัวเองเป็น OTT (Over-the-Top) ไม่อยู่ภายใต้การกำกับของ กสทช. ที่ประชุม อนุกรรมการฯ ที่ อ.พิรงรองเป็นประธาน จึงมีมติให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบการ 127 ราย เพื่อให้ตรวจสอบการนำเนื้อหาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หนังสือฉบับแรกไม่มีการระบุชื่อ TRUEID ทำให้ผู้ประกอบการ ไม่เข้าใจเนื้อหาชัดเจน กสทช. จึงประชุมใหม่ และมีการออกหนังสือฉบับที่สอง โดยระบุชื่อ TRUEID ซึ่งผู้ลงนามในหนังสือคือ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ไม่ใช่ อ.พิรงรอง TRUEID จึงฟ้องผู้ลงนามในหนังสือก่อน แต่คดีถูกยกฟ้อง และต่อมาฟ้อง อ.พิรงรอง โดยศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา “ตลบหลัง-ล้มยักษ์” กลั่นแกล้งจริงหรือ? อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ระบุว่า การพิจารณาโทษของศาล ที่ชี้ว่า อ.พิรงรองมีความผิดจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ กสทช. ไม่มีอำนาจกำกับ TRUEID เพราะเป็น OTT แม้ TRUEID จะอยู่นอกเหนือการกำกับของ กสทช. แต่ กสทช.…

Read More

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโต้แย้งกรณีที่ประธานสภาฯ ให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีข้อบกพร่อง และขอให้บรรจุญัตติเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็วที่สุด หนังสือดังกล่าวระบุข้อโต้แย้ง 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่าประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาเนื้อหาญัตติ แต่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบเท่านั้น การตีความข้อบังคับฯ ในลักษณะที่จำกัดเนื้อหาญัตติถือเป็นการ “ลุแก่อำนาจ” และ “เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ” ส่วนการระบุชื่อบุคคลภายนอกนั้น ผู้นำฝ่ายค้านชี้ว่าข้อบังคับฯ ไม่ได้ห้ามการระบุชื่อบุคคลภายนอก และในอดีตก็เคยมีญัตติที่ระบุชื่อบุคคลภายนอกมาแล้ว การอ้างว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกอาจทำให้เกิดความเสียหายนั้นไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังเห็นว่าระยะเวลาการแจ้งข้อบกพร่องก็ไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยนายณัฐพงษ์ระบุว่าการแจ้งข้อบกพร่องของญัตติไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดในข้อบังคับฯ ทำให้การแจ้งข้อบกพร่องดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ยังได้แนบเอกสารหลักฐานการยื่นญัตติในอดีต ซึ่งมีกรณีที่เคยมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอก เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของตนเอง และเรียกร้องให้นายวันนอร์ บรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระของสภาฯ โดยเร็ว สำหรับเอกสารญัตติเก่าที่ฝ่ายค้านแนบไปเพื่อสนับสนุนว่า เคยมีการพาดพิงบุคคลภายนอกในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น การไม่ไว้วางใจ นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2529 ซึ่งมีการพาดพิงบริษัทเอกชน 2 แห่ง คือ บริษัทสหกสิกิจวิศวกร และบริษัทร่วมมิตรการแร่จำกัด ในประเด็นที่อดีต รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัตินำเข้าไม้ซุงจากประเทศเมียนมา เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรอันเป็นพฤติการณ์ที่ประชาชนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องติดตามต่อว่าประธานสภาฯ จะมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือโต้กลับของฝ่ายค้าน หลังเคยยืนยันต่อสาธารณชนถึงสองครั้งว่า “ไม่เอาชื่อทักษิณออก ไม่บรรจุวาระ” ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานสภาฯ แจ้งให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยอ้างว่าการระบุชื่อบุคคลภายนอกอาจทำให้บุคคลนั้นได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมได้ ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และเป็นการจำกัดสิทธิในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

Read More

จากนโยบายหาเสียงสุดอลังการ แจก 10,000 บาท ให้ทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปแบบไร้เงื่อนไข สู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า…รอบแรก เปลี่ยนเป็นแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รอบสอง หดเหลือแจกเฉพาะผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และรอบล่าสุด เดิมประกาศ “แจก 16-59 ปี” แต่สุดท้ายหดลงเหลือ 16-20 ปี จนถูกตั้งคำถามว่า นี่คือการ “ซอยโครงการยิก” ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลถังแตกแล้วใช่หรือไม่? “เป็นโครงการที่สยองจนขนหัวลุก!” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ที่ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร โดยอธิบายถึงความ “ขนพองสยองเกล้า” ของโครงการนี้ไว้ว่า “นี่เป็นเรื่องสยองที่สุดเท่าที่เคยพบเจอในชีวิต” ศิริกัญญากล่าว “เราเห็นอยู่กับตาว่าโครงการนี้ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังเดินหน้ากู้เงินมาแจกต่อ” สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึก “สยอง” ได้แก่ เปลี่ยนนโยบายไปเรื่อย ๆ จนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังเดินหน้าทั้งที่รู้ว่าไม่คุ้มค่า ระบบหลังบ้านยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ใช้ประชาชนเป็น “หนูทดลอง” เงินไม่พอ แต่ยังพยายามแจกแบบแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ 16-20 ปี = หนูทดลองระบบ? อีกประเด็นที่ทำให้ศิริกัญญาติดใจคือ รัฐบาลให้กลุ่มอายุ 16-20 ปีเป็นกลุ่มแรก ซึ่งถูกอ้างว่าเป็น “การนำร่องเพื่อทดสอบระบบ ถ้าต้องทดสอบระบบก่อนแสดงว่าระบบยังไม่พร้อม แล้วทำไมถึงรีบเร่งแจกเงิน ทั้งที่ยังจัดการระบบไม่ได้? นี่เป็นการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของรัฐบาล” ศิริกัญญากล่าว “ฝ่ายรัฐบาลยังทำระบบไม่สำเร็จ ซึ่งสะท้อนระบบราชการเกี่ยงงานกัน จนไร้เจ้าภาพที่แท้จริง แต่คนที่รับสิทธิต้องเป็นฝ่ายรับกรรม ถูกบังคับให้ใช้ระบบที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์” “งบประมาณมีไม่พอใช่ไหม?” “พูดง่าย ๆ คืองบไม่พอแน่นอน” ศิริกัญญา ฟันธง พร้อมให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า งบที่กันไว้ปี 2568 มีเพียง 1.8 แสนล้านบาท รวมกับที่ใช้ไปแล้วก่อนหน้า ทะลุ 3 แสนล้านบาทไปแล้ว และตอนนี้เหลืออยู่ราว 1.5 แสนล้านบาท เท่านั้น “ถ้าเงินพอ ทำไมต้อง ‘ซอยโครงการ’…

Read More

“ไม่ใช่การดับไฟใต้ แต่เป็นการจุดชนวนรอบใหม่” นี่คือคำเตือนจาก พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ออกโรงวิจารณ์สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังการลงพื้นที่ของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” อดีตเลขาฯ สมช.ให้สัมภาษณ์กับ “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” โดยตั้งข้อสังเกตว่า ไฟใต้ที่ปะทุขึ้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการลงพื้นที่ของนายทักษิณ “ทักษิณเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาตั้งแต่เป็นนายกฯ” พล.ท.ภราดรระบุ พร้อมชี้ว่ารัฐบาลปัจจุบัน ไร้ทิศทางในการดับไฟใต้ ไม่ได้เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” และการ “อำนวยความยุติธรรม” ให้ประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนหาข้อยุติได้ยาก “นายทักษิณคือส่วนหนึ่งของปัญหามาตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำให้เกิดความรุนแรงต่อเนื่องมา กล่าวหาว่าผู้ก่อความไม่สงบเป็นโจรกระจอก สามวันจัดการจบแต่สุดท้ายบานปลายมาถึงปัจจุบัน การลงพื้นที่และมีการพบกับนายกฯ มาเลเซีย ประกาศปีหน้าคลี่คลายปัญหาได้ นี่เป็นประเด็นท้าทายที่เกิดเหมือนตอนประกาศโจรกระจอก เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ลงพื้นที่จนถึงวันนี้ (10 มี.ค.68) ที่ จ.ยะลา แน่นอนปัญหาที่ทำให้เกิดเป็นรากเหง้าคือความไม่ยุติธรรมในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นตลอดที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มันมาบรรจบกันกับคดีตากใบ 20ปี เอาใครขึ้นศาลฯ ไม่ได้ จึงเกิดความท้าทายที่จะมีการก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลเองก็ยังไม่ได้แสดงออกถึงทิศทางและนโยบายที่ชัดเจนในการดับไฟใต้ เช่น การปรับโครงสร้างรองรับการแก้ปัญหาทั้งการสร้างพื้นที่ปลอดภัย และการอำนวยความยุติธรรม ฉะนั้นปัญหาจะยิ่งลามไปจนกระทั่งหาข้อยุติได้ยาก “พล.ท.ภราดร กล่าว พร้อมวิเคราะห์ว่า การที่ทักษิณเข้ามามีบทบาทนำในเรื่องนี้เป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะความจริงเขาควรอยู่เบื้องหลัง ทำเงียบ ๆ ไม่เป็นข่าว แต่ตอนนี้เพลี่ยงพล้ำไปแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลเขียนนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้แค่บรรทัดเดียว ไร้ทิศทางและยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา “ใกล้เปลี่ยนผ่าน – เหตุการณ์ยิ่งโหม” อดีตเลขาฯ สมช. ชี้ว่า งบประมาณ อาจเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟใต้ยังคงลุกโชน “ปี 2570 จะเริ่มลดบทบาททหาร ให้พลเรือนมีบทบาทมากขึ้น อาจมีบางกลุ่มไม่อยากให้ลดงบ เพราะมีผลประโยชน์อยู่ ที่ผ่านมา กองทัพเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ผ่าน กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งถือครองงบประมาณจำนวนมาก การที่สถานการณ์รุนแรงขึ้นในช่วงใกล้เปลี่ยนผ่าน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นเรื่องของงบประมาณหรือไม่? เป็นเรื่องที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยงบประมาณถูกใช้ไปเพื่อดับไฟใต้จริง หรือเพื่อเลี้ยงสถานการณ์? “รัฐบาลไม่มีจุดบวกขายในพื้นที่เลย! วาระเร่งด่วนก็ไม่มี” พล.ท.ภราดรกล่าว…

Read More

[กรุงเทพฯ] – ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ออกมาเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจาก “ร่าง พ.ร.บ.แฝดนรก” ซึ่งประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์ และ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยตั้งข้อสังเกตสำคัญ 5 ประการเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของรัฐบาล “นรกแตกแน่” – การพนันออนไลน์ครอบจักรวาล ร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์มีการนิยามคำว่า “การพนันออนไลน์” อย่างกว้างขวางมาก โดยหมายถึง “การพนัน หรือการเล่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือการสื่อสารระยะไกลด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรืออิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งครอบคลุมการพนันทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ✅ หวยออนไลน์ – ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายชั่วโมง ✅ การพนันทายเหตุการณ์ – เช่น การเลือกตั้ง การแข่งขันกีฬา อี-สปอร์ต ✅ เกมพนัน – ตั้งแต่บาคาร่า รูเล็ต สล็อต ไปจนถึงเกมทั่วไปที่มีระบบแจ็คพอต เช่น Candy, ยิงปลา ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยังเปิดโอกาสให้การพนันที่เคยผิดกฎหมายอย่าง สล็อต บาคาร่า รูเล็ต ไฮโล เสือมังกร สามารถเล่นได้เกือบ 24 ชั่วโมงภายในกาสิโน พร้อมเปิดช่องให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ “บอร์ดนโยบาย” “ตีเช็คเปล่าไว้เหมือนเดิม” – ไม่จำกัดจำนวนกาสิโน หนึ่งในข้อกังวลของ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือความคลุมเครือของเงื่อนไขสำคัญ เช่น ✅ ไม่กำหนดจำนวนกาสิโน – ไม่ระบุว่าในประเทศไทยจะอนุญาตให้เปิดกี่แห่ง ✅ ไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดและพื้นที่ – ไม่ระบุว่ากาสิโนต้องมีขนาดเท่าใด หรือธุรกิจอื่นที่อยู่ร่วมต้องมีสัดส่วนแค่ไหน ✅ ไม่มีกรอบภาษีที่ชัดเจน – ไม่กำหนดอัตราภาษีการพนันหรือค่าใบอนุญาตให้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่น การออกใบอนุญาตแบบไม่ต้องประมูล และ การยกเว้นกฎหมายอื่นที่เป็นอุปสรรค “เปิดทางให้อดีตนักการเมือง-กลุ่มทุนใหญ่เข้ามาคุมกาสิโน” ร่าง…

Read More

[กรุงเทพฯ] – กองทุนแสงอาทิตย์ และบริษัท อาร์อี เจเนอเรชั่น จำกัด เปิดตัวโครงการ “ก๊วนหิวแสง” โครงการรวมกันซื้อโซลาร์เซลล์ (Solar Collective Purchase) ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาถูกกว่าตลาดสูงสุดถึง 20% พร้อมรับประกันคุณภาพ และดูแลเรื่องการขออนุญาตให้ครบทุกขั้นตอน ปัจจุบัน การติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในครัวเรือนยังคงมีอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความซับซ้อนของขั้นตอนการขออนุญาต ความไม่มั่นใจในคุณภาพของอุปกรณ์ และต้นทุนที่ยังคงสูง โครงการ “ก๊วนหิวแสง” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยอาศัยแนวคิด “รวมกันซื้อ ถูกกว่า” ยิ่งมีสมาชิกเข้าร่วมมาก ราคาก็ยิ่งลดลง อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชนสามารถติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้โดยมั่นใจในคุณภาพของอุปกรณ์และทีมช่างติดตั้งที่ได้รับการคัดกรองเป็นอย่างดี 4 เหตุผลที่ต้องเข้าร่วม “ก๊วนหิวแสง” ✅ ราคาประหยัดกว่า – รวมกลุ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์คุณภาพในราคาต่อรองที่ถูกลงจากตลาด✅ ครบ จบ ในที่เดียว – มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ การติดตั้ง และการคำนวณความคุ้มค่า✅ คุณภาพชัวร์ – คัดเลือกอุปกรณ์และช่างติดตั้งที่ได้มาตรฐาน พร้อมการรับประกัน✅ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเอกสาร – ช่วยจัดการทุกขั้นตอนการขออนุญาตให้เสร็จเรียบร้อย โครงการนี้เปิดรับสมัครในระยะแรกตั้งแต่เดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2568 สำหรับครัวเรือนใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยการติดตั้งจะเริ่มตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบความคุ้มค่าของการติดตั้งโซลาร์ได้ที่เว็บไซต์ collectivesolar.thailandsolarfund.org และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน LINE: @collectivesolar โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สภาองค์กรของผู้บริโภค (Thailand Consumer Council) และองค์กรผู้บริโภคสากล (Consumer International) โดยมีเป้าหมายช่วยให้ประชาชนสามารถลดค่าไฟฟ้า มีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงานฟอสซิล และผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง 📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมLINE: @collectivesolarเว็บไซต์: collectivesolar.thailandsolarfund.orgFacebook: กองทุนแสงอาทิตย์

Read More

เป็นความคืบหน้ากรณีที่พบผู้ต้องขังชาย ธิติสรรค์ หรืออดีต ผกก.โจ้ ในคดีคลุมถุงดำที่ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยพบเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม และผลชันสูตรพลิกศพจากสถาบันนิติเวชวิทยาพบใช้ผ้าขนหนูผูกคอหลังประตูห้องขังเดี่ยว ขณะที่บรรดาญาติไม่ปักใจเชื่อส่งศพให้โรงพยาบาลจุฬาฯ ชันสูตรฯอีกครั้ง เพราะอดีต ผกก.โจ้เคยมอบหมายทนายความแจ้งความร้องทุกข์ถูกกลั่นแกล้ง ปมกระด้างกระเดื่องผู้คุม ล่าสุดนายเผด็จ หริ่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม มีคำสั่งเรื่องมอบหมายหน้าที่การงานเจ้าพนักงาน โดยให้นายสิทธิพร แก้วคำบ้ง พ้นจากการปฏิบัติหัวหน้างานควบคุมแดน 7 ไปประจำที่ส่วนบริหารทั่วไป จนกว่าจะข้อเท็จจริงจะปรากฏ ด้านครอบครัว และญาติ อดีต ผกก.โจ้ ได้เข้าพบ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรมด้วย ซึ่ง พ.ต.อ.ทวีแสดงความเสียใจ พร้อมระบุได้เร่งรัดให้กรมราชทัณฑ์และหน่วยงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องนำหลักฐานต่างๆ ออกมาเปิดเผยชี้แจง โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนและญาติสงสัย โดยแยกคดีเป็น 2 ส่วน คือคดีการเสียชีวิต และมูลเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิต ซึ่งในอนุกรรมการฯ ที่ร่วมตรวจสอบเรื่องนี้มีคนกลางได้ และทางเรือนจำก็ให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าเรือนจำขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าสอบปากคำ “อดีต ผกก.โจ้” กรณีถูกทำร้ายร่างกายนั้น เรื่องนี้ ถ้าพบการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ กรมราชทัณฑ์มีมาตรการทางปกครองอยู่แล้ว และในส่วนผู้คุมที่หากทำร้ายร่างกายนักโทษก็มีโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง รวมถึงดำเนินคดีอาญาโดยไม่ละเว้น แต่ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อน รมว.ยุติธรรม บอกด้วยว่าแม้ อดีต ผกก.โจ้ จะเสียชีวิตแล้ว แต่คดีอาญาก็ยังไม่สิ้นสุด สามารถสอบสวนจากพยานหลักฐานอื่น เช่น พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และพยานบุคคล พร้อมย้ำว่ากรมราชทัณฑ์ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็ม ที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ควรจะอนุญาตให้เผยแพร่ด้วย

Read More

“ถ้าประธานสภาฯ ไม่ยอมบรรจุญัตติ เพราะพาดพิง ‘คนนอก’ ไม่มีข้อกฎหมายไหนอนุญาตให้ประธานสภาฯ ทำ ถ้าทำก็ผิดกฎหมาย! ” นี่คือคำถามที่สั่นสะเทือนเวทีการเมืองไทยในเวลานี้ หลัง ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมายืนยันว่า ฝ่ายค้านจะไม่แก้ไขเนื้อหาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ประธานสภาฯ ‘วันนอร์’ ทักท้วงว่าไม่ควรพาดพิง ‘คนนอก’ อย่าง ทักษิณ ชินวัตร” โดยเธอยืนยันเรื่องนี้ผ่านการให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร อภิปราย “นายกฯ หุ่นเชิด” ต้องพูดถึง “คนที่ชักใย” ศิริกัญญา ชี้ว่าการพาดพิง “ทักษิณ” ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะญัตติอภิปรายมุ่งเน้นที่ “แพทองธาร ยอมให้ทักษิณคุมเกมอยู่เบื้องหลัง” ซึ่งถือเป็น ข้อกล่าวหาต่อผู้นำรัฐบาลโดยตรง “เราไม่ได้สู้เพียงเพื่อให้พูดชื่อคุณทักษิณในสภาฯ แต่เพื่อไม่ให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ที่ห้ามพาดพิงบุคคลที่สาม ทั้งที่ข้อบังคับสภาฯ อนุญาตให้พูดถึงเท่าที่จำเป็น” ศิริกัญญากล่าว ทักษิณเป็นคนนอกจริงเหรอ? (หัวเราะ) “อ่านญัตติดี ๆ เรากล่าวหาว่า แพทองธารเป็นนายกฯ หุ่นเชิดของทักษิณ แม้ทักษิณจะไม่ได้อยู่ในสภาฯ แต่สามารถตอบโต้ผ่านสื่อ หรือแม้แต่ตั้ง ‘วอร์รูม’ ในสภาฯ เพื่อให้ ส.ส. ประท้วงได้ทุกครั้งที่มีการพูดถึงเขา” “นี่แหละ คือเหตุผลที่เราต้องใส่ชื่อเขาในญัตติ เพราะถ้าไม่มีชื่อ ก็จะถูกประท้วงไม่จบสิ้นจนอภิปรายไม่ได้อยู่ดี!” การตัดสินใจของ “วันนอร์” – ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือเปล่า? “นี่เป็นการ Overreact หรือเปล่า?” ศิริกัญญา ตั้งคำถามว่า วันนอร์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับสภาฯ ไม่ได้ให้อำนาจประธานฯ ก้าวก่ายเนื้อหาญัตติ การใช้อำนาจก็เกินระยะเวลาด้วยเนื่องจากไม่ได้ส่งหนังสือภายใน 7 วัน ถ้ายึดตามข้อกฎหมายไม่มีตรงไหนที่ให้ประธานสภาฯ ใช้อำนาจตรงนี้ได้ ความสัมพันธ์วันนอร์ – เพื่อไทย… เชื่อมโยงหรือไม่? “มันเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมตั้งคำถาม เพราะ วันนอร์เคยร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ถ้าการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีหลักกฎหมายรองรับ ก็จะยิ่งถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ยังเชื่อมั่นใน “วันนอร์” หรือเปล่า?…

Read More